
บทย่อ
หญิงสาวเจอกับรักแรกพบที่เป็นเหมือนเจ้าชายในฝัน หลังจากแต่งงานกันถึงเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นมาเฟีย แถมยังเป็นศัตรูของครอบครัวเธออีกด้วย!
ตอนที่ 1 มันเป็นมาเฟีย
ความฝันของทุกคนคืออะไร
ถ้าหากมีคนเดินเข้ามาถามคำถามนี้กับถิงถิง จาง ลูกสาวนอกสมรสเพียงคนเดียวของเจ้าสัวซ่ง จาง ผู้มีอิทธิพลในแถบประเทศฮ่องกงนั้น เธอคงจะอ้าปากตอบได้ทันทีอย่างไม่ต้องคิดว่าความฝันของเธอคือการได้อยู่กับคนที่เธอรัก และเขาก็รักเธอเช่นกัน ได้อยู่ด้วยกัน สร้างครอบครัวขึ้นมาด้วยกัน รวมถึงมีเจ้าตัวน้อยที่เกิดมาจากความรักของเขาและเธอ
ภาพความฝันที่หญิงสาวร่างเอาไว้นั้นช่างสวยงามราวกับเทพนิยายไม่มีผิดเพี้ยน ถิงถิงใฝ่ฝันหาผู้ชายในฝันมาตลอด ผู้ชายที่มือสะอาด ทำอาชีพสุจริต ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงการมาเฟียอย่างพี่ชายและพ่อของเธอ เพราะเธอต้องการเพียงผู้ชายธรรมดาเดินดินคนหนึ่งที่อบอุ่น อ่อนโยน พร้อมจะโอบกอดเธอเอาไว้ด้วยความรักและความเข้าใจ กระทั่งวันที่เธอรอคอยก็เดินทางมาถึง เธอได้พบเจอกับเนื้อคู่เสียที
คริสเตียน แกรนซ์ ผู้ชายที่ทำให้เธอตกหลุมรักตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สบตา และตอนนี้เขาก็มานั่งอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ท่ามกลางสายตาของสองครอบครัวที่กำลังพูดคุยเรื่องงานแต่งงาน
“ไม่แต่ง! ยังไงป๊าก็ไม่ยอมให้หนูแต่งงานกับมันหรอกนะ”
“อย่าว่าแต่คุณไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกผมเลย ผมก็ไม่ยอมยกลูกชายให้เหมือนกัน!”
เสียงประกาศกร้าวระหว่างผู้ใหญ่ของทั้งสองครอบครัวดังลั่นห้องอาหารของภัตตาคารที่ถิงถิงเป็นฝ่ายโทรจองล่วงหน้าเป็นเดือน เธอได้แต่นั่งมองซ้ายทีขวาทีสลับกันไปมาระหว่างพ่อของเธอและพ่อสามีที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดทะเลาะกัน
“ก็ดี! ถ้างั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันตรงนี้แหละ!”
“ต้องการอย่างนั้นก็ได้ ไป! กลับบ้านของเรากัน อย่าไปแต่งงานกับพวกลิ้นสองแฉกเลย พวกนี้ไว้ใจไม่ได้!”
“พอครับ! ทุกคนพอได้แล้ว เงียบ ๆ กันหน่อย!” คริสเตียนที่เป็นฝ่ายทนฟังต่อไปไม่ไหวจึงตัดสินใจยุติสงครามน้ำลาย เพราะดูเหมือนยิ่งปล่อยให้มีปากเสียงกันนานขึ้นเท่าไหร่ความรุนแรงและความบาดหมางก็จะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นทุกที ร่างสูงผุดลุกขึ้นยืนและใช้ฝ่ามือใหญ่ ๆ ของตัวเองตบกับโต๊ะไม้สักเนื้อดีถี่ ๆ จนเกิดเสียงดังป้าบ ๆ ให้พวกผู้ใหญ่ที่กำลังตีกันเป็นเด็ก ๆ ต้องหยุดชะงัก ท่ามกลางสายตาผิดหวังของถิงถิง จาง ว่าที่ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา
“ทุกคนจะทะเลาะกันทำไมครับ ผมไม่เก็ตเลย วาย?” สำเนียงไทยปนอังกฤษถูกเอ่ยออกมาทันทีเมื่อบรรยากาศทั้งห้องอาหารเงียบสนิท พร้อมกับสายตาแข็งกร้าวจากคนของตระกูลจางที่กำลังจดจ้องมายังเขา ซึ่งคริสเตียนก็จ้องตอบโดยไม่ได้มีท่าทีหวั่นเกรง สำหรับเขาแล้ว เขาอยากจะแต่งงานกับถิงถิง เขารักเธอ ถึงแม้ว่าตระกูลแกรนซ์จะจงเกลียดจงชังตระกูลจางก็ตาม เพราะเขาเอาคนลูกมาทำเมีย ไม่ได้ไปปล้ำคนพ่อมาทำพันธุ์สักหน่อย
“นี่มึงยังจะกล้าถามอีกเหรอว่าทำไมผู้ใหญ่เขาทะเลาะกัน เลิกทำตัวไม่รู้เรื่องสักทีเถอะ อ้อ แล้วก็หยุดพูดไทยคำอังกฤษคำได้แล้ว น่าสมเพช กระแดะ” มู่เฉินเอ่ยออกมาอย่างดูแคลนนิด ๆ ทั้งยังนั่งกอดอกไม่สบอารมณ์กับสถานการณ์ตอนนี้สุด ๆ แม้ว่าต้นขาจะถูกถิงถิง น้องสาวสุดที่รักสะกิดบอกให้หยุดปากแล้วก็ตาม
“เฮ้ย! อย่านอกเรื่องได้ไหมคุณ เรามาคุยกันเรื่องงานแต่งงานของผมกับถิงถิงนะ”
“มึงก็รู้นี่ว่าตระกูลมึงไม่ชอบตระกูลกู”
“แล้วไง ตระกูลเราไม่ถูกกันแล้วไง ผมรักถิงถิง ผมไม่ได้รักพ่อคุณหรือคุณสักหน่อย จะเดือดร้อนทำไม” พูดจบคริสเตียนก็ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระทันที
“มึงนี่หน้าไม่อายฉิบหาย”
“พอแล้วน่าเฮีย แค่นี้หนูก็ปวดหัวมากพออยู่แล้วนะคะ” ถิงถิงที่ทนฟังมาตั้งแต่ต้นในที่สุดก็เอ่ยปากออกมา ร่างเล็กเอื้อมไปดึงสามีที่ยืนอยู่ให้นั่งลงที่เดิม ดวงตากลมสีน้ำตาลเข้มมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างสิ้นหวัง แม้ว่าพ่อและพี่ชายของเธอจะไม่เห็นด้วยแต่ตอนนี้ก็ยังอยู่ในขั้นที่เธอรับมือไหว ยังไงคริสเตียนก็เป็นผู้ชายที่เธอรัก เป็นสามีที่ดี แล้วก็น่าจะเป็นว่าที่พ่อของลูกที่ดีได้เช่นกัน แค่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจกันนิดหน่อย อีกไม่นานพวกท่านก็ต้องใจอ่อน แม้ว่าเธอจะไม่รู้ถึงปัญหาที่เคยเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองตระกูลก็ตาม
“ทำไมหนูพูดกับเฮียแบบนี้ หนูไม่รู้เหรอว่าบ้านมันทำอะไร ทำไมถึงได้ไปหลงรักมัน ไหนหนูบอกเฮียว่าหนูไม่ชอบพวกใช้กำลังมากกว่าสมองไงคะ” มู่เฉินหันไปถามน้องสาวเสียงอ่อน แม้ว่าน้ำเสียงที่ใช้สนทนากับคริสเตียนก่อนหน้านี้จะแข็งกระด้าง แต่พอเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวแล้วนั้น เขาพร้อมจะโอนอ่อนให้เธอเสมอ ยกเว้นแค่เรื่องเดียวเท่านั้นที่ชีวิตเขายอมไม่ได้ นั่นก็คือปล่อยให้ถิงถิงแต่งงานกับไอ้ลูกครึ่งฝรั่งตรงหน้านี้ ยิ่งเห็นหน้ามันยิ้มเย้ยกลับมาเขาก็ยิ่งขัดใจจนอยากจะลุกขึ้นไปปล่อยหมัดกังฟูใส่ปากมันสักป้าบ
