บทที่ 2
“ขอบคุณครับ คุณแม่...ถ้าผมไม่อยู่แล้ว คุณแม่ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ นะ”
“พูดยังกับปุณณ์จะไปไหนไกลแล้วไม่กลับมาอีกอย่างนั้นละ” ปรียาส่ายหน้าให้ลูกชาย โดยไม่ได้อะใจในคำพูดราวกับสั่งเสียนั่นแม้แต่น้อย
“ก็หลังแต่งงานผมมีบินไปฮันนีมูนนี่ครับ”
“แค่อาทิตย์เดียวไม่ใช่หรือไง พูดยังกับจะไปตลอดชีวิต ไม่เอาไม่
พูด วันนี้วันดีแม่ไม่อยากเจอข่าวไม่ดีซ้ำอีก”
“คุณแม่เจอข่าวไม่ดีอะไรมาเหรอครับ”
“ไม่มีจ้ะ” ปรียาตอบปฏิเสธ นั่นเพราะยังไม่อยากให้ปุณณ์รู้เรื่องนี้นั่นเอง เพราะเธอเดาความคิดลูกชายออก ว่าหากรู้เรื่องเข้าคงล่มงานแต่งงานวันนี้เป็นแน่ ซึ่งเธอไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น
ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งหน้าเครียดและคิดหาทางแก้ปัญหา จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ซึ่งก็คือดรินทร์ เธอมาร่วมงานในฐานะเพื่อนเจ้าสาวแต่มาสายไปหน่อยเพราะรถติดมากถึงมากที่สุด
ครอบครัวเธอกับครอบครัวของดาวจรัส เจ้าสาวสุดสวยของวันนี้เป็นญาติกัน ครอบครัวเธอจึงได้รับการ์ดเชิญแต่วันนี้แม่ติดธุระมาไม่ได้ จึงส่งเธอมาร่วมงานในฐานะตัวแทนของครอบครัว และเธอก็มาแบบรู้แค่สถานที่จัดงานว่าคือที่นี่ กับใส่ชุดเพื่อนเจ้าสาวที่ทางดาวจรัสส่งไปให้ที่ปากช่องเท่านั้น ตั้งใจว่าพอมาถึงจะอ่านป้ายตรงลอบบี้ ว่ามีห้องไหนจัดงานแต่งงานโดยชื่อเจ้าสาวคือดาวจรัสบ้าง
แม้จะว่าไปแล้ว การแต่งงานครั้งนี้ของดาวจรัสสร้างความตกใจให้ดรินทร์ไม่น้อย เพราะมันเกิดขึ้นเร็วมากไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ จนใครต่อใครต่างเดาเอาว่าเจ้าสาวอาจกำลังท้อง จึงจัดงานแต่งงานเร็วขนาดนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลอะไรดรินทร์ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ไม่ถามแม้กระทั่งชื่อหรือประวัติของเจ้าบ่าวเพราะคิดว่านั่นคือเรื่องส่วนตัวที่ไม่ควรถามหากอีกฝ่ายไม่เต็มใจที่จะเล่าให้ฟัง ถึงอย่างนั้นก็ยังเต็มใจที่จะมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้
“โอ้ย! จะทำยังไงดี งานจะเริ่มแล้วด้วย” เพียงดาวเดินบ่นพึมพำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เธอรับหน้าที่คอยประสานงาน แต่ทว่ายิ่งทำยิ่งเครียดเพราะถามญาติเจ้าสาวกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ยังไม่ได้คำตอบ ว่าจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นยังไง
นอกจากไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้ว ยังพากันหนีหายไปจนหมดอีกต่างหาก เพราะเมื่อครู่เธอเห็นพ่อแม่รวมถึงบรรดาญาติๆ เจ้าสาวหนีขึ้นรถแล้วขับออกไปจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว เธอเองก็กำลังจะขึ้นไปบอกปรียาให้รู้ข่าวร้าย เพราะโทรศัพท์ไปหาหลายครั้งแต่ปรียากลับไม่รับสายเธอเลย
“กุ๊กไก่” ทันทีที่เห็นเพียงดาวเดินผ่านหน้าไป ดรินทร์ก็เอ่ยเรียกเพื่อนสนิทขึ้นทันที เพราะไม่คิดว่าจะได้มาเจอกันที่นี่
“อ้าว! ลิน กลับมาจากปากช่องตั้งแต่เมื่อไหร่” เพียวดาวเอ่ยถามขึ้นเช่นกัน นั่นเพราะคิดว่าตอนนี้เพื่อนรักยังทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัด เนื่องจากดรินทร์นั้นมีธุรกิจที่ต้องดูแลที่ปากช่อง
