บท
ตั้งค่า

บทที่ 5

ส่วนคนที่เหลือซึ่งยังไม่เข้าใจ เธอก็ไม่รู้จะตามไปอธิบายยังไงให้พวกเขาเหล่านั้นเข้าใจได้เหมือนกัน ได้แต่บอกตัวเองว่า ‘ช่างแม่งมัน’ คิดมากไปก็ปวดหัวไมเกรนจะขึ้นเอาเสียเปล่าๆ

“เฮ้อ!”

“ถอนหายใจซะยาวเหยียดขนาดนี้ แกไม่โอเคใช่ไหมน่ะ” แวนดี้ที่วันนี้แวะมากินข้าวเป็นเพื่อนพรพระพายเอ่ยถามขึ้น ผ่านมาเกือบสามอาทิตย์แต่ข่าวของพรพระพายก็ยังอยู่ในกระแส

“อื้อ” พรพระพายเอ่ยรับไปตรงๆ แม้เธอจะทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง แต่เจอข่าวที่เป็นอยู่ซ้ำเติมทุกๆ วันมันก็ทำให้เธอซึมไปได้เหมือนกัน

“ไปพักสมองหน่อยไหม ไปให้ห่างๆ ข่าวกับคนที่ไม่หวังดีกับแกสักพัก” เพราะนี่คือสิ่งที่คนรอบข้างอยากให้พรพระพายทำมากที่สุด แม้เจ้าตัวจะพยายามเข้มแข็งสักแค่ไหน แต่เจอเรื่องทำร้ายจิตใจจากคนที่เคยรักและคนในเงามืด ที่ขยันปั่นข่าวเสียๆ หายๆ ของพรพระพายซะเหลือเกิน มันก็คงต้องใช้เวลาฟื้นตัวนานหน่อย

พูดถึงคนปั่นข่าวมันก็ทำให้แวนดี้เดือด อย่าให้รู้นะว่าเป็นใคร ถ้ารู้เมื่อไหร่แม่จะฟาดด้วยรองเท้าให้หน้าแหกหมอไม่รับเย็บเลย

“อยากไปใจจะขาด แต่ไม่รู้จะไปที่ไหนนี่สิ แบบว่ายังหาที่ดีๆ ไม่ได้น่ะ” นั่นเพราะตอนนี้พรพระพายอึนไปหมด ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตเหมือนกัน

“ฉันขอแนะนำเชียงใหม่ อากาศดีแล้วที่สำคัญฉันมีบ้านที่นั่น แกไปอยู่ได้สบาย” แวนดี้เสนอความคิด อย่างน้อยๆ ถ้าพรพระพายไปพักที่บ้าน เธอก็จะได้ไหว้วานให้ครอบครัวดูแลเพื่อนคนนี้ได้

“ไม่เอา ฉันไม่อยากไปเป็นภาระที่บ้านแกยัยแวนดี้” อีกหนึ่งเหตุผลที่พรพระพายไม่อยากไปพักที่บ้านของแวดดี้ก็คือไม่อยากไปเจอหน้าใครบางคนที่นั่น แค่นึกใบหน้าของคิงคองร่างยักษ์ก็โผล่เข้ามาในสมองแล้ว

ผู้ชายอะไรตัวสูงใหญ่ ผิวคล้ำ ปากหนา ผมหยิกอีกต่างหาก นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นคนเชียงราย เธอคงคิดว่าเขาอยู่ภาคใต้แน่นอน เพราะลักษณะภายนอกมันบ่งชี้ไปทางนั้นจริงๆ

“โอ๊ย! ภารงภาระอะไรกันยะ บ้านฉันออกจะรักจะหลงแกจะตายไป แล้วที่สำคัญลูกพี่ลูกน้องของฉันก็ยังรักและรอแกอยู่ทุกลมหายใจ” แวนดี้รู้ว่าเพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ และเธอก็จงใจจะแซ็วเรื่องนี้แต่แรกด้วย หาอะไรมาหยอกพรพระพายเสียหน่อย เธอจะได้หายเครียด

“พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้เลย บอกกี่ทีแล้วว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของแก”

“แกไม่คิดแต่มันคิดน่ะดิ คิดจริงคิดจังขนาดฉันห้ามมันก็ยังไม่ฟัง นี่พอรู้ว่าแกจะแต่งงานถึงขนาดออกบวชและทันทีที่รู้ข่าวว่างานแต่งแกล่ม เหอะๆ ผ้าเหลืองร้อนสึกแทบไม่ทัน เห็นว่าจะลงมาหาแกที่กรุงเทพฯ วันสองวันนี้ด้วย”

“ว่าอะไรนะ ลูกพี่ลูกน้องแกจะมากรุงเทพฯ วันสองวันนี้เหรอ” คนฟังตาโต นั่นเพราะเธอไม่อยากเจอหน้าลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของแวนดี้สักเท่าไหร่ เพราะเจอกันทีไร เขาชอบมองเธอแบบจะกลืนกินทุกที คิดแล้วก็ขนลุก

“เออน่ะดิ”

“งั้นฉันควรชิ่งก่อนที่ลูกพี่ลูกน้องแกจะมาสินะ”

