บทที่ 3
“ก็จริงนะ มันเลยมาไกลจนกว่าอยากรู้ความจริง” อัญชุลีเห็นด้วย “ฉันน่ะนับถือแกจริงๆ เลี้ยงสองแฝดไม่พอ ยังเลี้ยงป้าอุ๊กับลุงพลอีก เหนื่อยแย่เลย”
“ทำไงได้ล่ะ พ่อกับแม่เลี้ยงฉันมานี่ ทั้งที่ฉันไม่ใช่ลูกแท้ๆ ฉันก็ต้องตอบแทนบุณคุณสิ”
“ก็จริงอีกแหละ” คนพูดยังเห็นด้วยเช่นเดิม “ไปกันเถอะ จวนบ่ายสองแล้ว”
สองสาวออกจากบ้านไม่สองชั้น ในชุมชนห้วยนที มุ่งหน้าไปยังโรงเรียนแสงอรุณ โรงเรียนที่ตะวันกับพันดาว สองฝาแฝดชายหญิงเรียน
...................................
วิสาขาทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับสองหลานฝาแฝด เมื่อวานนี้เงินค่าทิปรวมออก ได้คนละหนึ่งพันเจ็ดร้อยบาท เธอจึงพาตะวันกับพันดาวมาซื้อของเล่น ซึ่งทั้งสองอยากได้คนละแบบ เลยต้องไปสองร้าน ร้านแรกเป็นร้านขายของเล่นผู้ชาย ของเล่นที่ตะวันอยากได้คือ รถแข่งบังคับ อีกร้านคือ ร้านขายตุ๊กตา พันดาวเลือกซื้อตุ๊กตาหมีตัวขนาดกลางไว้กอดตอนนอน
เมื่อเลือกซื้อของเสร็จ วิสาขาพาตะวันกับพันดาว และอัญชุลีไปกินข้าว ที่ร้านอาหารไทยขึ้นชื่อ เหตุผลที่มากินร้านนี้แม้ค่าอาหารค่อนข้างสูง เพราะวิสาขาได้คูปองสวนลดค่าอาหารห้าสิบเปอร์เซ็นต์ และมีคูปองฟรีค่าเครื่องดื่มอีกหนึ่งใบ หากไม่ได้คูปองนี้จากฉวีวรรณ เธอคงไม่กล้าเข้าร้านนี้แน่
“โห ค่าอาหารราคาโหดเหมือนกันนะ ข้าวผัดหมูจานใหญ่ จานละสามร้อยเก้าสิบ” อัญชุลีเห็นราคาแต่ละเมนู ถึงกับไม่กล้าสั่ง
“ถ้าฉันไม่ได้คูปองส่วนลด ฉันก็ไม่กล้าเข้ามากินหรอก กลัวไม่มีเงินจ่าย” ก่อนเข้ามาวิสาขาถามพนักงานก่อนว่า คูปองนี้ใช้ได้หรือไม่ หากไม่ถามก่อน แล้วใช้ไม่ได้ เธอคงหน้ามืดกับค่าอาหารแน่ “ถ้าเราสั่งอาหารรวมสามพัน ก็จ่ายแค่ครึ่งเดียวไง ฉันจ่ายไหว อีกอย่างนะฉันอยากให้ตะวันกับพันดาวได้กินของดีๆ ด้วย”
“งั้นเราสั่งข้าวผัดหมูจานใหญ่มาหนึ่งจานดีมั้ย แล้วก็สั่งกับข้าวมาอีกสักสามอย่าง เป็นต้มยำ แกงจืดแล้วก็ทอดมันกุ้ง กินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่” อัญชุลีดูเมนูไป บอกเพื่อนไป “อ้อ...ฉันแชร์ค่าอาหารด้วยนะ ไม่กินฟรี”
“ถ้างั้นหารสี่ เพราะฉันมาสามคน แกก็ออกในส่วนของแก” วิสาขายิ้ม ก่อนที่สองสาวจะสั่งอาหาร และรออาหารราวสิบห้านาที อาหารที่สั่งถูกนำมาเสิร์ฟครบทั้งหมด ทั้งสี่จึงลงมือกินข้าวแสนอร่อย
อัญชุลี ตะวันและพันดาว เดินออกมาจากร้านอาหาร ก่อนวิสาขาที่จัดการเรื่องค่าอาหาร ที่ออกมาก่อนเพราะสองหลานแฝดปวดท้องเบา จึงพาหลานมาเข้าห้องน้ำ
“ตะวันรอป้าตรงนี้นะลูก ห้ามไปไหนนะครับ เดี๋ยวป้าพาพันดาวไปเข้าห้องน้ำก่อน” ด้วยตะวันเป็นเด็กวัยสามปี อัญชุลีจึงพาหลานชายเข้าห้องน้ำสตรี ที่ให้ตะวันทำธุระเสร็จก่อน แต่ที่ให้หลานชายออกไปรอด้านนอก เพราะพันดาวปวดท้องหนัก
“คับป้าแก้ม” ก่อนวิ่งออกจากห้องน้ำ ไปนั่งรอตรงเก้าอี้หลายตัวที่ตั้งเรียงกัน ห่างจากห้องน้ำราวเจ็ดถึงแปดเมตร ซึ่งเก้าอี้ที่ว่านี้ อยู่ใกล้กับปากทางเดินเชื่อมไปยังตัวห้าง ใครเดินเข้าออกก็เห็น
ร่างสูงใหญ่ในชุดทำงานดูดีมาก เดินออกจากห้องน้ำ เขาไม่ได้สนใจคนนั่งบนเก้าอี้ ทว่ากลับเหมือนมีแม่เหล็กดึงสายตาเขาให้มองเด็กชายที่นั่งบนเก้าอี้ จังหวะดีเหลือเกิน เด็กคนนั้นเงยหน้ามองชายหนุ่มพอดี
หัวใจหล่นโครมไปอยู่ตาตุ่ม ก่อนดีดกลับมาที่เดิม เต้นรัวแรงมาก เมื่อเห็นหน้าตะวัน หนึ่งในลูกฝาแฝดของตน ตุลาถึงกับนิ่งงัน ไม่แน่ใจว่า ภาพตรงหน้าคือภาพหลอน ที่มาจากความอยากเห็นหน้าลูกชายและลูกสาวด้วยตาตัวเอง หาใช่ผ่านรูปถ่ายหรือว่าในคลิป
ตะวันยิ้มให้ชายแปลกหน้าอย่างเป็นมิตร ตุลาเดินไปหาเด็กชายด้วยอาการอึ้ง กับความน่ารักน่าชัง ยามเห็นภาพนี้ น่ารักกว่าในภาพถ่ายหลายร้อยเท่า รวมถึงด้านความรู้สึก ดีใจแบบบรรยายไม่ถูก
โอ้...ลูกพ่อ ตะวันมีความคล้ายทั้งเขาและนารถยา ยิ่งช่วงวัยนี้เหมือนตนตอนอายุเท่ากันไม่มีผิด หัวใจคนเป็นพ่อสั่นหนักมากขึ้น ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่ว่าง ข้างกายตะวัน รั้งร่างเด็กชายที่ไม่มีทีท่าขัดขืนมากอด เขาเหมือนคนกำลังร้องไห้
“คุณมากอดหลานฉันทำไม”
