บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 คุกคามทางจิตใจ

ส้นสูงกระทืบกับพื้นทำให้เกิดเสียง สาวสวยถอดแว่นตาดำออก ใบหน้ารูปไข่จมูกโด่งรับใบหน้าทำให้เธอดูสวยสง่า ดวงตากลมโตน่าค้นหา หญิงสาวเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่ร้านอาหารสุดหรู

“รอนานไหมคะ ลงเครื่องมาก็แวะมาหาพีทก่อนเลย คิดถึงใจจะขาดเราไม่ได้ติดต่อกันมา 5 ปีเลย”

“ตั้งแต่ที่พั้นช์ไปเรียนต่อนั่นแหละ”

“ขอโทษนะที่พั้นช์ตัดสินใจผิดพลาด” ภรนีย์ตัดสินใจพลาดเองที่ทิ้งเขาไปเรียนต่อเพราะคิดว่าเขาไม่เอาไหน ไม่สนใจธุรกิจครอบครัว ทำให้เธอคิดว่าเขาไม่มีอนาคตที่ดีให้

ก่อนที่จะตัดสินใจบินกลับมาเมืองไทยเธอเห็นข่าวของพิชญ์ภาชานักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเจ้าของธุรกิจนำเข้ารถหรูอันดันต้นๆ ของเมืองไทย เธอจึงหาทางพยายามติดต่อเขาและในที่สุดเขาก็นั่งอยู่ตรงหน้าเลย

“ตอนนั้นพั้นช์คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ถึงกล้าเลิกกับพีทแล้วหนีไปเรียนที่อังกฤษ”

“คุณหนีไปพร้อมกับมัน” พิชญ์ภาชายังคงเจ็บใจไม่หาย ภรนีย์ให้เหตุผลว่าอยู่กับเขามันไม่มีอนาคต เขาไม่เอาไหนแต่ปกรณ์นั้นดีกว่าเลยเลือกที่จะไปเรียนต่อกับมันเลือกที่จะทิ้งเขา

เขาคบกับหญิงสาวตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีและคบกันมาเรื่อยๆ เขาผิดที่ปล่อยปละละเลยภรนีย์จนเกิดความเคยชิน ช่วงนั้นเขากำลังศึกษาการทำธุรกิจแบบจริงจัง จึงไม่มีเวลาสนใจคนรักเท่าไร

เมื่อความเหงาเข้ามาทำให้ภรนีย์เลือกที่จะทรยศหักหลังความรักของพิชญ์ภาชาไปคว้าเอาเพื่อนต่างสาขาของเขาแทน และหนีไปด้วยกันไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย

“คุณไปไม่บอกผมสักคำ”

“ขอโทษค่ะพั้นช์คิดน้อยไป แต่ตอนนี้พั้นช์ไม่มีพันธะกับใครแล้วค่ะ”

“ทำไมคุณถึงหย่ากับเขา?” เขาไม่ได้อยากรู้แต่เพราะตอนที่ภรนีย์ติดต่อมาแล้วร้องห่มร้องไห้ เล่าปัญหาชีวิตให้เขาฟัง เขาถึงได้รู้ว่าชีวิตของหญิงสาวก็มีปัญหาไม่น้อย

“เราทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจพั้นช์รับไม่ได้ค่ะ พีทคะคุณมีแฟนใหม่หรือยัง”

“จะให้ผมตอบว่ายังไง?”

“ถ้าคุณยังไม่มีใครเรามาเริ่มศึกษาดูใจกันใหม่ได้ไหมคะ พั้นช์ไม่รีบหากคุณพร้อมก็บอกตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันไปก่อน”

“…” เขาเลือกที่จะไม่ตอบทีแรกเขาคิดว่าหัวใจคงเจ็บปวดเวลาเจอหน้าคนรักเก่า แต่ไม่เลยเขาปกติดีทุกอย่างแต่กลับคิดถึงใบหน้าของใครบางคนที่รอเขาอยู่ที่บ้าน

“พั้นช์คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ของคุณจังเลยอยากกลับไปสวัสดีท่านเสียหน่อย”

