ตอนที่ 2 ความรักโง่ ๆ
บ้านหลังใหญ่ในต่างจังหวัดล้อมรั้วสูงใกล้กับโรงงานกระดาษทิชชู
มัดหมี่ลงจากรถยนต์วิ่งเข้าไปในบ้านรวดเร็วผ่านทิชาผู้เป็นแม่เข้าไปในห้องน้ำเพราะปวดปัสสาวะแทบทนไม่ไหว ทิชาจึงหันไปกวักมือเรียกพี่เลี้ยง
“มัดหมี่เข้าห้องน้ำ”
“ค่ะ คุณผู้หญิง” พี่เลี้ยงรับคำแล้วรีบเดินไปดูแลคุณหนูมัดหมี่ ทิชาหันใบหน้าสวยขาวหมวยตาชั้นเดียวแต่มีเสน่ห์ผิวพรรณขาวผ่องใสริมฝีปากบางแย้มยิ้มร่าเริงให้กับสามีแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเฉยชา
“ไปแวะไหนกันมาคะ กลับมาเกือบค่ำ”
“วันศุกร์เลยพามัดหมี่ไปกินข้าวเล่นของเล่นห้างในเมือง” ณดลตอบเสียงเรียบถอดรองเท้าออกเดินผ่านภรรยาไปยังบันไดบ้าน
“เสาร์อาทิตย์นี้ไม่ว่างพาไปเที่ยวเล่นเหรอคะ?”
“คุณพ่อคุณแม่ชวนไปดูที่ดินจังหวัดอื่น”
“ทิชาพาลูกไปด้วยนะคะ อยากเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศบ้างตั้งแต่ย้ายจากกรุงเทพมาดูแลโรงงานที่นี่ก็ไม่ค่อยได้ไปไหน” เสียงหวานสดใสไม่อยากให้บรรยากาศขุ่นมัวเพราะท่าทางซังกะตายของสามี
“อื้ม.....” เสียงทุ้มดังในลำคอหันหลังก้าวเดินขึ้นบันไดไปเฉย ๆ ทิชาหุบยิ้มเซ็ง ๆ ก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดตามสามีไปยังห้องนอนกว้างมีเตียงขนาดใหญ่และที่นอนเสริมเพิ่มข้างเตียงเพราะมัดหมี่ยังนอนร่วมห้องอยู่กับพ่อ
ณดลวางกระเป๋าทำงานลงบนโต๊ะวางของปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดจะเข้าไปอาบน้ำ
“ทิชาช่วยถอดให้นะ” ร่างบางแทรกตัวมาใกล้เอื้อมมือจะช่วยปลดกระดุมเสื้อแต่ถูกเขาปัดมือและถอยห่างจากเธอ
“ไม่ต้อง!”
“คนเป็นภรรยาจะแตะต้องตัวสามีแต่ละทีช่างยากจังนะคะ” เธอหงุดหงิดกับท่าทางที่เขาแสดงออกต่อเธอเต็มทน
“ดลไม่ชอบให้มาวุ่นวายไง”
“หวงตัวไว้ให้นางนั่นจับได้คนเดียวสินะ ผ่านมาตั้งสี่ปีแล้วป่านนี้มันมีผัวใหม่ไปล่ะยังจะอาลัยอาวรณ์กันอยู่ได้”
“ไปให้พ้นก่อนจะหมดความอดทน” หน้าเข้มขบกรามขยี้จ้องมองดุดัน
“ทิชาผิดตลอดอีกแล้ว” เสียงหวานอ่อนลงหน้าหม่นเศร้าไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ไม่เคยทำอะไรถูกใจและมองข้ามหัวเธอเสมอ
“ออกไปด้วยอย่าเข้ามายุ่มย่ามในห้องคนอื่น” เสียงเข้มทิ้งท้ายประโยคพร้อมกับส่ายหน้าเบื่อหน่ายเดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำปิดประตูกระแทกเสียงดังอย่างหงุดหงิดทิ้งภรรยาให้ยืนเศร้าเพียงลำพัง
ภายในห้องน้ำใหญ่ตกแต่งด้วยหินอ่อนสีขาวสะอาด
ณดลเดินมาหยุดหน้ากระจกจ้องมองใบหน้าตัวเองทั้งหน้าผากคิ้วตาจมูกปากแล้วนึกถึงเด็กชายคนนั้นที่เหมือนเขาราวกับโคลนนิ่งกันมาแต่นั่นไม่ทำให้เขาร้อนใจเท่ากับการได้พบเจออดีตหญิงคนรักเดินจับมือกับเด็กชายคนนั้นซึ่งไม่รู้เลยว่าเธอตั้งท้องลูกของเขาก่อนเลิกราหรืออาจเป็นลูกของชายคนใหม่กันแน่.....
