ตอนที่3.แม่ทัพพิทักษ์ประจิม
ภายในจวนแม่ทัพพิทักษ์ประจิมรับรู้เพียงว่า ฮูหยินของท่านแม่ทัพเดินทางมาเพื่อดูแลสามีที่ไม่ได้กลับบ้านถึงสองปีเศษ การดูแลชายแดนฝั่งตะวันตกติดพันยาวนานทำให้สามีภรรยาห่างเหิน ว่ากันว่า ท่านแม่ทัพห้ามมิให้ฮูหยินเดินทางมาที่นี่ เพราะแร้นแค้นกันดาร แต่เมื่อทุกคนได้เห็นโฉมหน้างดงามของนางแล้ว จึงไม่แปลกใจที่ท่านแม่ทัพทะนุถนอมนางยิ่งนัก
ทว่านอกจากหมอทหารแล้ว ไม่มีใครรู้ว่า สมองของฮูหยินท่านแม่ทัพได้รับการกระทบกระเทือนจนความจำเสื่อม นางจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ชื่อของตนเอง และทุกครั้งที่นางพยายามเค้นสมองคิดว่าตนเองเป็นใครและเหตุใดจึงได้รับอุบัติเหตุหนักหนาถึงเพียงนี้ นางจะทรมานจากการปวดศีรษะจนแทบอยากกัดลิ้นตายไปเสีย นั้นทำให้นางตัดสินใจไม่หวนคิดถึงเรื่องเหล่านั้น และสามีของนางก็เห็นพ้องต้องกัน นางจึงไม่พูดเรื่องที่ตนความจำเสื่อมกับใคร
“ชื่อของข้าคือหรูซื่อ เป็นบุตรสาวของท่านราชครูอู๋เจ๋อ ได้รับสมรสพระทานกับแม่ทัพซุนหลวนคุนตอนอายุสิบสอง...เอ๊ะ! ข้าแต่งงานกับท่านตั้งแต่อายุสิบสองหรือเจ้าคะ”
ซุนหลวนคุนพยักหน้ารับ แสร้งยกถ้วยชาขึ้นจิบกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างในใจ
“ตอนนั้นท่านแต่งกับข้า ท่านอายุเท่าใดกัน” นางเอียงคอถามอย่างสงสัย สามีนางช่างแสนดีและใจเย็นนัก ค่อยๆ สอนให้นางเรียนรู้เรื่องของตนเองไปที่ละเรื่องสองเรื่อง
“ตอนนั้นข้าอายุสิบเก้า”
“แล้วตอนนี้?”
“ยี่สิบสาม”
“เช่นนั้นตอนนี้ข้าอายุ...” นางยกนิ้วขึ้นนับ “สิบหกใช่ไหมเจ้าคะ”
“อืม ปีนี้เจ้าอายุสิบหกแล้ว”
“ข้ากับท่านก็แต่งงานกันมาห้าปีแล้วสินะ” นางถามเองตอบ แต่เห็นเขาพยักหน้ารับก็ลอบมองสีหน้าของเขา “ห้าปีมานี่ ข้ากับท่านใช้ชีวิตอย่างไรเจ้าคะ”
“ข้า...” เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น “ตอนนั้นเจ้าอายุแค่สิบสอง ข้าต้องออกรบ จึงให้เจ้าอยู่กับมารดาข้าที่เมืองหลวง เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่าไหร่นัก แต่งงานห้าปียังไร้ทายาท มารดาข้าร้อนใจจึงให้เจ้ามาอยู่ข้างกายข้าที่นี่”
“แต่งงานห้าปียังไร้ทายาท ข้านี่บกพร่องเสียจริง” สีหน้านางเป็นกังวลยิ่ง
“อย่าคิดมากไป ไม่ใช่ความผิดของเจ้า” เขาอึกอัก
“เอ๋? หรือท่านพี่ไม่สบายเจ้าคะ” นางยื่นมือไปแตะท่อนแขนของเขา
“ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด” เขาเบือนหน้าไปทางอื่น แต่ตัดสินใจว่าจะไม่บอกนางว่าเขากับนางยังไม่ได้ร่วมหอกันอย่างแท้จริง
เขาแต่งกับนางที่อายุเพียงสิบสอง คืนเข้าหอนางก็หลับน้ำลายไหลก่อนเขาจะเข้ามาเปิดผ้าคลุมหน้าเสียอีก นางยังเด็กมากสำหรับเขา แม้ผู้อื่นจะแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย แต่เขาอยากให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป เขารอนางได้ และคิดว่าจะรอต่อไป แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดมารดาจึงส่งนางมาเช่นนี้
“ที่นี่ทุรกันดารมาก หากมีสิ่งใดที่เจ้าต้องการก็บอกป้าหวงฝูได้ คนในจวนก็เหมือนคนของเจ้า ต้องการใช้งานใดก็สั่งการได้ทันที”
“ข้าอยู่ที่นี่ไม่ลำบากอะไร” นางระบายยิ้มหวานเกลือนใบหน้า ดวงตาพราวระยับดุจดวงดารา เล่นเอาคนจ้องมองถึงกับตาพร่าไปชั่วขณะ “ท่านแม่ทัพใจดีกับข้ามาก”
“ท่านพี่”
“....” หญิงสาวนิ่งไป
“เรียกข้าว่าท่านพี่”
“ท่าน...ท่านพี่” แก้มเนียนฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที นางรู้สึกไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย หรือว่า เพราะว่าไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน นางจึงเขินอายอย่างนี้
ได้เห็นท่าทีเขินอายของนางแล้ว หัวใจพลันคันยุบยิบ เขาโน้มหน้าเข้าไปใกล้แล้วกระซิบ
“หากไม่มีผู้อื่น เจ้าจะเรียกข้าว่าหลวนคุนก็ได้”
ลมหายใจอุ่นร้อนคลอเคลียใบหูทำให้หญิงสาวไม่กล้าเงยหน้าขึ้นจึงพยักหน้ารับแทนคำตอบ
“หลวนคุน ลองเรียกดูสิ”
“หลวนคุน” นางทำตามเขาสั่ง ช้อนตาขึ้นมองเห็นสีหน้าพอใจของเขาแล้วก็ใจเต้นรัวขึ้นมา
ดีจริง เขาคงพอใจสินะ สามีของนางช่างดีเหลือเกิน
หรูซื่อคิดว่าตนเองโชคดีนัก แต่งงานห้าปีไร้ทายาท สามีไม่แสดงท่าทีรังเกียจ ซ้ำยังดูแลเอาใจใส่อย่างดี