“ผมไม่ได้อยู่บ้านหลังนั้นแล้ว”

“คุณแต่งงานแล้วย้ายออกไปเหรอคะ” ภรนีย์กัดปากตัวเองเมื่อคิดว่าเขาคงแต่งงานไปแล้ว อายุไม่ใช่น้อยๆ คงไม่รอเธอถึงห้าปี

“ผมยังไม่ได้แต่งงาน”

“พาพั้นช์ไปที่บ้านคุณหน่อยได้ไหมคะ พั้นช์อยากทำความรู้จักกับคนในบ้านของคุณ”

“แล้วแต่คุณ” ทั้งสองนั่งทานข้าวด้วยกันเหมือนคู่รักทั่วไป โดยที่หญิงสาวคอยตักอาหารให้เหมือนกำลังเอาใจซึ่งพิชญ์ภาชาก็ไม่ปฏิเสธ

.

เทียนหอมนั่งทำบัวลอยเมนูของโปรดของพิชญ์ภาชาด้วยความตั้งใจ หากเขากลับมาจะได้ทานเลยหญิงสาวจงใจเติมความรักความเอาใจใส่ลงไป จนคนเป็นแม่ต้องเอ่ยปากถามลูกสาว

“เทียนยิ้มอะไรคนเดียว”

“ไม่มีจ๊ะแม่”

“เหมือนคนกำลังมีความรักเลย” ส้มสังเกตมาหลายวันช่วงนี้เทียนหอมสวยขึ้น รู้จักแต่งหน้าทำผมคงไปแอบชอบหนุ่มที่ไหนสักที่

“ใครเหรอลูก”

“ไม่มีจ๊ะแม่หนูจะไปชอบใครได้” ตอนนี้หัวใจของเธอนั้นมีเจ้าของแล้ว แถมยังเป็นเจ้านายของเธอด้วยเทียนหอมรีบทำบัวลอยเมื่อใกล้ถึงเวลาที่เขาจะกลับบ้าน

เทียนหอมจึงขึ้นไปที่ห้องนอนของเขาและทำความสะอาดอีกรอบ หญิงสาวเช็ดฝุ่นไปเรื่อยๆ จนเปิดลิ้นชักเพื่อจะเช็ดฝุ่นแต่สายตาไปปะทะกับกล่องสีดำ ซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อนจะเปิดดูเหมือนว่าไม่มีมารยาทเลยเก็บไว้

แต่ดันทำหล่นจนของที่อยู่ในกล่องนั้นกระจายเทียนหอมจึงรีบเก็บ มือบางพลิกแผ่นกระดาษสีขาวที่เคลือบพาลติดขึ้นมาตั้งใจจะเก็บเข้าที่เดิม สายดันไปเห็นรูปคู่ของพิชญ์ภาชากับผู้หญิงคนหนึ่ง

“รูปเพื่อนเขาเหรอสวยจัง”

“อุ๊ย”

เทียนหอมถึงกับอุทานออกมาเมื่ออีกรูปเป็นรูปที่พวกเขากำลังจูบกันอยู่ริมชายหาก และอีกหลายๆ รูปที่บ่งบอกสถานะได้เป็นอย่างดี เหมือนจะนานมาแล้วแต่ทำไมหัวใจของเธอเจ็บจัง

“คุณยังไม่ลืมเขาเหรอคะถึงเก็บทุกอย่างไว้” ในกล่องมีทั้งแหวนและสร้อยคอทองคำขาว และยังมีการ์ดอวยพรในเทศกาลต่างๆ เธอไม่สามารถอ่านต่อได้จึงเก็บไว้ที่เดิมและออกมาจากห้องของเขา

เทียนหอมได้ยินเสียงกำลังพูดคุยกันพิชญ์ภาชาคงกลับมาแล้ว ทำไมเขาถึงไม่ให้คนมาตามเธอทุกครั้งเวลาเขากลับบ้านเขาจะให้ส้มมาตามเธอไปดูแล แต่ครั้งนี้เขากลับไม่ทำแบบเดิม

สองขาต้องหยุดเพราะในห้องนั่งเล่นไม่ได้มีแค่เขาตามลำพัง ยังมีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ไม่ห่างกับเขา เธอได้ยินเสียงหัวเราะของหญิงสาวเหมือนกำลังพูดคุยเรื่องสนุกกันอยู่

“เสร็จแล้วเหรอเทียนพี่เอาน้ำไปเสิร์ฟแขกคุณพีทก่อน”

“แขกเหรอคะ?”

