บทที่ 5 เห็นกับที่เป็นผู้หญิง...
ร่างสูงเดินเข้ามาในส่วนภายในที่กำลังทำการก่อสร้าง ก่อนที่เขาจะหันไปมองอีกมุมหนึ่งซึ่งเห็นว่าก็ยังเห็นร่างบอบบางที่สภาพมอมแมมทั้งตัวว่าเธอยังคงนั่งอยู่อย่างนั้นตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว
“คุณหมิวเธอยังไม่กลับครับ รอเรือรอบสุดท้ายกับคุณเตอร์” ตุลธรเลิกคิ้วนิดหนึ่งก่อนจะถอนหายใจ วันทั้งวันสู้รบตบมือกับพวกช่างหน้างานก็หมดแรงแล้ว ไหนจะต้องมาสู้รบกับยัยผู้หญิงร้าย ๆ ที่เดินตามเขาต้อย ๆ ทั้งวัน วันนี้พอกันที!
“ไปบอกให้ขึ้นเรือไปเลย อีกยี่สิบนาทีตามไป” ลูกน้องในทีมวิ่งไปบอกหญิงสาว และตุลธรเองก็หันไปคุยกับช่างสรุปปิดจบงานในวันนี้แต่หางตาเขาก็เห็นว่าเธอพยักพเยิดและมาทางนี้และก็นั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
เสียงตบยุงดังแว่วเข้ามาในหูของชายหนุ่มที่ยืนคุยกับช่างใหญ่แบบติดพัน คนที่กำลังพูดกับตุลธรอย่างเมามันถึงกับชะงักไป ดวงตาของชายต่างวัยสบมองกันและคนที่อายุเยอะกว่าก็ยกยิ้มขึ้นมา
“ไม่ใช่อย่างที่คิดนะครับ” นายช่างหัวเราะ ก่อนจะยกมือยกไม้หัวเราะเสียงดัง
“เอาน่าคนหนุ่มคนสาว ไปเถอะครับที่ก็เย็นย่ำแล้ว” ตุลธรยังอยากจะโต้แย้งความคิดของคนผู้นั้นแต่นายช่างก็หมุนตัวหนีไปพร้อมกับใบหน้าที่ยกยิ้มตลอดเวลา
ชายหนุ่มขบริมฝีปากถอนหายใจและหมุนตัวเดินตรงดิ่งเพื่อไปขึ้นเรือกลับเข้าฝั่ง ระหว่างทางเดินนั้นเขาไม่ได้แวะตรงไหนเลยและก็ไม่สนใจร่างเล็กที่วิ่งหลุน ๆ ตามมานั่นด้วย
“โอ๊ย! คุณมันคนใจเค็ม ใจเค็มยิ่งกว่าเกลือในทะเล! ฉันรอคุณอยู่นะ นี่!” เสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาใกล้ และสุดท้ายก็กลายเป็นกระเป๋าที่เขาสะพายโดนดึงกระชากไป และร่างเล็กก็หอบแฮก ๆ อยู่ข้าง ๆ
“คุณเห็นไหมมันมืดแล้ว คุณไม่คิดจะรอฉันที่เป็นผู้หญิงเลยหรือไง!”
“นั่นมันปัญหาของคุณ...และกรุณาปล่อยมือด้วย” มินตรากระทืบเท้าที่เปลือยเปล่าของตัวเอง ตุลธรเหลือบไปมองก็มุ่นคิ้วเล็กน้อย ทั้งที่เธอใส่กระโปรงยาวแต่เพราะเธอรวบมันขึ้นมาให้เดินสะดวกเขาจึงเห็นเท้าขาว ๆ นั่นโผล่ออกมา
“ฉันจะจับแล้วใครจะทำไม?” มินตรายิ่งกำเชือกที่ปลายกระเป๋าแน่น
“คุณหมิว...ผมเหนื่อยแล้วนะอย่ากวนประสาทให้มากได้ไหม?” ชายหนุ่มยกมือขึ้นเท้าสะเอวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมิด นี่เขามาทำอะไรกับผู้หญิงที่ตัวเองไม่ชอบในเวลานี้วะเนี่ย!
“ก็แค่จับและพาเดินไปที่เรือหน่อยไม่ได้หรือไง แค่จับสายกระเป๋า...” มินตราเอ่ยบอกอย่างไม่ยอมและเธอก็มองเสี้ยวหน้าของคนที่ใจจืดใจดำกับเธอด้วย
“ผมไม่อยากจะซื้อกระเป๋าใหม่หรอกนะ”
“พรุ่งนี้ฉันจะซื้อกระเป๋าใหม่มาให้คุณ”
มินตราเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่คนได้ยินถึงกับต้องหันไปมอง เธอจะพูดเศร้า ๆ ทำไม ในเมื่อเธอก็ไม่ได้ชอบเขานัก...ก่อนที่ดวงตาคมเข้มจะสบเข้ากับนัยน์ตากลมโตที่มองมาอย่างเฉยเมย
“ผมจะเห็นกับที่คุณเป็นผู้หญิง...แม้จะไม่ดีก็เถอะ รีบเดินตามมาผมหิวข้าวจะตายแล้ว!”
คำพูดตรง ๆ ที่เอื้อนเอ่ยออกมาอย่างไม่รักษาน้ำใจนั้นแน่นอนว่าทำให้มินตรารู้สึก...เธอยังคงรู้สึกอยู่ แต่แค่เพียงเขายอมเดินไปข้างหน้าโดยที่ให้เธอจับสายกระเป๋าพากันไปขึ้นเรือนั่นก็ถือว่าวันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับเธอแล้ว