“ถูก” แวนดี้พยักหน้ารับ เพราะแม้จะแซ็วเรื่องนี้แต่ก็แค่ขำๆ ไม่ได้จริงจังอะไรมากมาย ขืนตาอ้วนดำนามสุดเพราะพริ้งว่าเจ้าขุนจะได้ชื่อว่าเป็นญาติสนิท แต่เธอก็ไม่ได้อยากให้เพิ่มฐานะขยับมาเป็นเพื่อนเขย

“แล้วจะไปที่ไหนดีล่ะเนี่ย ที่ที่ฉันจะได้อยู่เงียบๆ แบบสมองปลอดโปร่ง โปร่งจริงๆ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เลยยิ่งดี” นี่คือสิ่งที่พรพระพายต้องการในเวลานี้ นั่นเพราะเธออยากหลบออกไปจากสังคมแห่งความวุ่นวายสักพักใหญ่ๆ

“มีสองทางเลือก ไม่เกาะก็ขึ้นดอย แกเลือกมาที่เหลือฉันจัดการให้ รับรองเซอร์ไพรส์” คำว่าเซอร์ไพรส์ของแวนดี้ทำเอา พรพระพายกะพริบตาปริบๆ นั่นเพราะรู้จักทริปเซอร์ไพรส์ดีว่ามันคาดเดาอะไรไม่ได้เลย

“ทะเลไม่เอา ฉันกลัวดำ”

“งั้นก็ภูเขา ขึ้นดอยไป”

“ไม่มีเสือนะแก” คำถามของพรพระพายทำเอาแวนดี้ขำ

“ไม่มี…ต่อให้มี แกก็แยกเขี้ยวขู่มันเสร็จแล้วค่อยใส่เกียร์หมาเผ่น แค่นี้ก็จบแล้ว”

“จบในท้องเสือน่ะสิ” ประโยคที่ได้ยิน ทำเอาแวนดี้ระเบิดความขำออกมา รับรู้ได้ว่าสภาพจิตใจของพรพระพายตอนนี้คงดีขึ้นมากแล้ว แต่มันยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก

“บ้า! ฉันก็พูดมั่ว แกนี่ก็บ้าจี้ตาม สรุปขึ้นดอยนะยะ” แวนดี้ถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“อื้อ…แต่ไม่ต้องไปไกลมากนะ เอาแบบพอดีๆ” พรพระพายย้ำ นั่นเพราะทุกครั้งที่ให้แวนดี้จัดทริป เธอมักจะพบเจออะไรที่มันเซอร์ไพรส์เสมอๆ

ระบุที่พักริมทะเลก็ริมทะเลของจริง จริงชนิดที่ว่านอนกันบนชายหาดก็เคยกันมาแล้ว บอกให้ขึ้นเขาหาที่สูดโอโซน แม่คุณก็เลือกที่พักซะในป่า เป็นทาร์ซานนอนกันบนบ้านต้นไม้

“โอเค…ขอเวลาฉันหาข้อมูลหนึ่งคืน แล้วพรุ่งนี้จะส่งข้อมูลมาให้แกเลือก”

“ได้” พรพระพายเอ่ยรับ เวลานี้เธอไม่มีกะจิตกะใจมานั่งจัดทริปเที่ยวเองสักเท่าไหร่ รู้แค่ว่าอยากไปที่ไหนก็ได้ที่มันไกลๆ ทริปนี้ให้แวนดี้จัดการทุกอย่างก็ดีเหมือนกัน จะได้ตื่นเต้นหน่อย

แต่จะว่าไป หลายวันมานี้ ชีวิตเธอก็น่าจะตื่นเต้นมากพอแล้วนะ ตื่นเต้นจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น คิดแล้วก็…แค้นฉิบหาย!

พอกินข้าวอิ่มสองสาวก็แยกย้าย จังหวะที่กำลังจะก้าวออกไปจากร้าน สายตาของพรพระพายก็เหลือบไปเห็นโปสการ์ดที่วางอยู่หน้าเคาน์เตอร์ เธอจึงเอื้อมมือไปหยิบมาดู

“แกว่ารูปนี้อยู่เมืองไทยหรือที่ไหน”

“อืม…น่าจะที่ไทยนะ” แวนดี้เอ่ยตอบพร้อมกับเพ่งมองรูปที่พรพระพายส่งมาให้ดูใกล้ๆ ทำไมบรรยากาศมันดูคุ้นตาบอกไม่ถูก โดยเฉพาะอุโมงค์ไม้ไผ่

“ถ้าอยู่ไทยจริงๆ ก็ดี เพราะฉันอยากไปพักที่นี่อ่ะ แกช่วยหาหน่อยสิว่ามันคือที่ไหน”

“เชียงใหม่ค่ะ” เจ้าของร้านที่เผอิญผ่านมาได้ยินเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้ลูกค้าสาวสวยทั้งสองคน

“เชียงใหม่เหรอคะ เพิ่งรู้ว่าบ้านแกมีที่สวยๆ แบบนี้กับเขาด้วย” พรพระพายสะกิดแวนดี้ ถ้าเป็นเชียงใหม่เธอก็พอมีสิทธิ์ไปพักได้สิ

“สมัยนี้ที่สวยๆ ผุดขึ้นยังกับดอกเห็ด ใครมันจะไปรู้” เจ้าถิ่นเอ่ยเสียงอ่อยๆ นั่นเพราะตอนนี้เชียงใหม่คือเมืองท่องเที่ยวที่มีธุรกิจเกิดขึ้นเยอะมาก มากจนจำแทบไม่หวาดไม่ไหว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel