บทที่4
ในที่สุดก็ได้เวลาปิดร้าน ฉันทำความสะอาดตามปกติโดยที่มีผู้ชายร่างสูงเดินตามเป็นเงา หลายครั้งที่ฉันใช่สายตาส่งเป็นสัญญาณเตือน แต่เขาก็ทำเป็นไม่รู้ชี้ตามต้อย ๆ เหมือนเดิม
“คุณไม่มีอะไรทำหรือไง”
“ก็ผมทำงานเสร็จแล้ว” เขาตอบพร้อมกับยิ้มยียวนใส่ฉัน
“งั้นคุณก็ไปนั่งรอก่อน เดี๋ยวฉันทำความสะอาดร้านเสร็จแล้ว จะพาคุณไปดูห้อง” ฉันตอบพร้อมกับเดินเลี่ยงไปอีกทาง
เวลามีคนอื่นอยู่ด้วยแล้วรู้สึกแปลก ๆ ทำอะไรไม่ค่อยถนัดเลย จะหยิบจับอะไรก็ติดขัดไปหมดมันไม่เหมือนทุกวันอย่างที่เคยเป็น
“มีอะไรให้ผมช่วยทำบ้างไหม?”
“คุณชอบเข้ามาวุ่นวายแบบนี้เสมอคะ”
“ทำไมคุณชอบมองเจตนาดีของคนอื่นในแง่ลบไปซะหมด ผมอยากช่วยเหลือคุณจริง ๆ”
พอเขาพูดมาแบบนี้ฉันก็นึกได้ว่าส่วนหนึ่งที่ร้านมีคนเข้าเยอะในวันนี้ก็เป็นเพราะฝีมือของเขา ฉันไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีไหนแต่บอกเลยว่ามันได้ผลมาก
“ขอบคุณนะคะที่คุณเรียกลูกค้ามาให้”
“ผมก็แค่ทำตามข้อตกลงของเราก็เท่านั้น ที่นี้เลิกมองผมในแง่ร้ายได้หรือยัง? ผมมาเพื่อช่วยเหลือคุณนะ”
“ก็ได้ค่ะคุณทนายความ” ฉันตอบไปแบบนั้นแต่ในใจฉันก็ยัง ระแวงเขาอยู่ดี
ฉันหันกลับมาสนใจงานตรงหน้าต่อเพราะว่าวันนี้มีลูกค้ามาใช้บริการเยอะงานเลยหนักกว่าทุกวัน
“ทำไมคุณไม่จ้างแม่บ้านมาช่วยสักคนล่ะ” คุณกริชถามขณะที่กำลังช่วยฉันจัดโต๊ะ
“คุณก็เห็นนี่คะว่าปกติแล้วร้านฉันไม่ค่อยมีคน จะเอาเงินที่ไหนมาจ้างแม่บ้าน”
สภาพคล่องทางการเงินของร้านไม่ค่อยดีนัก ฉันเปิดร้านเพราะใจรักไม่ได้หวังกำไรมากนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชัดหน้าไม่ถึงหลังแบบนี้
“อยากให้ผมหาคนมาช่วยไหม คุณจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
“ขอบคุณในความหวังดีแต่ไม่ต้องหรอกค่ะ ร้านฉันฉันทำเองได้”
อย่าหาว่าฉันหยิ่งจองหองหรืออะไรนะแต่มันเป็นเพราะฉันไม่อยากจะพึ่งพาคนอื่นมากเกินไป ฉันอยากจะยืนได้ด้วยขาของตัวเองมันน่าภูมิใจกว่าเป็นไหน ๆ
“ผมรู้ว่าคุณเก่ง แต่ถ้าคุณอยากได้ความช่วยเหลือเมื่อไหร่ บอกได้ทุกเมื่อผมยินดีที่จะช่วยคุณทุกเรื่อง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและมองฉันด้วยแววตาที่แสดงให้รู้ถึงความจริงใจ
“งั้นก็ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้าค่ะ”
บางทีอาจจะจริงที่เขาบอกฉันอาจจะหวาดระแวงมองเขาในแง่ลบมากเกินไป ถ้าไม่ติดว่าเราเจอกันในสถานการณ์ที่แปลกประหลาด เขาก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยทีเดียว
หลังจากทำความสะอาดชั้นล่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็พาเขาขึ้นมาที่ชั้น 2 เพื่อนแนะนำห้องพัก บนนี้มีห้องนอนแค่ 2 ห้อง ห้องหนึ่งเป็นของฉันเองส่วนอีกห้องฉันทำไว้เผื่อเพื่อนมาค้างด้วย ส่วนที่เหลือก็จะเป็นครัว มุมหนังสือหายาก และมุมพักผ่อน แบบ outdoor ที่ฉันจ้างสถาปนิกมาออกแบบเป็นพิเศษ
“นี่ห้องของคุณค่ะ”
ฉันบอกพร้อมกับผลักประตูห้องให้เขาเข้าไปดู ภายในห้องก็ไม่ได้ตกแต่งอะไรมากเน้นสีขาวเทา เรียบง่ายสบายตา ห้องนี้ไม่ค่อยได้เปิดใช้งานแต่ฉันก็ทำความสะอาดอยู่บ่อย ๆ เลยน่าอยู่น่านอน
คุณกริชไม่ได้เดินเข้าไปสำรวจดูเขาเพียงแค่ใช้สายตาสอดส่องไปรอบ ๆ เท่านั้น นัยน์ตาคมหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อจ้องมองไปยังเตียงขนาดคิงไซส์ที่อยู่ติดริมหน้าต่าง เขายกยิ้มเล็กน้อยเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
เหอะ! คงไม่พ้นเรื่องอย่างว่าสินะ!!
“อะแฮ่ม” ฉันแกล้งกระแอมเพื่อเรียกสติของชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ไปดูทางนู้นดีกว่าค่ะ”
ฉันพาเข้าไปดูมุมครัวแล้วก็มุม Outdoor ที่อยู่ข้าง ๆ กัน ฉันทำเอาไว้พักผ่อนเวลาเครียด ๆ ต้องการสูดอาการบริสุทธิ์ที่ไม่ค่อยจะมีเพราะตึกนี้เตี้ยไปหน่อยแค่สองชั้นเอง แต่โลเกชั่นค่อนข้างดีเพราะติดถนนและมองเห็นแนวรถไฟฟ้า ซึ่งดูเหมือนคุณกริชจะสนใจมุมนี้เป็นพิเศษเพราะเขาเดินออกไปสำรวจดูรอบ ๆ จนมาหยุดอยู่ตรงโซฟาไม้กึ่งชิงช้า คนร่างสูงไล่ข้อนิ้วไปตามแนวโซ่ที่เชื่อมระหว่างเสากับตัวโซฟาเอาไว้
“ผมชอบมุมนี้นะ ดูน่าตื่นเต้นดี” เขาพูดพรอ้มกับยิ้มกรุ่มกริ่มใส่
ซึ่งตอนแรกฉันก็ไม่เข้าใจความหมายหรอกแต่พอเห็นสีหน้าของเขา เลยพอเดาไว้ว่าหมายถึงอะไร เหอะ! ในหัวสมองผู้ชายคนนี้มีแต่เรื่องใต้สะดื้อ! ฉันจะอยู่รอดปลอดภัยจากคนอันตรายคนนี้มั้ยเนี่ย?
“คุณนี่น่าไม่อายจริง ๆ”
“หืม ผมน่าไม่อายตรงไหน? ก็แค่บอกว่า ‘ดูน่าตื่นเต้น’ เท่านั้นเอง” คนร่างสูงเดินตรงเข้ามาหาฉันพร้อมเท้าแขนข้างหนึ่งไว้ที่กำแพง “คุณคิดว่าผมจะทำอะไรเหรอ?”
“ก็คุณ ก็….” บ้าจริงเรื่องแบบนี้ฉันจะพูดออกไปได้ยังไง
“นี่คุณคิดลามกกับผมอยู่เหรอเนี่ย?” คนเจ้าเล่ห์ได้ทีเอาใหญ่ตัวเองคิดแท้ ๆ ยังกล้ามาใส่ความคนอื่น!
“ฉันไม่คิดอะไรน่าอายแบบนั้นหรอก!” ฉันมองเขาอย่างเคือง ๆ
คนถูกมองค้อนไม่ยี่หระแถมหัวเราะอย่างชอบใจอีกต่างหาก นี่มันใช่วิสัยของคนที่เพิ่งรู้จักกันงั้นเหรอ?! เขาทำตัวตามสบายเหมือนเรารู้จักกันมานานอย่างนั้นแหละ เฟรนด์ลี่เกินไปรึเปล่าพ่อคุ๊ณณณ
“ทำไมคุณชอบทำหน้าหงิกใส่ผม…หรือว่าเป็นการเรียกร้องความสนใจแบบใหม่?”
“นั้นเพราะคุณชอบกวนประสาท! พูดจาไร้สาระ ฉันจะไปนอนแล้วคุณอยากทำอะไรก็เชิญ!” ผู้ชายบ้า! ใครที่ไหนเขาจะเรียกร้องความสนใจด้วยการทำหน้าหงิก ขืนคุยต่อหน้าฉันคงยับยู่ยี่ไปด้วยริ้วรอยของความโมโห สู้เอาเวลาไปนอนเก็บแรงไว้ทำงานวันพรุ่งนี้ดี
