2 ถ้อยคำที่ถูกเก็บงำ
บทที่ 2
ถ้อยคำที่ถูกเก็บงำ
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นอย่างเชื่องช้า เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา...แต่สำหรับ มิลัน มันไม่ใช่การเริ่มต้นที่สดใส หากแต่เป็นการลืมตาขึ้นมาเผชิญกับความว่างเปล่าที่ดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด
เสียงแปรงสีฟันที่ขยี้เบาๆ ลงบนฟันซี่เล็กๆ ของลูกสาว ดังก้องอยู่ในความเงียบของห้องน้ำที่ปูกระเบื้องสีขาวสะอาด
“อ้าปากหน่อยค่ะพาย...เก่งมากเลยคนเก่งของแม่”
เธอพยายามยิ้มให้ลูกสาวที่มองสะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ แต่แววตาของเธอเองที่ปรากฏในกระจกอีกบานกลับอ่อนล้าและโรยแรงจนน่าใจหาย ราวกับดวงวิญญาณกำลังถูกดูดกลืนไปทีละน้อย
“วันนี้ไปโรงเรียน แม่ ไปส่งเองนะคะ พ่อ เขาเขาอาจจะยุ่งนิดหน่อย” คำพูดที่เธอใช้หลอกเด็กน้อย...แต่ความจริงแล้วมันคือคำที่เธอใช้หลอกตัวเองมากกว่า
เพราะเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน...เขาทำอะไรอยู่...และทำไมถึงได้หายไปจากชีวิตของเธอและลูกอย่างเงียบงันเช่นนี้
รถยนต์คันเล็กสีขาวจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าโรงเรียนอนุบาลที่มีรั้วเหล็กดัดสีขาวล้อมรอบ เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆ และผู้ปกครองคนอื่นๆ ดังเข้ามาในโสตประสาท แต่ภายในรถกลับเต็มไปด้วยความเงียบงัน มิลันก้มลงจูบหน้าผากของลูกสาวเบาๆ ด้วยความรักอันเปี่ยมล้น ก่อนจะมองร่างเล็กจิ๋วที่ก้าวลงจากรถและเดินตรงไปยังประตูเหล็กสีขาวของโรงเรียนอย่างช้าๆ จนกระทั่งร่างนั้นลับหายเข้าไปด้านใน
ก่อนที่เธอจะออกรถ นิ้วเรียวของเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้งอย่างอัตโนมัติ นิ้วโป้งเลื่อนไปที่ชื่อคีรินบนหน้าจอ แล้วก็หยุดชะงักกลางอากาศด้วยความลังเล
“ถ้าโทรอีกครั้ง...เขาจะรับไหมนะ...” เสียงความคิดในใจดังขึ้น ราวกับเป็นเสียงของความหวังสุดท้ายที่ใกล้จะดับมอด
นิ้วของเธอชะงักค้างอยู่กลางหน้าจอ ก่อนที่ลมหายใจเฮือกใหญ่จะถูกถอนออกมาอย่างเชื่องช้า ความหนักอึ้งในใจทำให้เธอตัดสินใจเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าถือ
หญิงสาวรู้ตัวดี...ว่าไม่ใช่แค่เขาที่หายไปจากชีวิตของเธอแต่เธอก็กำลังค่อยๆ หายไปจากใจของเขาด้วยเช่นกัน...ทีละน้อย...อย่างไม่สามารถย้อนคืน
บ่ายวันเดียวกัน ภายในออฟฟิศออกแบบขนาดเล็กของมิลัน แสงแดดอ่อนๆ ยามบ่ายลอดผ่านผ้าม่านสีครีมอ่อนเข้ามาต้องผิวกาย ให้ความอบอุ่นสบาย แต่ทว่าภายในใจของหญิงสาวกลับเย็นเฉียบราวกับถูกแช่แข็งไว้ด้วยน้ำแข็ง
“มิลัน...เมื่อก่อนเธอร่าเริงกว่านี้นะ”
เสียงใสๆ ของเพื่อนร่วมงานที่ชื่อนีน่า เอ่ยขึ้น ด้วยความเป็นห่วง เธอเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ มองมิลันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
มิลันหันไปยิ้มให้เพื่อนอย่างอ่อนแรง เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มาจากใจจริง
“ช่วงนี้นอนน้อยน่ะ...ลูกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่” เธอหาข้ออ้างง่ายๆ เพื่อกลบเกลื่อน ความจริง
ไม่มีใครรู้...ว่าเธอเองก็ไม่ได้ต่างจากลูกเลยแม้แต่น้อย
ทุกคืน...เธอเป็นฝ่ายร้องไห้เงียบๆ อยู่คนเดียวก่อนจะข่มตาหลับไป แต่ต้องตื่นขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มสดใสในทุกเช้า เพื่อให้ลูกเห็นว่าแม่ยังคงเข้มแข็ง