“พี่รบกวนเทียนได้ไหมพี่ปวดหนักมาเลยฝากไปเสิร์ฟน้ำและของว่างแทนพี่ที” ส้มจับถาดยัดใส่มือของเทียนหอมแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ

หญิงสาวก้มลงมองขนมหวานที่เธอลงมือทำอย่างสุดฝีมือ และมองไปที่ทั้งสองคนเขาสนิทกันมากจนเธอกลัวว่าสิ่งที่คิดกำลังจะเป็นจริง

“ขออนุญาตค่ะ”

“เด็กในบ้านคุณสวยนะคะ” พั้นช์ไม่ค่อยชอบใจที่ในบ้านเขามีหญิงสาวหน้าตาน่ารักอยู่ด้วย เธอมองหน้าไม่ชัดเพราะหญิงสาวเอาแต่ก้มหน้า

“ลูกสาวแม่บ้านของผม” พิชญ์ภาชาตอบอย่างไม่ใส่ใจและเปลี่ยนเรื่องคุย ทำเหมือนว่าเทียนหอมไม่อยู่ในสายตาของเขา

“ปกติคุณไม่ชอบทานของหวานหนิค่ะ”

“อืม ฝากคุณจัดการมันด้วยแล้วกัน”

“ไม่เอาค่ะพั้นช์กลัวอ้วนเอาไปเก็บเลยนะ”

“ค่ะ” เทียนหอมรับเก็บของหวานกลับ น้ำตาจะไหลออกจนได้ จนต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเธอตกใจแทบทำแก้วน้ำหล่นตอนที่เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นแบบใกล้ๆ หญิงสาวคือคนในรูปที่เธอเพิ่งเห็น

เทียนหอมขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำนานเกือบชั่วโมง พอเอาเข้าจริงๆ เธอกลับทำใจไม่ได้เลยหากเขาจะกลับไปคบกัน หรือไม่ก็เป็นเธอที่เป็นมือที่สาม

และการกลับมาของภรนีย์ ทำให้เทียนหอมรู้สึกถูกคุกคามทางใจ กลัว และไม่มั่นคงอีกแล้วแม้พยายามคิดปลอบใจตัวเองแค่ไหนก็ตาม เขาไม่เคยพาใครเข้ามาในบ้านหลังนี้ยกเว้นผู้หญิงคนนั้น

ภรนีย์รอกินอาหารค่ำพร้อมกับพิชญ์ภาชาแต่ต้องอารมณ์หงุดหงิดเมื่อเขาเอาแต่ถามหาเด็กในบ้านแทนที่จะสนใจเธอมากกว่า สายตาของเธอมองไม่ผิดว่าเด็กนั่นต้องหลงรักพิชญ์ภาชา

“ลูกสาวของป้าไปไหนครับ”

“เทียนไม่ค่อยสบายค่ะป้าเลยให้ไปพัก”

พิชญ์ภาชาพยักหน้าตอบและไม่ถามอะไรต่อ เขาเห็นใบหน้าไม่สู้ดีของเทียนหอมตั้งแต่เจอหน้าภรนีย์แล้ว เขาอยากเข้าไปกอดแทบแย่แต่ต้องรักษามารยาทไว้

“ดูเหมือนเด็กที่ชื่อเทียนจะสำคัญกับคุณนะคะ”

“ผมให้ความสำคัญทุกคนในบ้าน”

“พั้นช์อยากย้ายมาอยู่กับคุณจังเลยค่ะอยากเป็นคนสำคัญบ้าง”

“เรารีบทานข้าวดีกว่าเดี๋ยวคุณกลับบ้านดึก” เรื่องที่ทั้งสองจะกลับมาคบกันพิชญ์ภาชายังไม่ได้ตัดสินใจและยังไม่ให้คำตอบเพราะเขายังสงสารเทียนหอม เขายังไม่เบื่อและตอนนี้กำลังสับสนไม่น้อยกับการกลับมาของคนรักเก่า

.

