ตอนที่ 4 สิ่งที่กลัว
บ้านหลังใหญ่รั้วกำแพงขาวสูงล้อมรอบ
ป้าจอย พี่เปา พี่สมรและกมลเนตรยืนอยู่หน้าประตูเหล็กดัดบานเล็กสำหรับเดินเข้าออกกดออดเรียก รปภ.มาเปิดประตู
“เสาร์อาทิตย์นี้คุณ ๆ เขาไม่อยู่บ้าน ถ้าจะคุยอะไรก็มาวันจันทร์ที่โรงงานนะ อย่ามาหน้าบ้านมันเป็นพื้นที่ส่วนตัว” รปภ.คือทรลูกของคนในหมู่บ้านที่ทุกคนคุ้นเคยกัน
“ขอโทษที่มารบกวนด้วยนะลุง” กมลเนตรเสียอ่อนรู้ว่าเสียมารยาท
“ลุงไม่อะไรหรอก คุณดลเขาใจดีแต่ภรรยาค่อนข้างเก็บตัวไม่ชอบสุงสิงกับใคร”
“เจ้าของชื่อคุณดลเหรอ?” พี่เปาถามสวนขึ้นมาทันควัน
“ใช่ ๆ คุณณดล” เพียงได้ยินรปภ.บอกชื่อเจ้าของบ้านกมลเนตรถึงกับขนลุกซู่ชาวาบไปทั่วแผ่นหลัง
“คุณณดล นามสกุลอะไรจ๊ะลุง?”
“อืม นามสกุลยาวมากลุงก็จำไม่ค่อยได้” ลุงทรยืนเกาหัวความจำไม่ดีแถมนามสกุลเจ้านายก็ยาวเหยียด
“มาทำงานที่นี่ได้เงินเดือนเยอะหรือเปล่า” “เขารับคนเพิ่มบ้างไหม” เปากับป้าจอยชวนลุงทรพูดคุยสอดรู้สอดเห็นกมลเนตรยืนเงียบกลืนน้ำลายหนืดลำบากเหลือบไปมองรถยนต์ของตัวเองเห็นลูกชายกำลังเล่นโทรศัพท์แล้วยิ่งรู้สึกกังวล
เช้าวันจันทร์ท้องฟ้าสดใส
กมลเนตรส่งลูกไปโรงเรียนพอกลับมาถึงบ้านก็เจอพี่ ๆ ป้า ๆ มายืนรอเพื่อชักชวนไปโรงงานกระดาษทิชชูแต่คนที่แสลงหูกับชื่อเจ้าของโรงงานก็บ่ายเบี่ยง อ้างว่าต้องรีบไลฟ์ขายสินค้าเร่งยอดเลยไม่ว่างไปด้วย
ฝ่ายอนุบาล
ผู้ปกครองของน้องมัดหมี่ใจดีนำขนมและน้ำมาเลี้ยงเด็ก ๆ ในช่วงพักเบรกยามบ่าย เด็กอนุบาลทั้งสามชั้นเรียนเดินเรียงแถวกันมารับขนมและน้ำกันอย่างเป็นระเบียบ ณดลช่วยคุณครูแจกขนมให้เด็ก ๆ สายตาสอดส่ายมองหาเด็กชายที่หน้าตาเหมือนกับตนจนได้พบเจอเข้าจัง ๆ
ออโต้ยกมือไหว้เอื้อมมือหยิบถาดขนมเงยมองสบตากับพ่อของมัดหมี่อย่างใสซื่อ ณดลหน้าซีดมือกำถาดขนมสั่น ๆ ตาลายวิงเวียนเมื่อได้เห็นใบหน้าของเด็กชายคนนั้นชัดเจน ออโต้งุนงงสงสัยว่าณดลไม่ยอมปล่อยมือออกจากถาดขนม
“คุณดลคะ คุณดล น้องออโต้รอขนมอยู่ค่ะ” คุณครูลินสะกิดแขนเขาเบา ๆ ณดลสะดุ้งสายตาหลุกหลิก
“ขอโทษนะครับสุดหล่อ” เขาโน้มลงยิ้มให้กับเด็กชายหน้าเหมือนเขาอย่างอ่อนโยน ออโต้ยิ้มน้อย ๆ รับถาดขนมมาถือแล้วเดินไปนั่งโต๊ะอาหาร
ออโต้นั่งกำลังกินขนมกับเพื่อน ๆ ใกล้จะหมด ณดลเดินยิ้มอ่อนมานั่งยอง ๆ ข้างโต๊ะของเด็กชายหน้าเหมือนเขา
“อร่อยไหมครับ?”
“อร่อยที่สุดเลยครับ”
“เอาเพิ่มไหม?”