“คริสเตียนเขาเป็นคนใจดีนะคะ เป็นผู้ชายในฝันตามที่หนูบอกเฮียไง หนูเคยเล่าเรื่องของเขาให้เฮียฟังตั้งหลายครั้งแล้วนี่ เฮียก็ยังชมเขาอยู่เลยนะคะว่าเขาเหมาะกับน้องสาวเฮียที่สุด”
“ก็ใช่ค่ะ แต่ตอนนั้นหนูแค่โทรมาเล่าไงคะ เฮียไม่ได้เห็นหน้าก็เลยเออออไปด้วย แต่ตอนนี้เฮียเปลี่ยนใจแล้วค่ะ ไม่เห็นด้วยมาก ๆ”
“ทำไมล่ะคะ”
“หนูอยากรู้จริง ๆ เหรอคะ” มู่เฉินรีบถามน้องสาว ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเธอพยักหน้าตอบ
“ค่ะ หนูอยากรู้ เฮียบอกมาเลยค่ะ เรื่องมันจะได้จบ ๆ แต่ถ้าเหตุผลของเฮียฟังไม่ขึ้นหนูจะแต่งงานกับคริสเตียน แม้แต่ป๊ากับเฮียก็ห้ามไม่ได้ด้วย” ถิงถิงเองก็อยากจะรู้เต็มทนแล้วว่าทำไมคริสเตียนสุดที่รักของเธอถึงได้ไม่ได้รับการยอมรับ ทั้งที่ตอนนั้นทั้งพ่อและพี่ชายเธอต่างก็ลงความเห็นว่าเขาคือผู้ชายที่เหมาะสมกับเธอมากแท้ ๆ
“ได้สิคะ เฮียกล้าการันตีเลยว่าหนูไม่มีทางอยากจะแต่งงานกับมันอีกแน่นอน” มู่เฉินพูดด้วยความมั่นใจพร้อมกับเหยียดยิ้มมุมปาก ก่อนจะเหลือบหางตาเรียวรีไปมองคริสเตียนที่นั่งอยู่อีกฝั่ง
“ไอ้คริสเตียน มึงไม่รู้เหรอว่าถิงถิงไม่ชอบมาเฟีย หรือว่ารู้อยู่แล้วแต่ตั้งใจปิดบังน้องสาวกูกันแน่”
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิด ผมแค่...”
“แค่อะไร แค่ตั้งใจจะหลอกน้องสาวกูสินะ” มู่เฉินชิงพูดอย่างเป็นแต้มต่อแล้วก็แสยะยิ้มราวกับว่าศึกครั้งนี้ตระกูลจางของเขาชนะตระกูลแกรนซ์ไปเรียบร้อย
“หมะ หมายความว่าไงคะเฮีย ที่บ้านเราไม่ถูกกับบ้านคริสเตียนเพราะอะไรกันแน่คะ”
“แล้วตอนแรกหนูเข้าใจว่าอะไรล่ะคะ”
“ก็น่าจะ...ผลประโยชน์ทางธุรกิจไหมคะ เพราะว่าก่อนหน้านี้เฮียเคยเล่าให้หนูฟังว่าตระกูลแกรนซ์เคยซื้อที่ดินตัดหน้าเราไป เราไม่ถูกกับบ้านคริสเตียนเพราะเรื่องนี้ใช่ไหมคะเฮีย ใช่ไหมคะที่รัก คุณตอบถิงถิงมาสิคะ” ถิงถิงถามอย่างร้อนรน เธอหันหน้าไปเขย่าแขนพี่ชายทีแล้วก็หันกลับไปส่งสายตาวิงวอนให้คริสเตียน ผู้ชายที่เธอรักและเชื่อมั่นที่สุดที แต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมตอบอะไร นั่นจึงยิ่งทำให้เธอเริ่มใจคอไม่ดี ได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้คริสเตียนเป็นอะไรในแบบที่เธอไม่ชอบเลย ขออย่าให้เขาเป็น...
“มันเป็นมาเฟียค่ะหนู”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบที่คลางแคลงใจมาตั้งแต่ตอนที่สองครอบครัวได้พบหน้ากันเธอก็ถึงกับนิ่งชะงัก ร่างกายแข็งทื่อไปหมด คล้ายกับมีสายฟ้าฟาดลงมากลางหัวของถิงถิงไม่มีผิด
“ฮะ เฮียว่าอะไรนะคะ คริสเตียนเขาเป็น...”
