3 รอยยิ้มเลือนหาย
บทที่ 3
รอยยิ้มเลือนหาย
เช้าตรู่ของวันธรรมดา ท้องฟ้าโปร่งใสไร้เมฆหมอก แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าสาดส่องลอดผ่านม่านผ้าโปร่งสีขาวบริสุทธิ์เข้ามาในห้องนอนของเด็กหญิงตัวเล็กที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสดใสในทุกๆ เช้า
แต่น่าแปลก...วันนี้...กลับไม่มีเสียงเจื้อยแจ้ว ไม่มีเสียงหัวเราะคิกคัก หรือเสียงงอแงออดอ้อนจากห้องนั้นเลยแม้แต่น้อย
มิลันเดินขึ้นบันไดบ้านด้วยหัวใจที่หนักอึ้งในอก เธอถือถาดอาหารเช้าที่จัดวางข้าวต้มร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นคู่กับนมกล่องรสโปรดของลูกสาว แต่ในระยะหลังมานี้...กล่องนมนั้นแทบจะไม่พร่องไปเลย
มือเรียวของหญิงสาวค่อยๆ เปิดประตูห้องนอนสีฟ้าอ่อนของลูกสาวเบาๆ แสงแดดอุ่นๆ ไหลทาบทับลงบนผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาด ผ้าห่มนุ่มนิ่มยังคงคลุมร่างเล็กจิ๋วของ น้องพาย เอาไว้ถึงหน้าอก เด็กน้อยนอนนิ่งสนิทอยู่ใต้ผ้านวมผืนนุ่ม ราวกับโลกใบเล็กๆ ของเธอกำลังหยุดหมุนไม่ร้อง...ไม่งอแง...
แต่ก็ไม่ยิ้ม...ไม่ทักทาย...เหมือนที่เคยเป็น
“พายคะ...เช้าแล้วนะลูก” ผู้เป็นแม่ก้มลงกระซิบแผ่วเบาข้างหูของลูก พลางลูบผมดำขลับของน้องพายอย่างอ่อนโยน
เด็กน้อยขยับตัวเล็กน้อยอย่างอิดออด ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ใบหน้าเล็กๆ นั้นเรียบเฉย ไร้ซึ่งแววร่าเริงสดใสใดๆ จนคนเป็นแม่ใจหายวาบราวกับหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
“หนุไม่อยากไปโรงเรียนค่ะ...” เสียงเล็กๆ นั้นเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา เต็มไปด้วยความอ่อนล้า
มิลันขมวดคิ้วบางๆ ด้วยความสงสัย “ทำไมล่ะคะคนเก่ง ไหนบอกแม่ว่าชอบคุณครูไงคะ”
เด็กน้อยเบือนหน้าหนีช้าๆ ดวงตากลมโตคู่สวยหลุบต่ำลงจ้องมองผ้าห่มผืนนุ่ม ไม่ยอมสบตาแม่
“หนูเหนื่อย...”
คำสั้นๆ เพียงคำเดียวที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษ...แต่ในหัวใจของมิลันกลับสะดุดกึก ราวกับมีใครมองเห็นลมหายใจของเธอไปอย่างกะทันหัน
ลูกสาวของเธอไม่เคยเป็นเด็กเอาแต่ใจ ไม่เคยร้องขอให้ขอหยุดเรียน ไม่เคยอิดออดเวลาต้องไปโรงเรียนเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่วันนี้...เธอเห็นบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างออกไปในดวงตาคู่นั้นไม่ใช่แค่เหนื่อยกายแต่เหมือน...เหนื่อยใจ...อย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับเด็กวัยห้าขวบเลยแม้แต่น้อย
มิลันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรลางานทันทีในเช้าวันนั้น เธอตัดสินใจอยู่กับลูกทั้งวัน พยายามทำกิจกรรมทุกอย่างที่น้องพายเคยชอบ ไม่ว่าจะเป็นการปั้นดินน้ำมันหลากสีสัน การวาดรูประบายสี หรือการนั่งดูการ์ตูนเรื่องโปรดด้วยกัน
แต่ลูกสาวกลับทำเพียงแค่นั่งดูอยู่เงียบๆ ใบหน้าเรียบเฉย ไม่หัวเราะคิกคักเหมือนที่เคย ไม่พูดจาเจื้อยแจ้วเหมือนปกติ
ราวกับเธอเริ่มชินกับการขาดบางสิ่งบางอย่างในชีวิตไปแล้ว...อย่างน่าใจหาย
“หนูคิดถึงพ่อเหรอคะ” มิลันถามในที่สุด เมื่อหัวใจไม่อาจอดกลั้นความรู้สึกที่เอ่อล้นอีกต่อไป
น้องพายเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตากลมโตที่เคยสดใสฉายแววหม่นหมอง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ แล้วเอ่ยประโยคหนึ่งออกมา...