เทียนหอมนั่งจัดหนังสือด้วยความเหม่อลอย เหตุการณ์ที่ผ่านมาพิชญ์ภาชาไม่ยอมอธิบายว่าเขากับผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกัน

“คนใจร้าย”

แต่ยิ่งซ้ำร้ายพิชญ์ภาชาไม่ได้สนใจเทียนหอมอีกเลย เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับเทียนหอม ทำให้เทียนหอมต้องหลบหน้าหลบตาเขาตลอด

“ว่าฉันเหรอ”

“คุณพีท คุณกลับมาตอนไหนคะ?”

“กลับมาตอนที่ได้ยินคนกำลังด่าฉันอยู่” เขาคิดถึงร่างบางจึงอยากกลับมาหา เทียนหอมเล่นหลบหน้าหลบตาเขาจนเขานอนไม่หลับเพราะไม่มีร่างเล็กให้นอนกอด

“ถ้าคุณจะใช้ห้องทำงานตามสบายเลยค่ะ”

“โกรธกันเหรอเรื่องพั้นช์” เขาทนสายตาที่แสนเย็นชาจากหญิงสาวไม่ได้ เขาไม่ชอบที่เทียนหอมทำเป็นไม่สนใจเขา

“เทียนไม่มีสิทธิ์โกรธคุณค่ะ”

“เขาคือคนรักเก่าฉันเองเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ”

“บอกเทียนทำไมคะ?”

“ก็บอกไว้ว่าฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน”

ปกติเขาไม่ต้องมานั่งอธิบายให้ใครฟัง แต่เทียนหอมกลายเป็นข้อยกเว้น เขาไม่ชอบที่หน้าสวยๆ นั้นเศร้าหมอง พิชญ์ภาชาเองก็เริ่มสับสนกับความรู้สึกของตัวเองไม่น้อย

“วันหยุดนี้ฉันพาไปดูหนัง”

“คุณว่าอะไรนะคะ”

“อายุยังน้อยอยู่เลยหูตึงแล้ว” เพราะเขาไม่เคยพาเทียนหอมออกไปไหน ทั้งสองแอบนัดเจอกันแค่ในห้องนอนและห้องทำงานของเขาเท่านั้น

“เดี๋ยวจะรู้ค่ะ”

“เดินออกมารอหน้าบ้านเดี๋ยวฉันรอรับโอเคไหม”

“ก็ได้ค่ะเทียนทำความสะอาดต่อนะคะ”

“ไม่ต้องทำแล้วขึ้นไปบนห้องแล้วแก้ผ้ารอฉัน!” เขาคิดถึงเธอแทบจะขาดใจ เวลาไปทำงานต้องพาลไปเรื่อยเพราะคิดถึงแต่ใบหน้าของเทียนหอม

“ไม่นานนะคะเดี๋ยวแม่สงสัย”

“สนใจแต่คนอื่นไม่สนใจผัวตัวเองเลย”

“คะ คุณพีทอย่าพูดแบบนี้อีกนะคะ”

เทียนหอมขึ้นไปรอเขาที่ห้อง ไฟสวาทแห่งความคิดถึงโหยหาลุกโชน เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงพิชญ์ภาชาจึงยอมปล่อยเทียนหอมลงมาข้างล่าง ส่วนเขานั้นเตรียมตัวไปทำงานต่อเพราะตอนบ่ายมีนัดคุยงานกับภรนีย์ที่ขอร้องให้เขาช่วยเรื่องธุรกิจ

.