“มาเฟียค่ะ มันเป็นมาเฟีย แถมตระกูลมันก็ชิงดีชิงเด่นกับเรามาตลอดด้วย หนูได้ยินเฮียไหมคะ มันเป็นมาเฟียประจำถิ่นอิตาลีค่ะ” มู่เฉินย้ำด้วยเสียงดังฟังชัด
ดวงตากลมโตของถิงถิงจับจ้องไปยังร่างสูงตรงหน้า เธอกำลังอยู่ในสภาวะช็อก ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยินเพราะตลอดเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กินกับคริสเตียนมา ชายหนุ่มไม่มีวี่แววว่าจะเป็นมาเฟียอย่างที่พี่ชายเธอบอกได้เลย
“คุณเป็นมาเฟียเหรอคะที่รัก” เธอตัดสินใจถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับคนกำลังหมดแรง พร้อมกับความทรงจำมากมายในครั้งวันวานที่ฉายย้อนกลับเข้ามาในหัว ภาพที่คริสเตียนเป็นผู้ชายใจดี อ่อนโยน และอบอุ่นเหล่านั้นกำลังเล่นงานเธอซ้ำ ๆ ไปมา กระทั่งหยาดน้ำตาค่อย ๆ เอ่อคลอขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ และตัวเธอกำลังตกอยู่ในห้วงความทรงจำในอดีต
ณ กรุงเวนิส ประเทศอิตาลี
‘สวยจัง มีเสน่ห์สุด ๆ ไปเลย’ นั่นคือสิ่งที่ถิงถิงกำลังคิดอยู่ในใจ
ถิงถิง จาง หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปีกำลังเดินชมและเพลิดเพลินไปกับศิลปะนานาชนิดในเมืองสุดโรแมนติกอย่างเวนิสในเวลานี้ เธอกวาดตามองไปรอบ ๆ มองดูสิ่งปลูกสร้างที่แสนงดงามตรงหน้า พลันริมฝีปากระเรื่อก็ระบายรอยยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อความงดงามตรงหน้าทำให้เธอตกหลุมรักเมืองแห่งนี้ ประเทศนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จักเบื่อ
“ถ้าได้ตกหลุมรักใครสักคนในเมืองที่เราหลงเสน่ห์ก็คงจะดีเนอะ” คิดแล้วหญิงสาวก็เผลอพูดออกมาเป็นภาษาไทยเบา ๆ เธอเรียนเฉพาะทางด้านศิลปะอยู่ที่นี่มาครบสองปีแล้ว ซึ่งตอนนี้เธอก็เพิ่งเรียนจบแต่ยังไม่มีแพลนจะบินกลับไทย เธอกะไว้ว่าถ้าเที่ยวเบื่อเมื่อไหร่ค่อยกลับ หรือไม่ก็มีลูกเขยไปฝากคุณซ่ง จางสักคนค่อยบินกลับไปหา
คิดแล้วถิงถิงก็ได้แต่ยืนขำกับความเพ้อฝันของตัวเองพลางส่ายหน้าไปมาให้กับกล้องฟิล์มที่ถืออยู่ในมือ เธอใช้ปลายนิ้วหมุนแผ่นฟิล์มช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงดังคลิกถึงได้หยุด ก่อนจะยกมันขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาแล้วเพ่งโฟกัสไปยังภาพความงามของสิ่งขึ้นชื่อของเมืองแห่งนี้ที่ใครต่างก็เรียกขานกันว่ามหาวิหารเซนต์มาร์ก แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้กดชัตเตอร์ลงไปสักครั้ง มุมมองภาพสะท้อนที่เห็นภายในกล้องกลับไม่ใช่ศิลปะที่เธอหลงรักอีกแล้ว หากแต่เป็น...ชายหนุ่มลูกครึ่งคนหนึ่งต่างหาก
“....”
“.…”
เธอกับเขาสบตากันผ่านเลนกล้องแคบ ๆ ที่แสนจะธรรมดา เขาจ้องมองมายังเธออยู่หลายวินาทีก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างแล้วก้มศีรษะเป็นการขอโทษขอโพยเล็กน้อยที่บังเอิญเอาตัวโต ๆ ของตัวเองมาบดบังภาพวิวที่เธอกำลังจะถ่าย ซึ่งถิงถิงเองก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองอะไร หนำซ้ำยังหลงเสน่ห์ในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเขาอีกด้วย
เธอยืนอมยิ้มอยู่คนเดียว แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเดินผ่านไปแล้วก็ตาม ทว่าเสน่ห์ที่เหลือล้นของอีกฝ่ายนั้นก็ทำเอาถิงถิงอดใจไม่หันหลังกลับไปมองอีกฝ่ายไม่ไหว
“ไม่เป็นไร ๆ โอเค ไม่ต้องกังวลนะ” ชายหนุ่มร่างสูงช่วยพยุงเด็กตัวน้อยที่วิ่งมาชนเขาจนล้มก้นจ้ำเบ้าไปเสียเอง ก่อนจะลูบศีรษะเด็กหญิงเป็นการปลอบขวัญ
ภาพความอ่อนโยนนั้นทำให้ถิงถิงรู้สึกใจสั่นแปลก ๆ ราวกับว่าเธอกำลังหลงเสน่ห์หนุ่มแปลกหน้าเข้าเต็มเปา และแน่นอนว่าหนุ่มคนนี้ตรงกับเจ้าชายที่เธอใฝ่ฝันเอาไว้ เธอชอบคนใจดี สุภาพ ไม่ใจร้อน หุนหันพลันแล่นแบบพวกมาเฟียที่เธอเห็นมาตั้งแต่เด็ก ผู้ชายแบบนี้คือคนที่เธอจะต้องแต่งงานด้วยให้ได้
