บทที่ 4
จากนั้นจึงเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปล้างหน้าล้างตา แต่กลับมายืนมองตัวเองในกระจกบานใหญ่ สภาพของเธอตอนนี้ดูไม่ต่างจากผีซอมบี้ ช่างต่างจากพรพระพายคนเมื่อเช้ามืดที่ยืนสวยอยู่ในกระจกลิบลับ
“ผู้หญิงอะไร อาภัพเรื่องสามีจริงๆ คนแรกก็ตาย คนที่สองก็ชิ่ง...หึ” พรพระพายเอ่ยกับตัวเองแถมยังยิ้มเหยียดให้กับโชคชะตาอีกต่างหาก ก่อนจะก้มมองแหวนเพชรเม็ดโตบนนิ้วนางข้างซ้าย แหวนแทนใจจากราเชนซึ่งครั้งแรกที่ได้มาทำเอาเธอถึงกับร้องไห้ นอนไม่หลับไปตั้งหลายคืน
พรพระพายถอดแหวนออกจากนิ้วอย่างไม่ลังเล เตรียมจะหย่อนลงไปในชักโครกที่อยู่ข้างๆ แต่กลับหยุดเสียดื้อๆ แหวนวงนี้มันไม่มีค่าสำหรับเธออีกต่อไปแล้ว แต่…มันอาจมีค่าสำหรับคนอื่นก็ได้ เมื่อคิดแบบนั้นจึงเก็บแหวนเพชรเม็ดงามเอาไว้ก่อน เมื่อล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา
“ฉันโอเคแล้วแก คราวนี้โอเคจริงๆ”
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าแกต้องโอเค” แวนดี้เอ่ยรับขึ้น ก่อนจะเข้ามากอดเพื่อนอีกครั้ง
สิ่งแรกที่พรพระพายทำคือลงไปเดินดูความเรียบร้อยภายในห้องบอลรูม อันเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานสุดโรแมนติกที่ตอนนี้กำลังถูกเปลี่ยนไปเป็นงานเลี้ยงสำหรับเด็กๆ จากหลายมูลนิธิ ซึ่งเริ่มทยอยมารวมตัวกันตามคำเชื้อเชิญของสิปาง
แต่ปริมาณอาหารสำหรับแขกนับพันคนมันก็มากเกินกว่าที่เด็กๆ จะทานกันหมด สิปางจึงจัดการประสานงานให้รถนำอาหารทั้งคาวหวานส่วนหนึ่งไปมอบให้สถานที่ต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียง
“ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ” นี่คือประโยคที่พรพระพายได้ยินหลังจบงาน แม้มันจะไม่ใช่คำอวยพรในงานแต่งงานอย่างที่เธอคิด แต่มันก็ทำให้เธอยิ้มและมีแรงเพื่อจะก้าวเดินต่อไปในวันพรุ่งนี้ได้
แต่ก็มีแขกจำนวนหนึ่งเดินทางมาโรงแรม นั่นเพราะพวกเขาไม่รู้ รวมทั้งไม่ได้รับแจ้งว่างานแต่งงานระหว่าง พรพระพายกับราเชนนั้นถูกยกเลิกไปแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเป็นแขกฝ่ายราเชน หนึ่งในนั้นคือกานต์ ท่าทางเขารีบร้อนเพราะมาช้าไปมาก ทำให้ชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึงโรงแรมอันเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานในค่ำคืนนี้ หันซ้ายหันขวามองหาป้ายบอกทางไปยังห้องจัดงานเลี้ยงแต่กลับไม่มี จึงถามกับพนักงานของโรงแรมที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขานัก
“ขอโทษนะครับ ผมมางานแต่งงานของคุณพรพระพายกับคุณราเชน ไม่ทราบห้องจัดเลี้ยงไปทางไหน” ประโยคที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้พรพระพายหันกลับมามอง
และนั่นทำให้เธอเห็นว่าคนที่เอ่ยถามคือชายร่างสูงที่มาในชุดสูทเต็มยศ แต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่เนี้ยบเกินไปจนเธอคิดว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
“ทางนั้นค่ะ”
“ทางนั้น นั่นมันทางออกไม่ใช่เหรอครับ” สีหน้าชายหนุ่มดูจะงงเล็กน้อย เมื่อเธอชี้ไปยังทางออก ก่อนจะยกมือขึ้นมาขยับแว่นสายตาที่เขาสวมเพื่อปรับระดับ พรุ่งนี้เขาก็ไม่ต้องทนใส่แว่นสายตาอีกต่อไป เพราะนัดหมายเข้าไปทำเลสิกแก้ปัญหาสายตาสั้นไว้แล้ว
“ใช่ค่ะ เพราะงานแต่งงานที่ว่า มันถูกยกเลิกไปแล้ว คุณไม่ทราบเหรอคะ” พรพระพายถามกลับ แต่จะว่าไปเธอก็ไม่ใช่พนักงานของโรงแรมสักหน่อย แล้วทำไมผู้ชายคนนี้ถึงตรงดิ่งมาถามเธอซะได้ ทั้งๆ ที่คนอื่นก็ออกจะเยอะแยะ หรือเพราะชุดสีดำรัดรูปที่เธอสวม ซึ่งมองผิวเผินก็คล้ายกับชุดสูทของพนักงานโรงแรมอยู่เหมือนกัน
“ไม่ทราบเลยครับ ไม่มีใครแจ้งผม”
“อ้อ…แต่ตอนนี้คุณก็ทราบแล้ว”
“ครับ…แล้วคุณพอจะทราบไหมว่าทำไมงานแต่งงานถึงถูกยกเลิก” ขณะที่รอฟังคำตอบ กานต์ก็เพ่งมองพรพระพายไปด้วย เพราะสิ่งที่สะดุดตาเขามากที่สุดคือแววตาอันเศร้าหมองของเธอ แถมเธอยังหน้าคุ้นๆ เหมือนเขาจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“ได้ข่าวว่าเจ้าบ่าวไม่ยอมมางานนะคะ งานเลยล่ม” คำตอบของพรพระพายทำเอาคนฟังอึ้ง นั่นเพราะไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น คิดแล้วก็สงสารเจ้าสาวที่ชื่อแปลกๆ คนนั้น ป่านนี้ไม่เป็นลมล้มพับไปหลายตลบแล้วหรือนั่น
“ไอ้เชนนะไอ้เชน!” กานต์สบถออกมาเบาๆ ก่อนจะปรับน้ำเสียงแล้วเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณที่บอกนะครับ”
“ยินดีค่ะ” พรพระพายเอ่ยรับแค่นั้น ก่อนจะเดินไปสมทบกับสิปางและแวนดี้ที่รออยู่แถวๆ ล็อบบี้โรงแรม จากนั้นทั้งสามก็กลับออกไป
ส่วนกานต์ยังคงยืนนิ่งๆ ก่อนจะดึงการ์ดในซองสีชมพูหวานซึ่งถืออยู่ในมือออกมาเปิดดู
“งานฉลองมงคลสมรส พรพระพาย-ราเชน...เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจดังออกมาจากชายหนุ่ม ก่อนจะตัดสินใจกลับ แต่จังหวะนั้นสายตาดันไปสะดุดกับป้ายบอกทางไปห้องจัดเลี้ยงและรูปถ่ายพรีเวดดิ้งที่วางอยู่ข้างๆ กับป้าย
เมื่อครู่เขาคงรีบร้อนเกินไปจนไม่ทันสังเกตเห็น กานต์เดินไปมองใกล้ๆ ผู้ชายในภาพเขารู้จักเป็นอย่างดี เพราะนั่นคือราเชนเจ้าบ่าวในคืนนี้ที่หนีงานแต่งงานไปอยู่เสียที่ไหนแล้วก็ไม่รู้
ส่วนผู้หญิงในภาพก็คงเป็นเจ้าสาวที่ชื่อแปลกๆ ว่าพรพระพาย แต่…ทำไมผู้หญิงในภาพกับผู้หญิงที่เขาคุยด้วยเมื่อสักครู่ ถึงมีใบหน้าที่เหมือนกันราวกับแกะ และกานต์ก็ถึงบางอ้อ จุดไต้ตำตอเข้าให้เสียแล้ว
“เวรแล้วไหมล่ะไอ้กานต์ ถามใครไม่ถามดันมาถามเจ้าสาวของงาน เจอกันคราวหน้าเธอได้เอาไม้หน้าสามมาฟาดกระบาลเอ็งแน่ๆ”
แม้พรพระพายจะจัดงานแถลงข่าวด้วยตัวเอง เพื่อสยบข่าวที่กำลังโหมกระหน่ำในโลกโซเชียลให้หยุดเล่นข่าวที่ไม่จริงเสียที แต่มันก็เหมือนจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่ นั่นเพราะมีคนอยู่เบื้องหลังที่หมั่นคอยใส่ไฟเรื่องนี้อยู่เนืองๆ เพื่อไม่ให้ข่าวมันเงียบ
เมื่อข่าวไม่เงียบ คนที่กระทบมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นพรพระพาย พ่อแม่รวมถึงญาติผู้ใหญ่ที่ตั้งอกตั้งใจตัดชุดผ้าไหมมางานแต่งงานของเธอแต่กลับมาเก้อก็ต่างเป็นห่วงเป็นใย เพราะเนื้อหาข่าวมันดูรุนแรงกว่าเรื่องจริงไปมาก จนใครที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ต่างเข้าใจผิดไปตามๆ กัน กว่าที่เธอจะพูดให้พวกเขาเหล่านั้นเลิกห่วงเลิกกังวลเรื่องเธอได้ ก็ทำเอาคอแหบคอแห้ง
