บทที่ 1 นายทุนคนสำคัญ
อินทิรามีเพื่อนสนิทชื่อว่าน้ำผึ้ง เป็นเพื่อนที่รู้จักกันเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ตอนที่หญิงสาวย้ายจากกรุงเทพฯ มาอาศัยที่ระยองเป็นการถาวร
น้ำผึ้งและสามีเปิดบาร์ แอนด์ เรสเตอรองต์อยู่ในจังหวัดระยอง เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ร้านเล็ก ๆ บนพื้นที่มรดกตกทอดฝั่งสามี ที่ไม่ว่าอย่างไรจะไม่มีทางขายมันให้กับคนอื่นอย่างแน่นอน
เรื่องทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อหกเดือนก่อน มีนายทุนสนใจร้านแห่งนี้และต้องการขอซื้อต่อ แต่ทางน้ำผึ้งปฏิเสธ
โดยทางนั้นก็ไม่ยอมแพ้ ยื่นข้อเสนอขอร่วมลงทุนโดยให้กำไรน้ำผึ้ง 70 และทางผู้ร่วมลงทุน 30 ซึ่งน้ำผึ้งก็ปฏิเสธไปอีก เพราะตอนนั้นร้านยังขายดีอยู่
แต่หลังจากนั้นต่อมาก็เริ่มมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้น ร้านมีปัญหา พนักงานลาออก มีคนโจมตีร้านเอาร้านไปรีวิวเสียหายในเพจของจังหวัด
จากที่เป็นร้านติดดาวมีนักท่องเที่ยวจับจองเป็นประจำ ถึงจะไม่มากมายแต่ก็ไม่เคยเงียบแบบที่ไม่มีลูกค้าสักโต๊ะ และทุกอย่างเริ่มวิกฤตมากขึ้นตอนเข้าเดือนที่ห้า เงินทุนบวกเงินเก็บของเพื่อนสนิทถูกนำออกมาประคองวิกฤตของร้านเกือบจะหมดแล้ว
ตอนนั้นอินทิราก็ช่วยได้เท่าที่ช่วยได้ และก็ให้กำลังใจเพื่อนว่าชีวิตมันก็มีขึ้นมีลง เศรษฐกิจตอนนี้ไม่ดีทุกหย่อมหญ้า เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีขึ้น แต่สุดท้ายมันก็ไม่ดี แม้แต่ค่าไฟก็แทบจะต้องหาเงินจ่ายเดือนชนเดือน
อินทิราพอมีเงินเก็บก็ช่วยเหลือเพื่อนไปบ้าง แต่มันก็ประคองร้านนี้ในระยะยาวไม่ได้เพราะมันไม่มีลูกค้า
กิจการนี้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของน้ำผึ้งและสามี สองคนทุ่มทั้งชีวิตไปกับร้านแห่งนี้จึงสู้จนหลังชนฝา และที่สำคัญน้ำผึ้งกำลังตั้งครรภ์อยู่ด้วย
น้ำผึ้งใช้วิธีจัดการปัญหาเรื่องนี้ด้วยการติดต่อนายทุนคนเดิมไปบอกว่าอยากขอให้เขามาร่วมลงทุน ทางนั้นตอบตกลงทันที
แต่เขาขอเปลี่ยนข้อตกลงใหม่เป็นเช่าร้านนี้แทน โดยให้น้ำผึ้งและสามีรีโนเวตร้านใหม่ทั้งหมดในแบบที่นายทุนต้องการ นายทุนจะทำสัญญาเช่ายาวห้าปี และให้เงินสดทั้งหมดทีเดียวไม่มีการแบ่งงวด
น้ำผึ้งคำนวณแล้วถึงตกแต่งไปก็ยังได้กำไรอยู่ดี เพราะนายทุนให้ค่าเช่าในราคาที่สูงมาก แถมร้านก็ได้ปรับปรุงไปในตัวด้วย
ด้วยความที่น้ำผึ้งและสามีเหน็ดเหนื่อยกับปัญหาที่โอบอุ้มไว้เป็นเวลานานหลายเดือน จึงตอบตกลงอย่างไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน โดยไม่รู้ว่านั่นก็ไม่ต่างอะไรกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
น้ำผึ้งและสามียอมเอาโฉนดที่ดินมรดกที่มารดาให้ไว้ไปจำนองเอาเงินออกมาเพื่อรีโนเวตร้านใหม่ทั้งหมด แต่ก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ไม่ว่าจะทำอะไรไปก็ดูจะเป็นปัญหาไปซะทุกจุด
เริ่มจากผู้รับเหมาทิ้งงานทั้งที่รับเงินไปแล้วครึ่งหนึ่ง เรื่องอยู่ในขั้นตอนฟ้องศาลซึ่งเมื่อเรื่องไปถึงตรงนั้นแน่นอนว่าก็ต้องใช้เงินจ้างทนาย
ส่วนร้านก็ต้องทำให้เสร็จทันดีลที่ตกลงกับนายทุนไว้ น้ำผึ้งจึงหาผู้รับเหมารายใหม่ หามาสองเจ้าพร้อมกันเลย และก็ทุ่มเม็ดเงินเพื่อต้องการทำร้านให้เสร็จทันเวลา
แต่แล้วมันก็เกิดปัญหาอีก ผู้รับเหมาทำงานไม่จบ งานไม่เรียบร้อย ปัญหามีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
เงินที่เอาออกมาจากธนาคารเริ่มร่อยหรอลงเรื่อย ๆ และมันก็ยิ่งวิกฤตหนักกว่าเดิม เมื่อถึงวันเปิดร้านแต่น้ำผึ้งไม่สามารถส่งร้านได้ตามดีล นายทุนจึงยกเลิกสัญญาปฏิเสธลงทุนกับน้ำผึ้ง
ทางนายทุนบอกว่าร้านน้ำผึ้งไม่มืออาชีพ เขาไม่ได้ต้องการลงทุนกับเด็กที่เล่นขายของ และหลังจากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย
น้ำผึ้งและสามีเรียกว่าล้มทั้งยืนและจะไปฟ้องร้องอะไรก็ไม่ได้เนื่องจากมันเป็นสัญญาปากเปล่า ไม่มีหลักฐานใด ๆ
เพราะทุกครั้งตัวแทนของนายทุนจะเป็นคนเข้ามาพูดคุยกันที่ร้าน หรือถ้ามีก็มีเพียงการติดต่อทางโทรศัพท์ซึ่งก็ไม่ใช่เจ้าของตัวจริง
ตอนที่อินทิรารู้เรื่องเธอโกรธเพื่อนสนิทมาก ทั้งที่เราก็พูดคุยกันทุกเรื่องแต่เรื่องนี้เพื่อนของเธอกลับไม่เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้เธอฟัง
อินทิรารู้เพียงแค่ว่าเพื่อนเอาเงินออกมาจากธนาคารเพื่อตกแต่งร้าน มีนายทุนสนใจร้านเพื่อนเธอ
แต่สุดท้ายกลับไม่มีอะไรเลย และนายทุนคนนั้นมีชื่อว่า
คีริน รัฐเศรษฐ์ ผู้ชายที่เธอรู้จักเขาเป็นอย่างดี!
