ตอนที่ 5 ครอบครัวไม่ยอมรับ
คริสเตียนและถิงถิงเดินตามพนักงานต้อนรับไปนั่งที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสบนเครื่องบินที่มีจุดหมายปลายทางเป็นประเทศไทย ตลอดระยะเวลาที่นั่งอยู่ข้างกันฝ่ามือของคนทั้งคู่ไม่ยอมผละห่างกันเลยแม้แต่น้อย ถิงถิงเอนตัวซบไหล่สามี บางจังหวะก็เงยขึ้นไปสบสายตาด้วยความหลงใหลตามประสาคู่รักข้าวใหม่ปลามัน
“ถ้าไปถึงเมืองไทยแล้วผมคงต้องกลับบ้านทันที คุณกลับไปกับผมเลยไหมถิงถิง”
“คงไม่ได้ค่ะ ถิงเองก็ต้องกลับบ้านเหมือนกัน เฮียส่งข้อความมากำชับว่าจะส่งรถมารับทันทีที่เครื่องแลนดิง ถิงคงขัดใจเฮียไม่ได้ค่ะ”
“งั้นเราก็มีเวลาอยู่ด้วยกันแค่ตอนนี้สินะ ทำไมมันสั้นจัง”
“สั้นที่ไหนกันล่ะคะ เราเดินทางกันตั้งหลายชั่วโมง”
“อยู่กับคุณเวลาหลักชั่วโมงก็เหมือนวินาที คุณไม่เข้าใจหรอกว่าผมติดคุณมากแค่ไหน ผมไม่อยากห่างคุณเลย กลัวจะขาดใจตายซะก่อน”
“เวอร์แล้วค่ะที่รัก” ถิงถิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะหยิบแก้วแชมเปญที่พนักงานเดินมาเสิร์ฟ
“ผมไม่ได้เวอร์ หรือคุณทนได้ที่ไม่มีผม”
“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ แค่คิดว่าคืนนี้จะไม่มีคุณให้นอนกอด ถิงก็รู้สึกเหมือนจะนอนไม่หลับเลย” พูดจบเธอก็ระบายรอยยิ้มหวานให้เขา
“โถ่ ที่รักของผม” คริสเตียนรีบโอบกอดภรรยาสุดที่รักเพื่อปลอบโยนทันที
บรรยากาศบนเครื่องบินตลอดสิบสองชั่วโมงหวานฉ่ำไปด้วยความรักของคนทั้งคู่ กระทั่งถึงเวลาที่เครื่องแลนดิงยังสนามบินในประเทศไทยตอนบ่ายแก่ ๆ
“แล้วเจอกันนะที่รัก” คริสเตียนโบกมือลาร่างเล็กตรงหน้า ตอนนี้คงต้องแยกจากเธอแล้วจริง ๆ เนื่องจากคนขับรถของเธอเดินมายืนรอที่ด้านหลัง
“ถิงก็เหมือนกันค่ะ ไว้เจอกันนะคะที่รัก หรือไม่ก็...”
“ก็อะไรครับ”
“ไว้รอรับสายถิงแล้วมาเจอกันที่คอนโดนะคะ” ถิงถิงพูดพร้อมกับส่งสายตาแสนเจ้าเล่ห์ให้สามี
“ได้เลยครับ ไว้เราค่อยมาเจอกันนะ” คริสเตียนเองก็แสยะรอยยิ้มร้ายเช่นกันเนื่องจากเข้าใจความหมายที่เธอสื่อ ก่อนจากกันเขาก็ไม่ลืมเดินเข้าไปกดจมูกลงสูดดมกลิ่นหอมที่ข้างแก้มของเธอทั้งสองข้าง
ถิงถิงจึงเขย่งปลายเท้าขึ้นจุมพิตริมฝีปากหนาตอบกลับ ต่างคนต่างยืนอาลัยอาวรณ์กันอยู่ราวสิบนาที จนกระทั่งคนขับรถเก่าแก่ของถิงถิงกระแอมไอจึงทำให้ทั้งคู่สามารถเดินแยกย้ายกันได้สักที
“ไหนล่ะลูกสะใภ้ฉัน ฉันนึกว่าแกจะพามาด้วยซะอีกคริสเตียน” โอดิน ประมุขของตระกูลแกรนซ์นั่งไขว่ห้างในห้องนั่งเล่นพร้อมกับมองใบหน้าลูกชายที่ไม่ยอมกลับบ้านมาเกือบปีอย่างหมั่นไส้
“โธ่แด๊ด ถิงถิงเขาก็ต้องกลับบ้านเขาสิ จะให้มาบ้านเราก่อนได้ยังไง” คริสเตียนตอบด้วยรอยยิ้มมีความสุข ก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วจัดแจงเอาของฝากแต่ละชิ้นออกมาวางเรียงบนโต๊ะพร้อมทั้งแยกกองอย่างเป็นระเบียบ