เทียนหอมนั่นหลับในโรงหนังเป็นครั้งแรกที่เธอได้มาดูหนัง แต่เมื่อคืนโดนเขาเอาเปรียบรังแกเธอทั้งคืนเลยทำให้ง่วงและอ่อนเพลีย

พิชญ์ภาชาเหมาโรงหนังเพื่อที่จะได้มีความเป็นส่วนตัวเขาไม่ชอบความวุ่นวาย เขานั่งมองใบหน้าของเทียนหอมที่กำลังหลับใหล หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นมายามที่คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ตอนนี้สองเดือนแล้วที่เขามีเทียนหอมอยู่ข้างกาย เขาอยากรักเธอตลอดโดยไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด

“อื้อ อ๊ะ คุณพีททำอะไรคะ”

“ปลุกเด็กน้อยขี้เซา”

“แล้วใครที่รังแกเทียนจนถึงเช้าล่ะ”

เทียนหอมปรับเบาะให้ตั้งตรง ยังไม่ทันจะได้พูดต่อปากหนาของเขาก้มลงมาจูบปากของเธออย่างร้อนแรง จนเธอต้องเป็นฝ่ายห้ามเขาก่อน

“พอแล้วค่ะ”

“ช่วงนี้ได้กินยาคุมบ้างหรือเปล่า”

“กินตลอดค่ะ”

“อืม อย่าพลาดนะ” เขายังไม่พร้อมที่จะมีลูกในเวลานี้จะเรียกว่าเห็นแก่ตัวก็ได้ที่ให้เทียนหอมป้องกันอยู่ฝ่ายเดียว เธอสะอาดผุดผ่องจนเขาไม่อยากใส่เครื่องป้องกัน

“ถ้าพลาดคุณพีทจะทำยังไงคะ”

“ไปทำแท้ง!”

เทียนหอมใบหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินคำตอบที่ออกมาจากคนที่เธอรักหากเธอพลาดขึ้นมาจริงๆ เขาคงจะทำแบบที่ปากพูด

“ตกใจอะไร”

“ถ้าเทียนท้องขึ้นมาคุณจะไม่รับผิดชอบเหรอคะ”

“ซีเรียสอะไรตอนนี้ยังไม่ท้องหนิ”

“เทียนแค่ลองถามดูค่ะ” เทียนหอมรู้สึกใจคอไม่ดีแล้วที่เขารับปากว่าจะรับผิดชอบหมายความว่าอย่างไร จนล่วงเวลามาสองเดือนเขาก็ยังไม่พูดเรื่องรับผิดชอบกับเธอเลยสักครั้ง

“ครับพั้นช์ ผมจะรีบไปตอนนี้เลย” เขาวางสายจากภรนีย์แล้วหันมามองคนข้างกาย ที่กำลังมีคำถามกับเขาตอนนี้เขายังไม่อยากพูดอะไร

“รอคนของพี่มารับนะ พี่มีงานด่วน”

“ด่วนถึงขนาดต้องรีบไปเลยเหรอคะ เรื่องคุณพั้นช์”

“อย่างี่เง่าและตั้งคำถามกับฉัน ไม่พอใจก็กลับเอง”

พิชญ์ภาชาหัวเสียเมื่อเทียนหอมเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง เมื่อเห็นคนอวดเก่งเดินหนีเอาออกจากโรงหนัง พิชญ์ภาชาจึงไม่ได้โทรบอกลูกน้องให้มารับเทียนหอม เก่งนักก็หาทางกลับบ้านเองเลย

.

พิชญ์ภาชายืนกดกริ๋งหน้าคอนโดของภรนีย์ หญิงสาวโทรหาเขาแล้วบอกว่ามีคนมาก่อกวนหญิงสาวหน้าคอนโด

“พั้นช์”

“พีทคะ พั้นช์กลัวมากเลย” หญิงสาวโผล่เข้ากอดพิชญ์ภาชาไว้แล้วยิ้มดีใจที่เขาเลือกมาหาเธอ ทุกอย่างเป็นแค่แผนที่เธอคิดไว้

“เราไปขอดูกล้องวงจรปิดดีไหม”

