ตอนที่ 13 ให้โอกาสเลือก
“รับไว้เถอะครับถือว่าผมช่วยไม่ให้ละมุนเหนื่อย อีกอย่างผมมีแผนให้ละมุนไปหัดทำงานบัญชีที่บริษัทเผื่อหมดหน้าที่เลี้ยงลูกจะได้มีอาชีพ ถ้าเธอไปช่วยขายของอากาศร้อน อาจจะเพลียทำงานไม่ได้เต็มที่”
“งั้นเก็บเงินของคุณไว้เถอะค่ะ พวกเราได้มามากพอแล้วถ้ายังไงพวกเราจะค้าขายแค่วันจันทร์ถึงศุกร์ ส่วนวันหยุดลูกมาหาก็พักผ่อนออกไปเที่ยวหาอาหารอร่อย ๆ กินกัน” แม่เสียงเนือย ๆ หันไปมองพ่อพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่แม่พูด
“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจ” พสุธรยกมือไหว้อ่อนน้อม พ่อแม่ละมุนรับไหว้แม้จะรู้สึกไม่สู้ดีนักก่อนจะชวนกันลุกเดินจะกลับโดยมีพสุธรเดินตามมาส่ง ละมุนรีบวิ่งหนีขึ้นบันไดไปยังชั้นสองไม่อยากให้ทั้งสามคนรู้ว่าเธอแอบฟัง
พสุธรสอดสองมือในกระเป๋ากางเกงยืนส่งพ่อแม่ของละมุนจนรถกระบะขับออกจากรั้วสูงแล้วเดินกลับเข้ามาขึ้นบันไดไปยังชั้นสองเพื่อเข้าห้องนอนของตัวเอง เท้าหนักกำลังจะเดินไปตามทางเดินยาวมีห้องนอนแต่ละห้องอยู่ซ้ายขวา ทว่าเขากลับยืนนิ่งจ้องหน้าท้าทายกับละมุนยืนขวางหน้าตาบึ้งตึง
“อะไร?” คิ้วเข้มขมวดกดเสียงต่ำไม่พอใจที่เธอทำท่าทางขึงขังกับเขา
“คุณบังคับให้พ่อแม่หนูเลิกขายของเพราะรังเกียจพวกเราที่มีอาชีพกระจอกมีกลิ่นควันไฟเหม็นติดเสื้อผ้านักหรือไง” ขอบตาสวยร้อนผ่าวริมฝีปากบางสั่นระริกน้อยใจที่เขาดูถูกครอบครัวเธอ
“อึม” เขาตอบในลำคอมองเหวี่ยงก้าวเท้าเดินมุ่งหน้าชนไหล่บางที่เอาตัวมาขวางอย่างไม่แยแส ละมุนเซ ๆ ก่อนจะหันขวับโวยวายเอาเรื่อง
“นี่มันเป็นอาชีพสุจริตหาเลี้ยงพวกเรามาคุณไม่ควรดูถูกใช้เงินฟาดหัวพวกเรา!”
“ฉันทำไปแล้ว พ่อแม่เธอก็ยินดีจะทำตามไม่ได้ถูกบังคับ”
“พวกท่านเกรงใจคุณ ทั้งที่ลำบากใจ!”
“พูดเบา ๆ เดี๋ยวลูกก็ตื่น” สายตาคมจ้องมองดุดันตำหนิเธอเสียงดัง
“หนูไม่สน ขนาดพ่อแม่หนูคุณยังไม่แคร์เลย!” หน้าสวยง้ำงอน้ำตารื้นเสียงดังต่อต้านคนเอาแต่ใจ เขารีบยกมือปิดปากบางที่ตวาดเสียงดังอยู่หน้าห้องลูก ละมุนตาโตขึงขังทั้งจิกทั้งแกะมือเขาออกจากปากด้วยความโมโห พสุธรนิ่วหน้าเจ็บมือจากการถูกเธอจิกเล็บลงหลังมือเลยยกแขนโอบไหล่ดึงให้เธอเข้าใกล้บังคับให้เดินไปทางห้องนอนของเขา ละมุนขืนตัวหน้าแดงไม่ยอมเดินไปด้วย เขาหงุดหงิดคล้องแขนเข้าใต้รักแร้เธอแล้วหิ้วแบกเข้าไปในห้องนอนเขาอย่างง่ายดาย
ภายในห้องนอนมีแสงไฟทางเดินส่องเข้ามาพสุธรหิ้วเธอวางลงแล้วใช้เท้าถีบประตูห้องให้ปิดลง ทันใดนั้นในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงดวงจันทร์มาจากทางหน้าต่างห้อง ละมุนเม้มปากแน่นกวาดสายตาหาทางหนีทีไล่กลัวว่าเขาจะทำร้าย
“แหกปากอีกสิ ! บอกให้พูดเบา ๆ ก็ไม่ฟัง จะให้คนรู้กันทั้งบ้านหรือไง”
“ใช่ คุณหญิงจะได้รู้ว่าไงคุณบังคับพ่อแม่หนูให้ทำตามคุณต้องการอีกแล้ว ตั้งแต่เรื่องให้หนูอุ้มบุญทั้งที่ยังบริสุทธิ์แล้วยังบังคับพ่อแม่หนูไม่ให้ทำมาหากิน!”