แต่ลึกๆ ข้างใน...หัวใจของเธอมันร้าวไปหมดแล้ว...ราวกับแก้วที่กำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
ค่ำวันนั้น เธอกลับถึงบ้านพร้อมกับน้องพาย ทันทีที่เท้าก้าวพ้นธรณีประตู ความเงียบอันหนักอึ้งก็เข้าปกคลุมอีกครั้ง ราวกับเป็นเพื่อนเก่าที่รอคอย การกลับมาของเธอเสมอ
ไม่มีเสียงของชายผู้เป็นที่รักที่สุดในโลก
ไม่มีแม้แต่เงาของเขาบนโซฟากำมะหยี่สีเทาที่เคยนั่งดูข่าวพร้อมกันทุกคืน
เธอพยายามโทรหาเขาอีกครั้ง...ด้วยความหวังอันริบหรี่ และในที่สุดคราวนี้เขาก็รับสาย
“ว่าไง” เสียงของเขาที่ดังมาจากปลายสายยังคงนิ่งขรึมและเรียบเฉยดังเดิม ไม่มีแววความรู้สึกใดๆ
เพียงคำเดียว...ที่ไม่ได้เอ่ยแม้แต่จะถามว่า เหนื่อยไหมหรือเป็นอย่างไรบ้าง
“คืนนี้จะกลับไหม” เสียงของเธอลอดผ่านลำคอที่แห้งผากออกมาอย่างสั่นเครือบางๆ
“ยังมีงานค้างอยู่”คำตอบสั้นๆ ที่เต็มไปด้วยความเย็นชา
“ฉันกับพายกินข้าวกันแล้ว” เธอพยายามจะบอกเล่าเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันเผื่อว่าเขาจะสนใจบ้าง
“อืม” เขาตอบกลับมาเพียงแค่นั้น ราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ต้องใส่ใจนัก ไม่สำคัญอะไรเลย
“ลูกถามถึงคุณทุกวัน” มิลันพยายามสื่อสารความรู้สึกของลูกสาว เพื่อให้เขาได้รู้ว่าอย่างน้อย...ก็ยังมีใครบางคนกำลังรอคอยเขาอยู่เสมอแต่เขากลับเงียบ...นานจนมิลันรู้สึกราวกับตัวเองกำลังพูดอยู่กับอากาศที่ว่างเปล่า ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา
“แค่นี้นะ” แล้วเขาก็วางสายไปโดยไม่มีคำร่ำลา
มิลันนั่งนิ่งงัน จ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ว่างเปล่าอยู่ในมืออย่างเลื่อนลอย น้ำตาอุ่นๆ หยดหนึ่งไหลลงมาอย่างช้าๆ โดยไม่มีเสียงสะอื้นหลุดรอดออกมาจากลำคอ
มันไม่ใช่การร้องไห้เพราะความเสียใจอย่างถึงที่สุด...แต่มันคือการรับรู้อย่างชัดเจนว่าคนที่เคยเดินเคียงข้างกันมาตลอด กำลังค่อยๆ เดินห่างออกไปจากชีวิตของเธออย่างเงียบงัน...โดยไม่หันกลับมามองเลยสักครั้ง
อีกมุมหนึ่งในคอนโดหรูใจกลางเมืองของ คีริน เขานั่งพิงพนักโซฟาสีเข้ม สายตาเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ จ้องมองแสงไฟระยิบระยับจากอาคารระฟ้าตรงข้ามที่ทอดยาวไปทั่วเมืองยามค่ำคืน
ในมือเขายังคงถือโทรศัพท์มือถือเครื่องเดิมที่เพิ่งสนทนาจบลงไป ชื่อ 'มิลัน' ยังคงค้างอยู่ตรงประวัติการโทรเข้าเขาไม่ได้เกลียดเธอ..เขาไม่ได้หมดรักเธอเลยแม้แต่น้อย...
แต่เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกไปในตอนนี้...โดยเฉพาะกับคนที่ต้องเจ็บปวดเพราะเขามาตลอด
ชายหนุ่มเคยคิดว่าความรักไม่จำเป็นต้องถูกพูดออกมา แค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด พาเงินกลับบ้าน ดูแลลูกให้มีความมั่นคง...นั่นก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับชีวิตคู่แต่เขาลืมไปว่า...ความรักที่ไม่เคยพูด มันค่อยๆ จางหายไปและความเงียบ...คือมีดที่คมกว่าคำพูดเสียอีก มันกรีดแทงลงไปในหัวใจอย่างช้าๆ แต่ลึกซึ้ง
คืนนี้...เป็นอีกคืนหนึ่งที่บ้านหลังเดิมยังคงมีข้าวที่ยังไม่ได้ถูกกิน มีเก้าอี้ที่ยังไม่มีใครนั่ง และมี ความเงียบที่เจ็บลึกยิ่งกว่าการทะเลาะกันอย่างรุนแรง
มิลันยังคงนั่งอยู่ในครัว สวมผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้ค้างไว้ มือข้างหนึ่งกอดอกแน่น ราวกับกำลังปลอบโยนตัวเอง อีกมือหนึ่งวางราบอยู่บนโต๊ะไม้เย็นเฉียบ เหมือนกำลังตั้งคำถามกับตัวเองว่า...
“หรือบางที...ฉันอาจไม่ใช่คนที่เขาต้องการอีกต่อไปแล้ว”