“พอแล้วครับ ตอนเย็นแม่มารับพาไปกินข้าวถ้ากินข้าวได้น้อยเดี๋ยวแม่บ่น”
“อ๋อ...แล้วคุณพ่อของออโต้ขี้บ่นไหมครับ”
“พ่อไปอยู่บนสวรรค์แล้วครับถ้าพ่อบ่นออโต้ก็ไม่ได้ยิน” ออโต้ตอบเสียงแจ๋วเคี้ยวขนมตุ้ย ๆ แก้มป่อง ณดลขมวดคิ้วแปลกใจเป็นไปได้ว่ากมลเนตรมีสามีใหม่แต่เสียชีวิตไปแล้ว
“......คุณแม่ของออโต้ชื่ออะไรเหรอครับ?” คำถามของเขาทำให้ออโต้หยุดเคี้ยวหรี่ตามองเคือง
“ออโต้ไม่ให้ใครจีบแม่นะ”
“มะ...ไม่จีบหรอกครับ” หน้าเข้มเหลาหลาไม่ทันตั้งตัว
“มีหนุ่ม ๆ มาจีบแม่บ่อยมาก ออโต้หวงแม่” เสียงเล็กกระเง้ากระงอดตั้งป้อมกีดกันหนุ่ม ๆ ที่อยากเป็นแฟนกับแม่ของเขาทันที
“ลุงแค่ถามเฉย ๆ ลุงมีภรรยากับมัดหมี่แล้วจะไปจีบแม่ออโต้ทำไม” ณดลยิ้มแหยแก้เขิน
“คุณพ่อขาทำไมไม่ไปนั่งกับมัดหมี่” มัดหมี่วิ่งมาเกาะแขนพ่ออ้อน ๆ
“พ่ออยากรู้ว่าขนมที่เอามาให้อร่อยไหม เลยเดินถามเพื่อน ๆ ของหนูไงคะ” ฝ่ามืออุ่นแตะแก้มแดงระเรื่ออย่างอ่อนโยน ออโต้ตาละห้อยมองณดลยิ้มให้มัดหมี่อบอุ่นและแสนดี
“ไปที่โต๊ะมัดหมี่หน่อยนะคะ มัดหมี่จะอวดว่าคุณพ่อหล่อ” มัดหมี่ดึงแขนพ่อให้เดินตาม ณดลต้องยอมเหยียดกายยืนเดินไปกับลูกสาวทั้งที่ยังมีเรื่องถามเด็กชายอีกมากมาย ออโต้นั่งกินขนมมองสองพ่อลูกเดินไปด้วยกันอย่างน้อยใจอยากมีพ่อเหมือนเพื่อนบ้าง..............
หลังเลิกเรียน
กมลเนตรมารับลูกชายที่อาคารจุดรับส่งเด็กนักเรียน ออโต้วิ่งมากอดเอวซบหน้าท้องแม่ก่อนจะเงยมองยิ้มแฉ่ง
“อารมณ์ดีอะไรลูก?”
“วันนี้พ่อเพื่อนมาเลี้ยงขนม ออโต้เลยไม่ได้เรียนภาษาไทย”
“โถลูก ขี้เกียจเรียนจริง ๆ เลย” หน้าสวยโน้มลงหาลูกชายตัวน้อยหยิกแก้มขาวใสเปล่งปลั่งมีเลือดฝาดอย่างมันเขี้ยว ออโต้หัวเราะกันคิกคักจนตาหยี กมลเนตรอมยิ้มขำลูกชายน่ารักน่าเอ็นดู
“อาย” เสียงทุ้มทางด้านหลังทำให้กมลเนตรสะดุ้งชะงักหน้าเสียค่อย ๆ หันมองใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ก่อนจะเบิกตากว้างค้างไปชั่วขณะในที่สุดสิ่งที่เธอกลัวก็เกิดขึ้นจริง
“นี่ไงครับคุณพ่อมัดหมี่มาเลี้ยงขนม” ออโต้เสียงแจ๋วไม่รู้เลยว่าตอนนี้แม่กำลังจะหน้ามืด
“ดลขอคุยด้วยหน่อย” สายตาคมสั่นไหวมองคนตรงหน้าด้วยความรักและคิดถึง เธอกระพริบตาถี่ฝืนเกร็งเก็บอาการเดินเลี่ยงไม่ทักทายเพื่อกดความรู้สึกประหม่าเศร้าและหัวใจที่ยังอาลัยอาวรณ์
ณดลหน้าเครียดเดินตามเรียกชื่อเธอซ้ำ ๆ พลางถอนหายใจไม่หยุดหย่อนซึ่งเธอก็ไม่ยอมหันกลับมามองมีเพียงออโต้ก้าวเท้าเล็กเดินข้างแม่หันกลับมามองสงสัยว่าพ่อเพื่อนเดินตามเขากับแม่มาทำไม
“นั่นเป็นลูกของ....” ณดลหมดความอดทนจึงเลือกเอ่ยประโยคที่คิดว่าเธอต้องหันมา
“หุบปาก!” หน้าสวยหันขวับจ้องมองดุ ทว่าสีหน้าโมโหของเธอกลับทำให้เขารู้สึกดี
“ถ้าไม่อยากให้ลูกได้ยินก็คุยกับดลสิ”