ทาวน์โฮมออฟฟิศสามชั้น
ชั้นล่างสุดแพคสินค้าเตรียมส่งพัสดุชั้นที่สองเป็นพื้นที่ไลฟ์และทีมงานหลังบ้านส่วนชั้นสามเป็นห้องนอนของออโต้กับแม่
ออโต้ลงไปช่วยพี่ ๆ พนักงานแพคสินค้าด้านล่างพอช่วงค่ำก็วิ่งขึ้นมากอดแม่ที่กำลังไลฟ์สดขายเครื่องสำอาง กมลเนตรกอดลูกชายปากยื่นปากยาวออดอ้อน
“สักครู่นะคะพี่ ๆ จ๋า เดี๋ยวน้องดูลูกนิดนึง”
“ไงครับ?”
“ง่วงแล้วครับแม่”
“หนูจัดที่นอนตรงนี้ก่อนนะ วันแคมเปญยอดขายกำลังดี” หน้าสวยยิ้มหวานหันไปเลื่อนเตียงเปลพับเข้ามาใกล้ ออโต้จัดหมอนและผ้าห่มอย่างรู้งานก่อนจะขึ้นไปนอนตะแคงหันมาทางแม่เพื่อให้มือนุ่ม ๆ ของแม่ลูบหัวกล่อมนอน กมลเนตรลูบหัวลูกชายไปพร้อม ๆ กับปากพูดไลฟ์ขายของหาเงินตัวเป็นเกลียว
เมื่อไลฟ์เสร็จก็ค่ำมืดดึกดื่น พนักงานทยอยกันกลับบ้าน กมลเนตรอุ้มลูกชายหน้าซบไหล่แม่เดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนชั้นสาม
“ออโต้มีแต่แม่....ไม่มีพ่อ” เสียงน้อย ๆ เบาแทบจะไม่ได้ยินของลูกชายละเมอข้างหูแม่ คิ้วเรียวขมวดปมเครียดสงสารลูกมีปมฝังใจเพียงเพราะความรักโง่ ๆ ของเธอ........
ความหลังวันฝนโปรยปราย
กมลเนตรในวัยยี่สิบสามเมื่อเจ็ดปีก่อน
ร่างเล็กรวบผมไว้ด้านหลังสวมเสื้อยืดสีทึบกางเกงยีนรองเท้าแตะเดินล่องลอยท่ามกลางสายฝนตกกระหน่ำบนฟุตบาทใบหน้าสวยไร้เครื่องสำอางชุ่มไปด้วยน้ำฝนปะปนไปกับน้ำตาที่กำลังรินไหลเพราะความผิดหวังและเสียใจ สายตาจากคนบนรถโดยสารส่วนตัวและรถประจำทางกำลังติดอยู่บนถนนแทบไม่ขยับเขยื้อนกำลังมองหญิงสาวคนนั้นเดินเศร้าตัวชุ่มตลอดเส้นทางที่เธอเดินผ่านอย่างไร้จุดหมายน้ำตายังคงไหลรินท้อแท้และสิ้นหวังไม่คิดว่าความระแวงจะเกิดขึ้นจริง
ชายคนรักคบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายเป็นหนุ่มเนิร์ดเรียนดีฐานะยากจนเหมือนกันกับเธอ แต่กมลเนตรเรียนไม่เก่งและชอบค้าขายทั้งขายของให้เพื่อนในโรงเรียนและตลาดนัด จึงเลือกไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัยยึดอาชีพแม่ค้าหาเงินส่งเสียชายคนรักได้เรียนต่อจนจบปริญญาตรี เขาคือความภูมิใจในสิ่งที่เธอพยายามทำให้ด้วยใจซื่อหวังดีและคาดว่าจะสร้างครอบครัวร่วมกัน…….