“หนูเห็นเพื่อนมีพ่อไปส่งที่โรงเรียนทุกวัน...หนูไม่กล้าบอกเพื่อนว่าพ่อหนู ไม่อยู่แล้ว ค่ะ”
น้ำเสียงเล็กๆ ของเด็กหญิงวัยห้าขวบที่พูดคำว่า 'ไม่อยู่แล้ว' อย่างเจ็บลึกนั้น...
คือคมมีดที่แหลมคมที่สุดที่พุ่งตรงเข้าปักกลางหัวใจของคนเป็นแม่คนหนึ่งอย่างไม่ทันตั้งตัว มันบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของเธอจนแทบจะทนไม่ไหว
มิลันก้มหน้าลงทันที น้ำตาอุ่นๆ หยดหนึ่งไหลรินลงกระทบหลังมือเล็กๆ ของลูกสาวโดยไม่ตั้งใจ เธอรีบยกมือขึ้นเช็ดมันออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแสร้งยิ้มให้ลูก แต่รอยยิ้มนั้นกลับบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอย่างมหันต์
“พ่อหนูยังอยู่ค่ะลูก...แค่เขายังไม่รู้ว่าพายรอเขาอยู่เท่านั้นเอง” เธอพยายามปลอบใจตัวเองและลูกในเวลาเดียวกัน
คืนนั้น มิลันเดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเองหลังจากกล่อมลูกสาวให้หลับใหล ความเงียบอันหนักอึ้งในบ้านกลับมาปกคลุมอีกครั้ง ราวกับเป็นเพื่อนที่ไม่เคยจากไปไหน
หญิงสาวนั่งลงบนเตียง หยิบสมุดวาดภาพเล่มโปรดของน้องพายที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาเปิดดูอย่างช้าๆแล้วสายตาเธอก็หยุดอยู่ที่ภาพหนึ่ง ภาพที่ทำให้เธอทรุดตัวลงบนเตียงอย่างช้าๆ ราวกับหมดเรี่ยวแรง
ภาพนั้นคือภาพวาดครอบครัวสามคน...พ่อ แม่ ลูก...ที่ถูกวาดด้วยสีสันสดใสไร้เดียงสาแต่ทว่า...รูปของ พ่อ...กลับถูกขีดทับด้วยดินสอสีดำเข้มจนมองไม่เห็นใบหน้า
มิลันร้องไห้เงียบๆ โดยไม่มีเสียงสะอื้นหลุดรอดออกมา มือของเธอกำแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด หัวใจของเธอเหมือนถูกบีบด้วยความรู้สึกผิดและเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนแทบหายใจไม่ออก
“นี่หรือคือความเข้มแข็งที่ฉันพยายามทำมาโดยตลอดถ้ามันกำลังทำให้ลูกเสียใจ...มันยังควรเรียกว่าเข้มแข็งอยู่ไหม”
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง มือที่สั่นเทิ้มพิมพ์ข้อความหนึ่งส่งไปหา คีริน
“ลูกเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว...และฉันไม่รู้จะเยียวยาลูกยังไง ไม่รู้ว่าจะต้องทำแบบไหนลูกถึงจะกลับมาสดใสเหมือนเดิม”
ชายหนุ่มอ่านข้อความนั้น...แต่ไม่ตอบกลับ
และคืนนั้น...เขาไม่ได้โทรกลับมาหาเธอเลย
แต่ในขณะเดียวกัน คีริน ที่อ่านข้อความนั้น เขาก็ไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล เขาขับรถยนต์ออกมาอย่างเงียบๆ มาจอดอยู่หน้าอาคารคอนโดมิเนียมของเธอ โดยไม่ได้บอกให้ใครรู้
สายตาคมกริบของเขามองขึ้นไปยังชั้นที่ห้องของลูกสาวตั้งอยู่ แสงไฟจากห้องนั้นดับสนิทลงแล้ว เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ขนฟูสีน้ำตาลอ่อนที่ซื้อเก็บไว้ตั้งแต่วันก่อน...แต่ยังไม่เคยมีโอกาสมอบให้กับลูกเลย ออกมาจากเบาะหลังของรถ
แต่เขากลับทำได้เพียงแค่กอดมันไว้ในอกแน่น...พร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตาที่เริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาโดยไม่รู้ตัว