“ไม่เอาค่ะคอนโดนี้น่าจะไม่ปลอดภัยพั้นช์ขอไปอยู่กับคุณได้ไหมคะ” หญิงสาวพูดตรงๆ เพราะกลัวว่าพิชญ์ภาชาจะเปลี่ยนใจไปจากเธอ

“คงไม่ได้”

“ทำไมคะในเมื่อคุณยังไม่มีใคร”

“ชายหญิงจะไปอยู่บ้านเดียวกันได้ยังไง คุณจะเสียหายเอานะ” พิชญ์ภาชาพยายามหาทางเลี่ยงเขาไม่อยากให้คนเข้าใจผิดถึงความสัมพันธ์ของเขากับภรนีย์

“แต่พั้นช์กลัว”

“คุณไปอยู่ที่เพ้นต์เฮาส์ผมก่อนก็ได้”

“จะดีเหรอคะ”

“ครับคุณหาที่อยู่ใหม่ได้ค่อยย้ายออกไป”

ภรนีย์ยิ้มอย่างคนชนะเขายอมยื่นมือเข้ามาช่วยนั้นหมายความว่าเขายังมีใจให้เธอ อีกไม่นานเธอต้องได้เข้าไปอยู่ในบ้านของเขาในฐานะภรรยาของพิชญ์ภาชาเธอต้องรีบหาทางเข้าหาพ่อแม่ของเขา พวกท่านจะได้เอ็นดูเธอเหมือนแต่ก่อนแล้วเอ่ยปากขอเธอไปเป็นลูกสะใภ้

.

พิชญ์ภาชากลับมาจากคอนโดของภรนีย์เกือบสามทุ่ม เขาโทรหาเทียนหอมแต่หญิงสาวไม่ยอมรับสายเขา จะลงไปตามที่ห้องพักด้านล่างก็ดูไม่ดี เขาไม่รู้เลยว่าหญิงสาวกลับมาถึงอย่างปลอดภัยดีหรือไม่

“เอ้า คุณพีทยังไม่นอนเหรอครับ”

“ทำไมยังไม่ปิดไฟ”

“อ๋อ ผมรอหนูเทียนกับส้มเข้าบ้านครับ” ชาญชัยตอบเจ้านายไป ตอนเย็นเกิดเรื่องขึ้นจนเทียนหอมได้รับบาดเจ็บ แล้วพากันไปแจ้งความ

“3 ทุ่มแล้วทำไมถึงยังไม่เข้าบ้าน”

“เห็นว่าหนูเทียนโดนโจรกระชากกระเป๋า โดนตบจนหน้าแดงเธอ เลยไปแจ้งความครับ”

พิชญ์ภาชาตกใจกลับสิ่งที่ลูกน้องบอก หรือว่าจะเป็นตอนที่ดูหนังเสร็จหากแบบนั้นความผิดของเขาอย่างชัดเจน พิชญ์ภาชาไล่ให้ลูกน้องไปนอนส่วนเขาจะรอทั้งสองคนเอง

สองสาวเดินเข้ามาบ้านทางประตูหลังบ้าน คนงานของบ้านนี้จะไม่ใช้ประตูใหญ่เพราะเกรงใจเจ้านาย เทียนหอมมีใบหน้าที่เศร้าหมองเพราะยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ดีนะที่พี่ตรัยมาช่วยไว้ไม่อย่างนั้นแย่แน่เลย”

“เทียนไม่เป็นอะไรแล้วค่ะพี่ส้ม พี่ส้มไปพักผ่อนดีกว่าเทียนจะโทรไปขอบคุณพี่ตรัยเขาเหมือนกันค่ะ”

“พี่ตรัยเขาเหมือนจะชอบเทียนเลยนะ หล่อ รวย พี่เชียร์คนนี้”

สองสาวพูดกันอย่างสนุก แต่คนที่ได้ยินถึงกลับไม่ชอบใจ พิชญ์ภาชาขอเวลาให้สองสาวแยกจากกันจะไปเค้นถามกับเทียนหอมว่าไอ้ผู้ชายที่พูดถึงมันเป็นใคร