“ก็ไม่อยากทำนักหรอก ถ้าเธอไม่อ้างพ่อแม่เพื่อออกไปแรดกับผู้ชาย!” เสียงทุ้มแข็งขึ้นจ้องตาเขม็งฉุนเฉียวเขาเห็นว่าวันนี้ผู้ชายที่หยอดคำหวานกับเธอคนนั้น มาช่วยขายของแล้วเช็ดหน้าให้กันไม่เห็นหัวเขาที่เป็นสามีถูกต้องตามกฎหมายของเธอ
“อะไร หนูไปช่วยพ่อแม่ไม่ได้ไป !” ละมุนถลึงตาตวาดกลับก่อนจะแวบคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อเย็นนี้เต้มาช่วยขายของ
“เต้เหรอ?”
“ยอมรับแล้วสิ ว่าออกไปแรดจริง” สายตาคมจ้องมองอย่างคาดโทษ ละมุนเชิดหน้าขึ้นท้าทาย
“ถ้าจริงแล้วจะทำไมคะ ลูกใกล้หย่านมหนูก็ใกล้หมดหน้าที่ต้องถูกไล่ไปให้พ้น ๆ หนูก็ต้องมีคนดูแลใจตัวเอง”
“ใจดำ ทิ้งลูกได้ลงคอ”
“จำเป็นต้องทิ้งเพราะหนูไม่เป็นที่ต้องการของใคร คุณไม่อยากให้ลูกผูกพันกับแม่อุ้มบุญที่อุ้มท้องแลกเงิน ส่วนคุณก็ไม่อยากให้หนูอยู่รกหูรกตา” ดวงตากลมโตสั่นไหวก่อนจะน้ำตาร่วงหล่นสะเทือนใจกับความรู้สึกไร้ค่าไม่เป็นที่ต้องการของใคร
“บีบน้ำตาเพื่อ?” คำถามยียวนของคนเย็นชาทำให้ละมุนยิ่งเสียใจ
“ให้คุณสงสารมั้งคะ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างยียวนแล้วเดินผ่านเขาไปยังประตูห้อง
“มีลูกอีกสิจะได้ไม่ต้องไปไหน” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาคล้ายจะรั้งไว้ไม่ให้เธอออกไปแต่ก็ยังอ้อมค้อมไม่ยอมพูดตรง ๆ ละมุนหยุดกึกค่อย ๆ หันมองเขาเชื่องช้า กายหนาเขยิบชิดใกล้มองสบตาหวานหยดมีเสน่ห์ทำให้หัวใจเธอเต้นแรง นี่แหละสายตาที่ไม่ได้เสแสร้งอย่างที่เธอเคยเห็น ละมุนเงยมองนิ่งงันคล้ายตกอยู่ในภวังค์ถูกเขาสะกดไว้ให้คล้อยตาม อุ้งมือหนาประคองใบหน้าเรียวเล็กลากปลายนิ้วหัวแม่มือเกลี่ยบนริมฝีปากที่สั่นระริกเผยอออกตามการเคลื่อนลูบของปลายนิ้ว
“แต่ต้องมีด้วยวิธีธรรมชาติเท่านั้นนะ” เสียงทุ้มแหบแห้งความปรารถนาสื่อออกมาชัดเจนทั้งสีหน้าและแววตา ลมหายใจอุ่น ๆ กำลังรดลงบนผิวหน้าเนียนใกล้ขึ้นชิดขึ้นทุกที รู้สึกตัวอีกก็ถูกเนื้อปากอุ่นนุ่มสัมผัสลงที่ริมฝีปากตัวเองแผ่วเบาละมุนตัวชาวาบตั้งแต่หลังยันปลายเท้าความวาบหวามแผ่กระจายเพียงแค่ปากสัมผัสกันก็ทำให้สะท้านทั้งตัว
