บทที่1
ร่างสูงเท้าแขนกับเคาน์เตอร์แล้วยื่นหน้าเข้ามาจนฉันแทบไม่มีพื้นที่จะหายใจ “แน่ใจเหรอ….ว่าคุณไม่รู้จัก”
เสี้ยววินาทีที่ใกล้กันฉันได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างใกล้ชิด นัยน์ตาสีสนิมจ้องลึกเหมือนค้นหาคำตอบเขามองฉันเหมือนเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าข่มขืน!!!
“นะ แน่สิ” ฉันรีบก้าวถอยหลังออกห่างทันที
“ยังไงก็แล้วแต่ คุณได้รับมรดกแล้ว แต่ก่อนที่จะเซ็นต์รับ ผมต้องขอทราบประวัติส่วนตัวของคุณ…อย่างละเอียด” พูดจบเขาก็เปิดกระเป๋าเพื่อหยิบเอกสารปึกใหญ่ออกมาให้ฉันอ่าน
มันเป็นเอกสารให้กรอกประวัติส่วนตัวแบบละเอียดยิบ ฉันไล่เปิดดูที่ละหน้าอย่างอึ้ง ๆ เพราะคำถามไล่มาตั้งแต่ฉันเกิดจนถึงปัจจุบัน ขอย้ำว่าคำถามทุกอย่างรวมทั้งเรื่องอย่างว่าด้วย!!!
นี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ แก๊งนี้สุดยอดจริง ๆ นอกจากจะต้มตุ๋นแล้วยังหลอกเอาข้อมูลอีกด้วย คงได้สองเด้งสินะได้เงินด้วยได้ขายข้อมูลด้วย ฉันโยนปึกเอกสารลงบนเคาน์เตอร์แล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“คุณนี่จริง ๆ เลย จะบอกให้นะฉันไม่มีเงินให้คุณหลอกหรอก ร้านนี้ฉันก็ผ่อนแบงค์ไม่หมด อย่ามาเสียเวลาเลยไปหาเหยื่อรายใหม่เถอะ” ฉันพูดอย่างไม่อ้อมค้อมและพยายามสุภาพที่สุด
“ถามจริง ๆ เถอะ คุณกลัวผมหลอกหรือกลัวอะไรกันแน่”
“คุณหมายความว่ายังไง?”
“ถ้ากลัวผมหลอกล่ะก็ ไม่ต้องกังวลหรอก ผมเป็นทนายความจริง ๆ ไม่ได้มาหลอกคุณ”
“มิจฉาชีพก็พูดกันแบบนี้แหละ”
“คุณผู้หญิงครับ ช่วยกรุณามองผมให้ชัด ๆ” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ อีกครั้งพร้อมกับถือวิสาสะใช้ข้อนิ้วเกี่ยวเส้นผมฉันเอาไว้ด้วย “หน้าตาหล่อ ๆ แบบผมดูเหมือนมิจฉาชีพตรงไหนไม่ทราบ”
ใช่…เขาหล่อมาก หล่อเหมือนนายแบบในนิตยสารเลยเครื่องเคราบนใบหน้าของเขามันช่างลงตัวเหมือนงานศิลปะชั้นเลิศ ดวงตาคมเข้มเข้ากับจมูกโด่งรั้น ริมฝีปากหนาแดงระเรื่อตัดกับผิวขาวเหมือนคนไม่เคยตากแดดมาทั้งชีวิต แต่หน้าตาหล่อ ๆ ก็เป็นโจรเยอะแยะไปนี่นา
“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ใช่มิจฉาชีพ” ฉันถามพร้อมกับปัดนิ้วของเขาออกจากเส้นผม
“ผมก็ให้นามบัตรคุณไปแล้วไง หรือคุณอ่านไม่ออกงั้นผมแนะนำตัวอีกครั้งก็ได้ ผมชื่อกริชตฤณ เป็นทนายความของสินสมุทรกรุ๊ปครับ” นี่เขากำลังหลอกด่าฉันรึเปล่า?
“เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว แต่ที่ไม่รู้คือ คุณเป็นตัวจริงรึเปล่า”
“ทำไมขี้สงสัยขนาดนี้ หรือว่าคุณไปทำอะไรไม่ดีมาถึงต้องระแวดระวังตัว”
“คุณอย่ามากล่าวหาฉันนะ!”
