ตอนที่ 7 สาวน้อยกลางสายฝน
กมลเนตรเดินข้ามฝั่งถนนเล็ก ๆ เข้าไปในส่วนชุมชนที่อยู่อาศัยซึ่งมีตลาดสร้างเต็นท์ขายของระหว่างทางหลายร้าน
“อ้าว อายไปไหนมา?” เดือนแม่ค้าวัยกลางคนกำลังเก็บอุปกรณ์ขึ้นรถกระบะ
“ไป เอ่อ..ไปหาเพื่อนมา”
“ดีนะที่วันนี้อายไม่ขายของ ฝนตกหนักอย่างกับฟ้ารั่วขายของไม่ได้เลย”
“เซ็งเลยเนอะ”
“เซ็งมากทุนจมหมด เฮ้อ...” เดือนบ่นกระปอดกระแปดสีหน้าห่อเหี่ยวทำมาหากินยากขึ้นทุกวัน
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะพี่ โดนฝนมารู้สึกไม่สบายตัว” กมลเนตรรีบปลีกตัวกลับรู้สึกว่าร่างกายร้อนผ่าวคล้ายจะเป็นไข้
“เออ ๆ พรุ่งนี้เจอกัน” เดือนพยักหน้าแล้วเร่งเก็บของกลับบ้านเหนื่อยและล้าเต็มที กมลเนตรยิ้มอ่อนหน้าซีดเซียว เดินผ่านตลาดไปยังโซนแฟลตสามชั้นและตรงเข้าไปยังบ้านเช่าชั้นเดียวที่แบ่งเป็นล็อกเล็ก ๆ แยกเป็นส่วนตัว
เจ้าของรองเท้าผ้าใบราคาสูงหยุดชะงักในมือถือกล้องถ่ายรูปทิ้งระยะห่างไม่คุกคามหญิงสาวตัวชุ่ม ทั้งที่สนใจอยากรู้ว่าอะไรทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสียใจเดินร้องไห้ตากฝนตกหนักไม่สนสายตาผู้คนได้..........
ภายในห้องนอนกว้างตกแต่งเรียบหรูสีเทาเข้ม
บนโต๊ะทำงานมีหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ณดลนั่งคลิกปุ่มเมาส์ซ้ำไปซ้ำมาเลื่อนดูรูปภาพที่เขาตะลอนเที่ยวในกรุงเทพฯ ถ่ายรูปสถานที่ต่าง ๆ การดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไปของคนไทยแต่ยังพอมีร้านอาหารเก่าแก่ดั้งเดิมรสชาติอาหารคุ้นเคยทำให้รู้สึกว่านี้คือการได้กลับบ้านอีกครั้งในรอบสิบปี
ปลายนิ้วแกร่งกดคลิกเมาส์ไปเรื่อย ๆ ถึงรูปภาพของหญิงสาวตัวเนื้อตัวเปียกปอนเดินหน้าเบะร้องไห้ท่ามกลางสายฝน ตอนนั้นเขานั่งอยู่บนรถเมล์ติดบนถนนเนิ่นนานแล้วหันมองนอกหน้ากระจกรถเห็นหญิงสาวในสายฝนภาพสวยลงตัวจึงหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาแอบถ่ายและมองเธอเดินผ่านไปสุดสายตาก่อนจะลุกเดินไปหาคนขับรถ
“พี่ครับผมขอลงตรงนี้ได้ไหม?”
“ไม่ได้นี่มันนอกป้ายประจำทาง” คนขับรถเหล่มองไม่ยอมเปิด
“ผมปวดท้องหนักไม่ไหวแล้วครับ” หน้าคมบูดบี้เม้มปากคล้ายอัดอั้น
“อ้าว งั้นก็ได้ระวังรถมอเตอร์ไซต์ด้วย”
“ขอบคุณครับ” ณดลก้าวเท้าลงรถพร้อมกับกางร่มรีบก้าวเดินตามเธอคนนั้นเห็นว่าเธอกำลังเดินข้ามถนนจึงเร่งฝีเท้าตามทันเขามองแผ่นหลังเล็กอยู่ห่าง ๆ ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาสนใจเธอคนนี้ถึงขนาดยอมเดินกางร่มฝ่าฝนมากับเธอ
การเดินของหญิงสาวสิ้นสุดลงที่ป้ายรถเมล์หน้าสวนสาธารณะ เขาแอบมองเธออยู่สักพักก่อนจะรวบรวมความกล้าเข้าไปคุยอย่างเป็นมิตรซึ่งเธอกลับหวาดกลัวเพราะเขาเป็นชายแปลกหน้าที่เข้ามาตีซี้
“เป็นแม่ค้าอยู่แถวนั้น พรุ่งนี้จะขายของไหวไหมนะ” ณดลพึมพำกับตัวเองถึงสิ่งที่ได้ยินตอนหยุดแอบฟังการสนทนาของเธอกับแม่ค้าคนนั้นเลยอยากไปอุดหนุนเพื่อพบเจอกับเธออีกครั้ง
ณดลครุ่นคิดถึงหญิงสาวกลางสายฝนคลิกเมาส์วนเวียนดูรูปภาพสาวน้อยหม่นเศร้าท่ามกลางสายฝนซ้ำ ๆ สักพักเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้นฉุดให้คนอยู่ในภวังค์สะดุ้งก่อนหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย
“ครับคุณอาปุ้ย”
“พรุ่งนี้ว่างไหม อาอยากให้ดลพาทิชาไปเลือกซื้อของเตรียมไปเรียนต่อหน่อยและอย่าลืมนะว่าอาทิตย์หน้าทิชาจะเดินทางแล้ว ดลไปส่งน้องด้วยนะจ๊ะ” อาปุ้ยที่เขาเคารพนับถือร่ายยาวแทบไม่เว้นช่วง
“ได้ครับ” ณดลตอบเพียงสั้น ๆ เช่นทุกครั้งก่อนจะวางสายแววตาว่างเปล่า ตัวเขาเป็นเพียงลูกของเพื่อนสนิทอาปุ้ยที่กรุณาช่วยรับเขามาเลี้ยงหลังจากเสียพ่อแม่ไปจากอุบัติเหตุ อาปุ้ยและสามีรักเอ็นดูเลี้ยงเขาอย่างดีส่งเสียให้เรียนต่างประเทศเพื่อมาสานต่อธุรกิจคู่กับลูกสาวคนเดียวของท่านคือทิชา อีกทั้งยังวางตัวไว้ให้หมั้นหมายกันอยากให้เป็นดองจะได้ช่วยเหลือดูแลกันตลอดไป ทว่าใจของเขาคิดกับทิชาเพียงแค่น้องสาวซึ่งน่าหนักใจหากต้องเกินเลยกันไปกว่านั้นแต่ก็อยากจะปฏิเสธผู้มีพระคุณจึงตกอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ณดลนั่งอยู่ในความเงียบก่อนจะเหลือบมองรูปบนหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มรู้สึกตื่นเต้นและอยากรู้จักกับเธอ........