“เมื่อเช้า แต่พอดียุ่งๆ เลยไม่ได้โทรหาแก ว่าแต่แกดูรีบร้อนจะไปไหน”
“หาคน”
“หาคน หาใคร” ดรินทร์ถามย้ำเพราะยังไม่เข้าใจ
“คืองี้...” ก่อนจะเล่าเพียงดาวก็ถอนหายใจนำร่องออกมาอย่างอัดอั้น จากนั้นก็เริ่มพูดว่าเพราะอะไรเธอถึงมีท่าทียุ่งปนรีบร้อนประหนึ่งสึนามิถล่ม เพราะกำลังวิ่งวุ่นประสานงานแต่งงานของลูกพี่ลูกน้องคนสนิทจนหัวฟูฟ่อง ความสวยที่เตรียมมาถูกพัดหายไปพร้อมปัญหาใหญ่
เหตุผลสำคัญมาจากจู่ๆ เจ้าสาวของงานที่ชื่อว่าดาวจรัสก็มาล่องหนหายไปแบบดื้อๆ ไม่มีใครเห็นหรือไม่มีใครติดต่อได้แม้กระทั่งพ่อแม่ และตอนนี้บรรดาพ่อแม่รวมถึงญาติพี่น้องฝ่ายเจ้าสาวที่รู้ข่าว ก็พากันหนีออกจากงานกันแล้วด้วย ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้เธอและฝ่ายเจ้าบ่าวแก้ไขกันไป
“เดี๋ยวนะ แกบอกเจ้าสาวที่หายตัวไปชื่ออะไร ขออีกที”
“พี่ดาว ดาวจรัส”
“ดาวจรัสเหรอ” สีหน้าของดรินทร์เองก็ตกใจซ้ำสอง นั่นเพราะชื่อที่ได้ยินมันคือชื่อญาติของเธอที่แต่งงานวันนี้ไม่ผิดแน่
“อื้อ...ส่วนเจ้าบ่าวก็พี่ปุณณ์” เพียงดาวเอ่ยชื่อเจ้าบ่าวออกมา พร้อมกับสังเกตท่าทีของเพื่อนไปด้วย ว่าจะแสดงออกยังไง นั่นเพราะ ดรินทร์เคยปลื้มปุณณ์มาก่อน
อันที่จริงเธอก็อยากบอกเรื่องนี้ให้ดรินทร์รู้เผื่อจะได้มีเวลาทำใจ ว่ารักแรกกำลังจะแต่งงานเหมือนกัน แต่ไปๆ มาๆ เธอกลับเลือกที่จะไม่บอก
“พี่ปุณณ์เหรอ นี่พี่ดาวแต่งงานกับพี่ปุณณ์อย่างนั้นหรอกเหรอ” คนฟังตาโตเป็นไข่ห่าน เพราะไม่คิดว่าจะจุดใต้ตำตอ ถ้ามีการ์ดแต่งงานอยู่ในมือเธอก็คงรู้เรื่องเร็วกว่านี้
อีกอย่างการที่เธอต้องมาร่วมงานแต่งงานชายที่ได้ชื่อว่าเป็นรักแรกมันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย เพราะแม้จะมั่นใจว่าไม่ได้คิดอะไรกับปุณณ์แล้ว แต่ทำไมตอนนี้เธอถึงได้รู้สึกหวิวๆ คล้ายคนกำลังอกหักแบบนี้กัน
“เราขอโทษที่ไม่ได้บอกแกเรื่องพี่ปุณณ์จะแต่งงาน เราแค่ไม่อยากเห็นแกอกหักน้ำตานอง แต่เอ๊ะ...ทำไมแกพูดเหมือนกับว่ารู้จักเจ้าสาว”
“อื้อ...พอดีเราเป็นญาติกัน คงเหมือนแกกับพี่ปุณณ์นั่นแหละ”
“โลกแม่งก็กลม” เอ่ยจบเพียงดาวก็ถอนหายใจออกมา ตอนนี้เธอมืดแปดด้านไปหมดแล้ว ไม่รู้จะแก้ไขปัญหานี้ได้ยังไง
“แล้วแบบนี้งานแต่งงานจะเอาไงต่อ”
“ป้าเรา แม่พี่ปุณณ์นะ ยื่นคำขาดให้ญาติเจ้าสาวหาทางแก้ไขอยู่”
“จะหาทางแก้ไขยังไงเล่า ในเมื่อเจ้าสาวไม่อยู่แบบนี้แล้ว” ดรินทร์คิ้วขมวดอีกคน
“ก็ใช่ไง อีกอย่างเราเห็นบรรดาพ่อแม่ญาติพี่น้องเจ้าสาวพากันหนีขึ้นรถแล้วขับออกไปจากโรงแรมตะกี้นี้ คงเทงานแต่งงานเหมือนเจ้าสาวแล้วแน่นอน เราฟันธงได้”
“หา” เสียงอุทานด้วยความตกใจดังมาจากดรินทร์อีกครั้ง
“เอาไงดีอะแก ช่วยกันคิดหน่อยสิ”
“จะไปคิดอะไรให้ยุ่งยาก ในเมื่อไม่มีเจ้าสาวแล้วก็ยกเลิกงานแต่งไปสิแก จะจัดต่อทำไม”
“หรือไม่ก็แก้ผ้าเอาหน้ารอด ด้วยการหาผู้หญิงสักคนมาเป็นเจ้าสาว” ขณะพูดเพียงดาวก็มองตรงมายังดรินทร์ โดยที่คนถูกมองนั้นไม่รู้ตัวสักนิด ว่าเพื่อนกำลังวางแผนอะไรอยู่ในใจ
“บ้า...ผู้หญิงสติดีที่ไหนจะยอมแต่งงานกับใครง่ายๆ ขนาดนั้นกัน”
“แกไง”
“เราเนี่ยเหรอ”คราวนี้ดรินทร์ตกใจจนตาโตเป็นไข่นกกระจอกเทศ ก่อนจะชี้นิ้วมาที่ตัวเองแล้วทำตาปริบๆ มองมายังเพียงดาว ส่วนคนพูดนั้นกลับส่งยิ้มหวานมาให้
