ตอนที่ 6 หลอกลวง
คริสเตียนวิ่งออกจากร้านไปดักหน้าถิงถิงเอาไว้ได้ทันก่อนที่มู่เฉินจะพาเธอกลับ
“เรามาคุยกันก่อนไหม”
“คุณเป็นมาเฟียใช่ไหมคะคริสเตียน”
“....”
“คุณตอบมาสิคะว่าไม่ใช่ ถิงบอกให้พูด!” ถิงถิงถามทั้งน้ำตาที่ร่วงลงมาไม่ขาดสาย
คริสเตียนที่ยืนนิ่งก็ทำหน้าสลดลง ก่อนจะพยักหน้าตอบกลับอย่างช้า ๆ
“ที่รัก ผมเป็นมาเฟีย”
“เฮอะ! คนโกหก” เธอทอดสายตามองคนตรงหน้าด้วยความโกรธ แสดงว่าตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานั้นคือเรื่องโกหก เขาหลอกเธอว่าเป็นนักธุรกิจที่ทำอสังหาริมทรัพย์ในไทยเพียงเท่านั้น แถมยังหลอกว่าไม่เคยทำร้ายสัตว์แม้แต่ตัวเดียว เขาสร้างภาพให้เธอเห็นว่าเขาเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและแสนดี ซึ่งห่างไกลจากคำว่ามาเฟียลิบลับ
“ผมไม่ได้อยากโกหกที่รัก ผมแค่...ผมแค่...” เขาสืบเรื่องของเธอตั้งแต่วันแรกที่ตกหลุมรัก พอรู้ว่าเป็นลูกสาวของตระกูลจางที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาของครอบครัวเขาก็สบายใจ แต่คาดไม่ถึงว่าเธอจะเกลียดมาเฟียแบบนี้ แสดงว่าพ่อกับพี่ชายของเธอคงไม่ได้บอกว่าเบื้องหลังพวกเขาทำอะไรไว้บ้าง แต่จะให้เขาแฉเบื้องหลังของมู่เฉินก็คงจะทำให้เธอเสียใจยิ่งกว่าเดิม
“แค่อะไรคะ”
“ผมขอโอกาสจากคุณอีกสักครั้งจะได้ไหมถิงถิง” คริสเตียนพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ดวงตาสีอ่อนแสดงความเสียใจจากใจจริง
“ไม่ค่ะ” ถิงถิงส่ายหน้า ตอนนี้เธอรู้สึกปวดหนึบไปทั้งทรวงอกและศีรษะ ทุกอย่างรุมเร้าเข้ามาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวจนเธอยังรับความจริงไม่ไหว แถมคริสเตียนยังเป็นลูกชายของตระกูลที่พี่ชายเธอบ่นว่าเกลียดเข้าไส้อีกต่างหาก ลำพังสิ่งที่เขาโกหกกันนั้นก็ทำให้เธอลังเลใจมากพออยู่แล้ว แต่นี่ยังเคยมีเรื่องราวบาดหมางระหว่างสองตระกูลเข้ามาอีก แบบนี้ความรักของเธอกับเขาจะเป็นไปได้จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ
“ไปถิง กลับบ้านกับเฮียเถอะ อย่าเสียเวลาอีกเลย” พูดจบมู่เฉินก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กทันที ในขณะที่ผู้เป็นพ่อก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยทุกสิ่งทุกอย่าง
“จริง อย่าเสียเวลาคุยกับคนพวกนี้ต่อเลยลูก เพราะยังไงป๊าก็ไม่มีทางเอาไอ้ฝรั่งคนนี้มาเป็นลูกเขย!”
“คือว่า...ป๊าคะ”
“ไม่เอาลูกสาวป๊า หนูจะร้องไห้เพราะมันไปทำไม ป๊าเลี้ยงดูหนูมาเป็นอย่างดี อย่ามาร้องไห้ให้กับคนแบบนี้!” พูดจบชายวัยกลางคนก็เหล่หางตาไปยังคู่กรณีตรงหน้าที่ตอนนี้กำลังยืนหน้าจ๋อยอยู่
“ที่รักอย่าร้องเลยนะ ผมปวดใจ” คริสเตียนทำท่าจะขยับเข้าไปหาภรรยาแต่ก็ถูกพี่สาวของตัวเองที่วิ่งตามมารั้งแขนไว้ ส่วนมู่เฉินรีบมายืนขวางเป็นกำแพงป้องกันน้องสาวอีกชั้นหนึ่ง
“หุบปากไปซะไอ้คริสเตียน น้องสาวกู กูดูแลเองได้” มู่เฉินพูดพลางชี้หน้าคริสเตียน
“แต่นั่นเมียผม!”
“ต่อจากนี้ไปจะไม่ใช่แล้ว น้องสาวกูไม่เอาคนโกหกอย่างมึงมาเป็นผัวหรอก จำไว้!”
“ฮือ...”
“ไม่ร้องนะคะคนเก่งของเฮีย” เขาหันไปบอกน้องสาวสุดที่รักด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ก่อนที่ดวงตาเรียวสีเข้มสนิทจะตวัดไปมองคนตรงข้ามอย่างคาดโทษอีกครั้ง
“ขอผมคุยกับถิงถิงตามลำพังได้ไหม” คริสเตียนได้แต่ร้องขอ
“ไปค่ะ กลับบ้านของเรากัน” มู่เฉินเมินคำขอนั้นพร้อมกับรั้งข้อมือเล็กของถิงถิงให้เดินตามไปยังรถที่จอดอยู่หน้าร้าน
“แต่เฮียคะ...”
“ขึ้นรถค่ะ” มู่เฉินย้ำออกมาเสียงหนักแน่น
ถิงถิงที่ไม่กล้าขัดใจพี่ชายจึงใช้มืออีกข้างเช็ดน้ำตา ก่อนจะก้าวเท้าขึ้นรถไปทันที
คริสเตียนทำได้เพียงทอดสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดดูถิงถิงหายลับไปจากสายตา พอจะเดินตามออกไปก็ถูกคามิลา พี่สาวเพียงคนเดียวรั้งเอาไว้
“อย่าไปนะคริสเตียน”
“แต่ไอรักเขา ไอรักถิงถิงมาก”
“เดี๋ยวยูก็ได้เจอคนที่ดีมากกว่านี้อีก ยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่คู่ควรกับยูมากกว่าตระกูลจางนะ อย่าไปเอาลูกสาวตระกูลนั้นมาเป็นภรรยาเลย”
“ใช่ แด๊ดเห็นด้วยนะคริสเตียน”
“แด๊ดไม่เข้าใจ!” ร่างสูงตวัดสายตามองไปยังผู้เป็นบิดาด้วยความเจ็บปวด นาทีนี้ไม่มีใครเข้าใจเขาเลยสักคน ต่อให้รู้ว่าเธอจะเป็นลูกสาวของตระกูลจางเขาก็ไม่ และที่สำคัญนั่นคือความบาดหมางของผู้ใหญ่ ไม่ใช่คนรุ่นใหม่อย่างเขากับเธอเสียหน่อย
“เข้าใจสิ ทำไมแด๊ดจะไม่เข้าใจลูก” โอดินตอบกลับก่อนจะถอนหายใจออกมาให้กับสภาพที่ทุกข์ระทมของลูกชายตัวดี แต่การจะยอมรับคนที่มาจากตระกูลลิ้นสองแฉกให้เข้ามาในครอบครัวนั้นเขาเองก็ทำไม่ได้จริง ๆ หาภรรยาใหม่ให้ลูกชายยังจะง่ายเสียกว่า
แรกเริ่มเดิมทีสมัยเพิ่งเริ่มก่อตั้งสมาคมมังกรดำตะวันออกเฉียงใต้นั้น มาเฟียทั้งห้าตระกูลต่างก็รักใคร่กลมเกลียวกันเป็นอย่างดี ดูแลกันดุจพี่น้องในไส้ไม่มีผิด หนำซ้ำตระกูลแกรนซ์และตระกูลจางก็ยังเข้าขากันได้ดีเป็นพิเศษอีกด้วย กระทั่งค่ำคืนหนึ่งมาถึง จากที่รักกันดั่งพี่น้องก็กลายมาเป็นศัตรูกัน
ตอนนั้นบรรพบุรุษของตระกูลจางเกิดโลภจึงขายความลับของตระกูลแกรนซ์ให้กับคู่แข่งทางธุรกิจ และทำตัวเป็นนกสองหัวไปมาจนทุกคนฉิบหายกันหมด ต่อให้จะผ่านมาหลายสิบปีแล้วแต่ความชั่วช้าที่บรรพบุรุษตระกูลจางได้ทำไว้ก็ยังคงถูกเล่าขานกันมาจากรุ่นสู่รุ่น นั่นจึงเป็นเหตุให้โอดินไม่เคยไว้ใจคนพวกนี้เลย
“ถ้าเข้าใจแด๊ดก็อย่าห้ามไอสิ พาไอไปสู่ขอถิงถิงมาเป็นภรรยาตามประเพณีซะสิ! มัม ช่วยพูดกับแด๊ดให้หน่อย” ท้ายประโยคคริสเตียนหันไปขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นแม่
“เอ่อ”
“ไม่ได้! แกจะทำเป็นไม่รู้ไม่ได้นะว่าตระกูลจางมันเป็นคนยังไง พวกมันคบไม่ได้!” โอดินรีบชิงตัดบทภรรยาเพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ใจอ่อน
“แต่นั่นมันอดีตไม่ใช่เหรอครับ” คริสเตียนย้อนถาม ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสบมองบิดาตรงหน้าด้วยความตัดพ้อ ก่อนที่ร่างสูงของคริสเตียนจะทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นที่แข็งกระด้างอย่างหมดแรง
ปึก!
“ไอรักเขา ฮึก!”
“....”
“ไม่มีใครเข้าใจไอเลย ฮืออ”
“คริสเตียน”
“ไออยู่ไม่ได้หรอกนะถ้าไม่มีเขา”
“แต่แด๊ดไม่มีวันเอาผู้หญิงคนนั้นมาเป็นสะใภ้แน่นอน” โอดินกล่าวออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำทิ้งท้ายก่อนจะเดินโอบเอวภรรยาไปขึ้นรถ
“กลับบ้านเรากันเถอะคริสเตียน แล้วก็ตัดใจจากผู้หญิงคนนั้นซะ” คามิลาย้ำเตือนในสิ่งที่น้องชายควรจะทำแล้วเดินตามบิดากับมารดาไป
คริสเตียนควักโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาถิงถิงด้วยความร้อนรน
ครืดด ครืดด
แรงสั่นสะเทือนในกระเป๋าถือแบรนด์ดังของถิงถิงทำให้เธอต้องหยิบมันออกมาดู ในขณะที่ตอนนี้รอบตัวของเธอมีพ่อกับพี่ชายนั่งประกบทั้งสองข้าง
“ใครโทรมาหาคะ” มู่เฉินเอ่ยถามทันที ทั้งที่ความจริงเขาแอบชะโงกหน้ามองหน้าจอมือถือของน้องสาวไปแล้ว แต่ถามออกไปพอเป็นพิธี
“เอ่อ คือว่า...”
“เฮียคิดว่าหนูน่าจะรู้นะคะว่าต้องทำยังไงกับสายนี้” เขาพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“แต่ว่าหนู...หนูรักเขา” พูดจบน้ำตาของถิงถิงก็หยดแหมะลงบนแก้ม เธอกำมือถือที่กำลังสั่นสะท้านไม่หยุดไว้ในมือจนแน่น พร้อมทั้งคิดทบทวนซ้ำ ๆ ในหัวไปมาว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคริสเตียนจะดำเนินต่อไปในทิศทางใดได้บ้าง เพราะตอนนี้เธอมองไม่เห็นหนทางที่จะเดินต่อไปด้วยกันได้เลย
“แต่มันไม่คู่ควรกับหนูค่ะ”
“เฮีย...”
“มันโกหกหนู แค่นี้ยังไม่พอที่หนูจะตัดใจจากมันได้อีกเหรอคะ”
เมื่อได้ยินที่พี่ชายถามถิงถิงก็นิ่งไปในทันที เธอเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความเสียใจระคนเจ็บใจ ก่อนที่น้ำตาหยดโตจะร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง
“เจ็บ...หนูเจ็บจังเลยค่ะเฮีย”
“ไม่เอานะคะ อย่าร้องค่ะ น้องสาวสุดที่รักของเฮียจะได้เจอคนดี ๆ อีกเยอะ เชื่อเฮียนะคะ” มู่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับยื่นมือออกไปซับน้ำตาให้เธอ
ถิงถิงหลุบมองหน้าจอมือถืออีกครั้ง ก่อนที่รายชื่อที่เธอบันทึกไว้ว่า 'ที่รัก' จะดับวูบลง
