บทที่ 3 อยากเจอ?
“เขาโอเค…ฉันยังไม่ได้คุยอะไรมาก เขาบอกอาทิตย์หน้าจะมาระยองไม่มีอะไรต้องกังวลแกทำใจให้สบายเถอะ” อินทิราจับมือเพื่อนและบีบเบา ๆ
“แล้วเขาจะตอบตกลงใช่ไหม…ทิราฉันไม่ได้อยากให้แกมาแบกรับอะไรไปกับฉัน ขอบใจมาก ๆ ฉันไม่รู้จะขอบใจแกยังไง ฉัน…” น้ำผึ้งเอ่ยออกมาเสียงสั่นเครือ น้ำตาหยดไหลนองหน้า
อินทิรามองเพื่อนท้องโตที่นั่งร้องไห้ตัวสั่นอยู่ตรงหน้า ในใจมีแต่ขอลุแก่โทษเพื่อนสนิท
หากคีรินไม่รู้ว่าน้ำผึ้งเป็นเพื่อนกับเธอ ทุกอย่างก็คงจะไม่เป็นอย่างนี้
“แกไม่ต้องขอบใจฉัน ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษแก”
ท้ายประโยคอินทิราเอ่ยออกมาเสียงเบา น้ำผึ้งที่มัวแต่ร้องไห้อยู่จึงไม่ได้ยิน
อินทิราพาน้ำผึ้งมาส่งที่บ้านและบอกกับสามีน้ำผึ้งว่าให้ดูแลเพื่อนเธอให้ดี ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน เธอรับปากไปแบบนั้นทั้งที่ภายในใจกลับรู้สึกตรงข้ามกัน
หญิงสาวกลับมาถึงบ้านพักก็เป็นเวลาเช้าวันใหม่ เธอเงยหน้ามองป้ายร้านขนมไทยชื่อว่าหอมหวานซึ่งมีเธอเป็นเจ้าของ อินทิราเปิดกิจการร้านขนมนี้มาได้ห้าปีแล้ว
ช่วงสองปีแรกที่มาอยู่ที่นี่เธอยังคงเป็นพนักงานบริษัทธรรมดา งานทำขนมไทยขายคืองานอดิเรกที่สร้างรายได้ให้เธอเป็นกอบเป็นกำ และมันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการขายออนไลน์
เธอจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อมาสานฝันและก่อร่างสร้างตัวจนมีวันนี้ อินทิราวางสัมภาระในมือลงบนโต๊ะใกล้ ๆ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานอย่างรู้สึกเหนื่อยล้า
หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ร้านทั่วทั้งร้านยังคงมีกลิ่นของใบเตยซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของขนมไทยที่เธอทำ ไม่ว่ามองไปที่มุมไหนก็เหมือนเห็นตัวเองในวันวานวิ่งวุ่นอยู่ตรงนั้น
จุดเริ่มต้นของการมาอยู่ที่ระยองคืออะไร วันนี้…เธอก็ยังคงรู้สึกอย่างเช่นวันแรก หลีกหนี
เพียงแค่ต้องการทิ้งชีวิตหลบจากความวุ่นวายทุกอย่างและใช้ชีวิตเงียบ ๆ ของเธอไป
ทุกการเสียสละของคนหนึ่งคน มันจะมีน้ำตาของคนอีกคนเสมอ
เวลาผ่านมาตั้งเจ็ดปีแล้ว…เจ็ดปีที่เธอเคยคิดว่าตัวเองลืมบางสิ่งบางอย่างไปหมดแล้ว และเขาก็คงเป็นเช่นเดียวกันกับเธอ
แต่เมื่อวันนี้ได้สบตากันอีกครั้งจึงได้เข้าใจว่า แท้จริงแล้วเวลาไม่ได้ช่วยให้ลืม และเราไม่สามารถลืมคนที่อยากลืมได้
[พรุ่งนี้สองทุ่มเจอกันที่เดิม]
อินทิรามองหน้าจอโทรศัพท์ที่โชว์ข้อความของเบอร์ที่ไม่ได้บันทึก แต่เธอก็รู้ว่าคนที่ส่งข้อความมาหาเธอนั้นเป็นใคร
อินทิราตัดสินใจกดเบอร์โทร. กลับไป ปลายสายไม่ได้รับในทันที แต่รับหลังจากที่สายเกือบจะตัดไปอยู่แล้ว
“เปลี่ยนใจอยากจะมาหาฉันคืนนี้หรือไง?”
เสียงลมหายใจแผ่วเบาพร้อมกับเสียงสวบสาบจากปลายสาย อินทิราไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าคนในสายกำลังนอนซุกอยู่ในผ้าห่มอยู่
“คุณโคล…น้ำเรียบร้อยแล้วค่ะ”
เสียงที่สะท้อนออกมาจากปลายสายอินทิราได้ยินแล้วก็มือเท้าเย็นเฉียบ
ภาพที่คีรินตระกองกอดผู้หญิงคนนั้นขึ้นรถยนต์ไปด้วยกันยังคงติดตา และคงไม่ต้องสาธยายกันต่อว่าตอนนี้พวกเขากำลังทำอะไรกัน
“ว่าไง…ถามทำไมไม่ตอบ ถ้าไม่พูดฉันวางนะ”
คีรินกดเสียงถามคนปลายสาย มุมปากหยักของเขายกขึ้นเมื่อได้เป็นความเงียบกลับมา
“คุณบูมบอกว่าคุณจะมาหาฉันอาทิตย์หน้า…”
อินทิรารวบรวมความกล้าถามออกไป เพราะที่ตกลงกันไว้คืออาทิตย์หน้าไม่ใช่พรุ่งนี้
“ฉันต้องการเจอเธอพรุ่งนี้ หรือว่าเธอไม่รีบ…ไม่อยากได้เงินไปให้เพื่อนหรือไง แล้วนี่เพื่อนรู้หรือยังว่าเธอที่แสดงตัวเป็นแม่พระมาช่วยเหลือ ที่จริงต้นเหตุแห่งความซวยมันก็มาจากเธอ!”
อารมณ์ของคนฟังดำดิ่ง ขอบตาอินทิราร้อนผ่าว
ใช่...เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเธอ
คีรินพูดจบก็หัวเราะ เขาหยัดกายลุกขึ้นเดินไปคว้าแก้วบรั่นดีมาหยุดยืนอยู่ที่ระเบียงคอนโดชั้นยี่สิบ
ดวงตาคมกล้ากวาดมองมหานครยามค่ำคืน
“แสดงว่าไม่รู้สินะ จะให้ฉันช่วยบอกไหม?”
“พรุ่งนี้สองทุ่มที่ร้านเดิมใช่ไหมคะ”
“ใช่ ถ้าอยากได้เงินก็รีบมาเอา…กับฉัน และรักษาเวลาด้วยนะทิรา ฉันไม่ใช่คนที่ชอบรอใคร!”
พูดจบคีรินก็วางสายไป ส่วนอินทิราได้แต่กำโทรศัพท์แน่น ความรู้สึกต่ำต้อยจากการที่เขาด้อยค่าดันหยาดน้ำตาให้คลอเอ่อขึ้นมา