“อุ๊ยยย คุณพีทเดี๋ยวคนเห็น”

“เป็นอะไรมากไหม” พิชญ์ภาชาไม่สนใจเขาจับเทียนหอมหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อดูว่าหญิงสาวบาดเจ็บตรงไหน เขาสำรวจใบหน้าโล่งใจเพราะไม่มีร่องรอยอะไร

“ไม่ค่ะ”

“เทียนขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ”

“ฉันขอโทษที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้” หากเขาให้ลูกน้องมาส่งเทียนหอม คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

“ไม่ใช่ความผิดของคุณพีทเลยค่ะ”

“แล้วไอ้ตรัยที่พูดถึงมันเป็นใคร!” เขาไม่ชอบเวลาที่หญิงสาวพูดถึงผู้ชายคนอื่น ยังอยู่กับเขาแต่คิดจะจับผู้ชายคนอื่นแล้ว

“พี่ตรัย พี่ข้างบ้านไงคะ?”

“อยู่กับฉันมันไม่มีความสุขหรือไงถึงคิดจะจับผู้ชายคนอื่น” เขาไม่รู้ว่าผู้ชายมันเป็นใครเพราะเขาไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ใครจะเป็นจะตายไม่เกี่ยวกับเขา

“คุณพีทพูดอะไรน่าเกลียด”

“อย่ามาไร้เดียงสาหน่อยเลย จะไปมันรับของเหลือจากฉันได้หรือเปล่า”

เพียะ

เทียนหอมตบหน้าด้วยความโมโห ไม่เคยมีใครดูถูกเธอเท่านี้มาก่อน เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอรักและต้องเสียใจอยู่แบบนี้ช้ำๆ น้ำไหลไหลอาบแก้มจนหญิงสาวต้องปาดน้ำตาทิ้ง

“เธอกล้าตบฉันเหรอ”

“...”

“โธ่โว้ยยย” พิชญ์ภาชามองร่างบางที่วิ่งเข้าห้องพักตัวเองไป คืนนั้นเขาจึงนั่งดื่มเหล้าจนเมามายปากเพ้อหาแต่เทียนหอม เขาปากไวหญิงสาวจะโกรธก็ถูกแล้ว

.

ภรนีย์ยังคงตามตื๊อพิชญ์ภาชาเหมือนเดิมวันนี้หญิงสาวมานั่งเฝ้าชายหนุ่มถึงที่บ้าน พยายามพูดคุยเรื่องอดีตที่ผ่านมาและเธอเองก็ยังรักเขาอยู่

“พั้นช์ยังรักพีทเหมือนเดิม เรากลับมาเป็นแฟนกันได้ไหม”

“คุณจะไม่เสียใจทีหลังเหรอ”

“พั้นช์ไม่เสียใจค่ะอยากขอโทษคุณบ่อยๆ คุณรักยังพั้นช์อยู่ใช่ไหมคะ ไม่อย่างนั้นจะให้พั้นช์ไปอยู่ที่เพ้นต์เฮาส์คุณทำไม” หญิงสาวเห็นเทียนหอมจึงรีบพูดเรื่องนี้ หวังจะให้คนตัวเล็กได้ยิน

ภรนีย์ดึงเขามากอดและพร่ำเพ้อบอกรักพิชญ์ภาชาแต่สายตายังคงจ้องมองร่างเล็กที่เดินออกห่างไป ด้วยความสะใจคิดจะมาแย่งของเธอ แค่คนรับใช้จะเอาอะไรมาเทียบเท่าเธอพิชญ์ภาชาคงไม่ตาต่ำขนาดนั้น

“ผมขอเวลาหน่อยแล้วกัน”

“พั้นช์จะรอนะคะ หวังว่าพั้นช์จะไม่เสียใจ”

“ครับ” เขาไม่อยากพูดต่อจึงจบบทสนทนาแค่นั้น ตอนที่กอดภรนีย์ทำไมเขาต้องคิดถึงใบหน้าของเทียนหอมทุกครั้ง เรื่องเมื่อคืนต้องหาทางตามง้อและขอโทษหญิงสาว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel