ตอนที่4. จะไม่ทำให้ลำบากใจ
“แล้ว...แล้ว ครอบครัวของข้าเป็นอย่างไรเจ้าคะ พวกเขารักข้าหรือไม่ ดีกับท่านหรือเปล่า แล้ว...แล้วมารดาของท่าน เอ่อ แม่สามีของข้า รักใคร่เอ็นดูข้าหรือไม่เจ้าคะ เอ๋...เหมือนว่าข้าจะได้ยินท่านพูดเรื่องอนุ”
คำถามของนางทำเอาดวงตาของเขาวูบไหวครู่หนึ่ง แต่กระนั้นเขาก็กักเก็บมันไว้ได้ทัน กลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“บิดามารดาของเจ้ามีบุตรชายสามคน เจ้าเป็นบุตรคนที่สี่เป็นบุตรสาวคนเดียวและบุตรคนเล็ก เป็นแก้วตาดวงใจของท่านราชครู ข้าได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลเจ้าอย่างดีมิให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจ บิดาเจ้ามีมารดาเพียงผู้เดียวไม่มีหญิงอื่น ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่รับอนุมีไม่หลายภรรยาให้เจ้าต้องปวดใจ ส่วนเรื่องรับอนุนั้น เป็นความใจร้อนของมารดาข้าเอง”
“ท่าน...ท่านพี่อย่าได้ตำหนิมารดาของท่านเช่นนั้น” นางรีบพูดขึ้น “แต่งงานกันห้าปีไร้ทายาท แม่สามีไม่ขับไล่ข้าก็นับว่าดียิ่งนัก หาก...หากว่าข้าไม่สามารถมีทายาทให้ท่านได้ ท่าน...ท่านสามารถมีอนุได้”
“ข้าไม่รับอนุ ไม่รับภรรยารอง จะมีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น”
น้ำเสียงหนักแน่นมั่นคงทำให้หัวใจของหรูซื่อสั่นไหว นางเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาคมปลาบคู่นั้น พลันรู้สึกร้อนผ่าวทั่วไปใบหน้า ริมฝีปากคลี่ยิ้มอ่อนหวานอย่างไม่รู้ตัว
“เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักผ่อนเถิด อย่าลืมกินยาที่ท่านหมอสั่งไว้ด้วย”
“ข้าทราบแล้ว” เพียงคิดถึงรสขมในชามยานั้น นางก็เบ้ปากออกมา
“ระยะนี้ข้าต้องฝึกทหาร อาจไม่ได้มาหาเจ้าทุกวัน รอให้ข้าจัดการเรื่องในกองทัพเรียบร้อยแล้วจะมีเวลามาอยู่กับเจ้ามากขึ้น หากต้องการสิ่งใดก็บอกป้าหวงฝูให้นางจัดการให้ได้”
“เจ้าค่ะ ท่านอย่าได้กังวลเลย ข้าจะไม่ทำให้ท่านลำบากใจ”
ซุนหลวนคุนใจลอยไปชั่วขณะ เขายื่นมือไปเกี่ยวไรผมที่ลงมาเคลียแก้มออกทัดใบหูให้นางแล้วลุกขึ้นยืน พยักหน้าให้นางเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้อง ไออุ่นจากฝ่ามือของเขาทำให้หรูซื่อยกมือขึ้นแตะแก้ม หัวใจยังคงหวามไหวกับถ้อยคำหนักแน่นที่เขายืนยันกับนาง
“ฮูหยิน”
“ป้าหวงฝู” หรูซื่อได้สติรีบขานรับ
นางหวงฝูเห็นอาการใจลอยของฮูหยินก็ป้องปากหัวเราะเบาๆ สามีเพิ่งเดินออกไป ภรรยาก็ใจลอยด้วยคิดถึงเสียแล้ว
“ฮูหยินอย่าได้ห่วงเลยเจ้าคะ”
“ข้าไม่ได้ห่วงอะไรเสียหน่อย” นางหลุบตาลงซ่อนความเขินอายไว้
“ตั้งแต่ฮูหยินมาที่จวนนี้ ท่านแม่ทัพปลีกตัวมาเยี่ยมฮูหยินทุกวัน ตอนที่ท่านยังไม่ได้สติก็มาเฝ้าอยู่ใกล้ๆ ใครต่อใครก็พูดกันว่าท่านแม่ทัพรักฮูหยินมาก”
“จริงหรือ?” นางเงยหน้าขึ้น หัวใจพองโตด้วยความดีใจ เขา...ห่วงใยนางจริงๆ ใช่ไหม? มิใช่เพราะรับปากกับบิดาของนาง
“จริงสิเจ้าค่ะ” นางหวงฝูหยิบหวีมาแปรงผมให้ นางชอบแปรงผมให้หรูซื่อ เส้นผมนุ่มสลวยไม่หยาบกระด้างเป็นมันขลับ ทั้งที่ไม่ได้ใส่น้ำมันแต่อย่างใด แสดงว่าได้รับการดูแลเอาใจอย่างดี
“ป้าหวงฝู” นางเรียกอย่างเกรงใจ หรูซื่อขบริมฝีปากครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเอ่ยออกมา “แม่สามีส่งข้ามาดูแลท่านพี่ ข้าเดินทางมาเพียงลำพัง ไม่รู้ต้องทำอย่างไรบ้าง ป้าหวงฝูแนะนำข้าได้บ้างหรือไม่ แต่งงานกันห้าปียังไร้ทายาท ข้าละอายใจยิ่งนัก”
“เรื่องนี้อาจเพราะท่านทั้งสองไม่ได้อยู่ใกล้กัน ว่ากันว่าท่านแม่ทัพห่วงชายแดนไม่ได้กลับบ้านมาหลายปี วันนี้ฮูหยินอยู่ตรงนี้แล้ว ก็ถือโอกาสนี้มีทายาทกับท่านแม่ทัพสิเจ้าค่ะ”
“จะทำได้อย่างไร” นางถามอย่างงุนงง “ข้าต้องขึ้นเขาไหว้พระบูชาเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตรหรือ?”
นางหวงฝูหลุดเสียงหัวเราะออกมา ฮูหยินช่างน่ารักไร้เดียงสาเหลือเกิน
“ไม่ต้องทำเช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ ฮูหยินแค่หาเวลาใกล้ชิดกับท่านแม่ทัพ อยู่ด้วยกันมากขึ้นกว่านี้”
“ป้าหวงก็พูดเองมิใช่หรือว่าท่านแม่ทัพปลีกตัวมาหาข้าทุกวัน” นางเอียงคอถามอย่างสงสัย เผลอวางมือลงบนท้อง แค่ใกล้ชิดกันนางก็จะมีทายาทให้เขาได้หรือ?
คราวนี้นางหวงฝูเข้าใจแล้วว่า เพราะฮูหยินไร้เดียงสาเพียงนี้ ท่านแม่ทัพถึงได้ทะนุถนอมดั่งวางนางในอุ้งมือ แต่เรื่องนี้ปล่อยให้เข้าใจผิดเนิ่นนานย่อมไม่ดี แต่งงานกันห้าปีไร้ทายาท จะยิ่งสั่นคลอนตำแหน่งฮูหยิน ของนางเอง
“เรื่องมีทายาทนั้น ท่านแม่ทัพจะสอนฮูหยินเองเจ้าค่ะ แต่ฮูหยิน เองก็ต้องให้ความร่วมมือด้วยเช่นกัน”
“ได้แน่นอน”
นางพยักหน้ารับอย่างขันแข็ง เพื่อมีทายาทให้ตระกูลซุน นางต้องทำได้สิ!