”ทีคุณยังกล่าวหาผมได้เลย” ฉันได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ เพราะเถียงไม่ออกจริง ๆ “คุณบอกเองไม่ใช่เหรอครับ ว่าเป็นหนี้อยู่ไม่มีอะไรให้ผมหลอก และถ้าผมเป็นมิจฉาชีพผมคงตัดบทแล้วจากไป ไม่มาเสียเวลาให้คุณสงสัยหรอก”
ก็จริงอย่างที่เขาพูดถ้าเป็นมิจฉาชีพจริงคงไม่ดันทุรันอยู่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ได้ผลประโยชน์หรอกมั้ง แต่ฉันก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดีแหละ กว่าจะโตมาถึงป่านนี้ฉันก็ผ่านอะไรมาเยอะไม่ได้อ่อนต่อโลกเป็นเหยื่อของใครง่าย ๆ
“บนโลกนี้มีคนยกมรดกให้กับคนที่ไม่รู้จักด้วยเหรอ” ยังไงฉันก็อดสงสัยไม่ได้
“ผมว่าคุณมีสมองน่าจะคิดได้นะ”
“คุณหมายความว่ายังไง!” ฉันไม่ชอบเลยเวลามีใครมาพูดอะไรทำนองที่ดูเหมือนฉันโง่
“อะไรล่ะที่ทำให้ท่านพึงพอใจ คุณน่าจะรู้ดี”
“…..” ยิ่งเขาพูดฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“ก็แค่รับเงื่อนไขแล้วเซ็นต์ ๆ ไปซะ” เขามองไปรอบ ๆ ร้านแล้วพูดต่อ “ผมคิดว่าอีกไม่นานร้านคุณก็เจ๊ง เซ็นต์รับเงินเถอะครับสามสิบล้าน…ชุบชีวิตร้านคุณได้เลยนะ”
“คุณไม่มีสิทธิ์มาดูถูกฉันนะ” ใช่ฉันรู้ดี เงินจำนวนนั้นมันมหาศาลขนาดไหน แต่ฉันไม่ชอบวิธีที่เขาพูด ไม่ชอบสายตาที่เขามองร้านฉันเหมือนขยะรอวันเน่าเปื่อย
“ต้องขอโทษด้วยที่มันอาจแทงใจคุณ แต่พูดตามสภาพที่เห็น…ผมเข้ามาเกือบชั่วโมงแล้วไม่เห็นจะมีลูกค้าสักคน”
“….” ฉันเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรงเพราะไม่อาจปฏิเสธความจริงข้อนี้ได้
“ผมรู้ว่าคุณกำลังเดือดร้อน แต่ถ้าไม่อยากได้เงินมรดกผมก็มีข้อเสนออื่น…”
“ข้อเสนออะไรของคุณ”
เขาไม่ได้ตอบในทันทีแต่กลับเดินเข้ามาในเคาน์เตอร์แล้วเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็ว มือหยาบหนาโอบรั้งเอวฉันไว้แน่น “เป็นของผมแลกกับเงินสามสิบล้าน”
ฉันรู้สึกเหมือนโดนกำลังโดนตบหน้าอย่างแรงมันชาไปหมด ดูถูกร้านฉันไม่พอเขายังกล้าดูถูกฉันด้วย!
“เห็นประตูมั้ย! จะออกไปดี ๆ หรือจะให้เรียกตำรวจ!” ฉันผลักเขาออกไปจนพ้นตัวแล้วชี้มือไปที่ประตูอย่างเหลืออด
ฉันจะไม่ทนเสวนากับผู้ชายโรคจิตคนนี้อีก นอกจากพยายามล่อลวงให้ฉันเซ็นต์รับมรดกอะไรก็ไม่รู้เขายังพยายามจะคุกคามแถมดูถูกฉันด้วย
“เห็นประตูไหม จะออกไปดี ๆ หรือจะให้เรียกตำรวจ”
ร่างบางตรงหน้าถลึงตาใส่ผมเดือดดาล แต่ผมไม่หลงกลไปกับท่าทีที่เธอแสดงออกมาหรอก ภายใต้หน้าตาสะสวยผมรู้ว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ เพียงแต่เธอไม่ยอมรับเท่านั้นเอง ผมคิดไว้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้คงไม่ธรรมดาแน่ จากการต่อรองและเล่นการตัวตามสถานการณ์ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสัวจะยกมรดกให้
ผมเชื่อว่าเธอต้องเป็นเมียน้อยคนใดคนหนึ่งของท่านแน่นอน ผู้ชายอย่างผมทั้งหล่อทั้งฮอตแน่นอนว่าผ่านผู้หญิงมาไม่รู้นักต่อนักแล้ว พวกเล่ห์เหลี่ยมตื้นลึกหนาบางหลายของพวกเธอนะ ผมรู้จักเป็นอย่างดี แต่สำหรับแพรวไพลินเธอมาเหนือเมฆและผมค่อนข้างถูกใจที่เธอไม่เดินตามเกมผมง่าย ๆ