“ดูท่าจะรักมากสินะ หน้าบานมาแต่ไกลเชียว”
“รักที่สุดอะแด๊ด” เขารีบเงยหน้าขึ้นไปตอบทันที แถมยังยักคิ้วยียวนส่งให้บิดาทิ้งท้าย
เมื่อเห็นลูกชายที่หนุ่มเจ้าสำราญมาตกม้าตายเพราะสาวเอเชียที่ชื่อถิงถิง โอดินก็ได้แต่ส่ายหน้ากับเบา ๆ ก่อนที่จะชะงักกึก
“คุ้นชื่อนี้ชะมัด”
“แด๊ดว่าอะไรนะ เมื่อกี้ไอได้ยินไม่ค่อยชัด”
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร” โอดินปฏิเสธพลางภาวนาในใจไปด้วยว่าคงไม่ใช่อย่างที่เขาคิดแน่นอน คนบนโลกนี้มีตั้งหลายพันล้านคน ไม่มีทางที่ลูกชายของเขาจะไปตกหลุมรักลูกสาวของตระกูลจางแน่นอน
“ป๊า! เฮีย!” เสียงใสดังลั่นเมื่อเห็นพ่อกับพี่ชายนั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก ถิงถิงรีบวิ่งเข้าไปหาคนทั้งสองทันทีด้วยรอยยิ้มกว้าง ในขณะที่แม่บ้านด้านหลังก็กำลังลากกระเป๋านับสิบใบตามมาทีละคน
“มาสักทีนะลูกสาวป๊า ป๊าคิดถึงหนูจัง” ซ่ง จางลุกขึ้นยืนและอ้าแขนรับร่างลูกสาว
“หนูก็คิดถึงป๊าที่สุดเลยค่ะ” เธอตอบเสียงใสขณะสวมกอดผู้เป็นบิดาแน่นด้วยความคิดถึง ก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นหอมแก้มทำเอาเขาหัวเราะชอบใจยกใหญ่
“พอแล้ว พอแล้ว แก้มป๊าช้ำหมดแล้วมั้ง”
“ก็หนูคิดถึงป๊าจริง ๆ นี่คะ”
“แล้วไม่คิดถึงเฮียคนนี้เหรอคะ” มู่เฉินนั่งกอดอกมองน้องสาวต่างมารดาอย่างงอน ๆ
“คิดถึงสิคะ ถ้าไม่คิดถึงหนูจะโทรหาเฮียบ่อย ๆ เหรอ” ถิงถิงรีบเดินไปนั่งข้างเขาทันที
“คิดถึงเฮียแต่แอบไปมีแฟนเนี่ยนะ เฮียไม่เชื่อหรอก” พูดจบเขาก็แสร้งทำเป็นสะบัดหน้าไปอีกทางราวกับเด็กที่โดยแย่งของรักของหวง
“เชื่อเถอะค่ะ และที่สำคัญนะคะ น้องเขยเฮียหล่อมาก”
เมื่อได้ยินคำว่าน้องเขยหางคิ้วของมู่เฉินก็กระตุกทันที
“หล่ออย่างเดียวไม่ได้นะ ต้องเป็นคนดี รักและดูแลน้องสาวเฮียได้ด้วย”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลยค่ะ รับรองว่าเฮียกับป๊าต้องประทับใจในตัวสามีที่หนูเลือกมาเองกับมือแน่ ๆ”
“ให้จริงเถอะค่ะ”
“หนูไม่ตาต่ำไปคว้าคนเลวมาแต่งงานแน่นอน”
“ได้ยินลูกพูดมาแบบนี้ป๊าก็ค่อยโล่งอกหน่อย” เขายิ้มใจดีให้ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน
“สบายใจได้เลยป๊า คนนี้เขาดีจริง ๆ ค่ะ เป็นผู้ชายในฝันของหนูเลย รับรองป๊าต้องประทับใจเขาเหมือนหนูแน่ ๆ ค่ะ”
“ถ้าหนูพูดมาขนาดนี้เฮียก็ไม่ขัดนะ โทรนัดทางนั้นมาพูดคุยเรื่องแต่งงานให้เป็นกิจจะลักษณะเลยดีกว่า เฮียอยากกอดคอน้องเขยกินเหล้าจีนเต็มทีแล้วนะ”
“เฮียอ่า” ถิงถิงยู่หน้าใส่พี่ชาย คริสเตียนที่เธอรู้จักไม่ชอบเหล้าหรือของมึนเมา เพราะว่าเขาชอบกินเธอต่างหาก
“ป๊าก็เห็นด้วยนะ โทรเรียกทางนั้นให้มาเจอกันดีกว่า ป๊าจะได้ทำความรู้จักกับเขาไว้”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูนัดวันเลยนะคะ”
“ตามสบายเลยลูก”
ถิงถิงหยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาคริสเตียนทันที เธอตื่นเต้นที่จะได้จัดงานแต่งอีกรอบจนแทบอดใจรอไม่ไหว ขนาดยังไม่เจอหน้าพ่อกับพี่ชายของเธอยังดูชอบคริสเตียนขนาดนี้ ถ้าได้ลองคุยกัน ทุกอย่างต้องไปได้ดีและราบรื่นแน่นอน
ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน
“คุณเป็นมาเฟียเหรอคะที่รัก” ถิงถิงถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
เมื่อได้ยินคำถามนั้นคริสเตียนก็รู้สึกถึงน้ำที่กำลังท่วมอยู่ในปาก เขาไม่รู้ว่าจะตอบออกไปยังไงดี ยิ่งเห็นดวงตาคู่สวยตรงหน้ามองมาด้วยความผิดหวังเขาก็ยิ่งไม่กล้าตอบเข้าไปใหญ่
“เห็นไหมคะ เฮียบอกหนูแล้วว่ามันเป็นมาเฟีย ฉากหน้าเป็นนักลงทุนแต่เบื้องหลังทำงานผิดกฎหมายสารพัด ทั้งฟอกเงิน เปิดบ่อน จับลูกหนี้ไปตัดแขน เฮียยังไม่ชั่วแบบนั้นเลย ในวงการมาเฟียมันโหดเหี้ยมที่สุดแล้ว” มู่เฉินได้ทีจึงรีบแฉ แม้ความจริงเขาเองก็ไม่ต่างกัน ไม่มีใครมือสะอาดในวงการนี้อยู่แล้ว แต่น้องสาวของเขาจะไม่มีวันล่วงรู้ว่าเขาเคยทำอะไรลงไปบ้าง
ถิงถิงได้แต่นั่งน้ำตาร่วงโดยไม่พูดอะไรสักคำ ภาพชายหนุ่มที่แสนดีในอดีตเริ่มแตกเป็นเสี่ยง ๆ
“ถิงถิง...” คริสเตียนเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกผิด เขาลุกขึ้นแล้วทำท่าจะเดินเข้าไปหาภรรยาสุดที่รัก แต่ก็ถูกมู่เฉินเข้ามาขวางไว้เสียก่อน
“อย่ามาเข้าใกล้น้องกู”
“ทำไมคะ ทำไมคุณถึงไม่บอกถิงคะ”
“ผมไม่รู้ว่าเรื่องมันจะบานปลายขนาดนี้ ผมขอโทษ ได้โปรดอย่าร้องไห้เลย” คริสเตียนพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอนขณะที่ทำได้เพียงแค่ยืนดูเธอร้องไห้มากขึ้นเท่านั้น เขาไม่คิดจะให้เธอเข้ามาพัวพันกับงานที่เขาทำอยู่แล้ว จึงไม่ได้บอกว่าเบื้องหลังเขาทำงานประเภทไหนบ้าง
“ฮะ ฮึก!”
“ที่รัก...”
“อย่ามาเรียกน้องกูว่าที่รัก กูกับป๊าไม่มีวันยกถิงให้คนอย่างมึง จำไว้!” มู่เฉินประกาศกร้าวเสียงดังลั่น ร่างสูงของว่าที่ผู้นำตระกูลจางมองหน้าอีกฝ่ายตาเขม็ง ไม่ว่าจะวันนี้ วันหน้า หรือวันไหน ๆ ตระกูลจางของเขาก็ไม่มีวันจะญาติดีกับตระกูลแกรนซ์เด็ดขาด
“ไม่ คุณไม่มีวันขัดขวางความรักของผมกับถิงถิงได้”
“มีสิ! ทำไมจะไม่มี มึงไม่สมควรจะถูกคนดี ๆ อย่างน้องกูรัก มึงมันไม่คู่ควรกับน้องกูอีกแล้ว”
“....”
“จำใส่หัวมึงเอาไว้ไอ้คริสเตียน ตระกูลจางของกูไม่มีวันเอาคนตระกูลแกรนซ์มาทำพันธุ์” พูดจบมู่เฉินก็ตวัดสายตาไปมองน้องสาว พอเห็นน้ำตาหยดโตกำลังจะหล่นแหมะลงบนแก้มใส เขาก็รีบใช้มือปาดมันออกทันที
“กลับถิ่นเราเถอะนะคะ คนอย่างมันไม่คู่ควรกับหนู อย่าเสียเวลาอีกเลย เด็กดีของเฮีย” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ก่อนจะพยุงร่างเล็กออกไปจากภัตตาคาร
