บทที่ 3
เมื่อมาถึงเบญจาไม่ได้ตรงเข้าบ้านเพราะเธอรู้ว่าต้องไปหาปู่ที่ไหนซึ่งก็จริงอย่างที่คิด อดีตนักธุรกิจร้อยล้านที่เวลานี้เกษียณแล้วกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ในแปลงผลไม้ที่ลงมือปลูกเองทั้งหมด นานๆ จะใส่สูทเข้าประชุมผู้ถือหุ้นสักครั้ง ส่วนเธอในฐานะทายาทเพียงคนเดียวกลับไม่เคยช่วยแบ่งเบาภาระ เพราะใจไม่ชอบงานนั่งโต๊ะบริหารแบบนั้นเสียเท่าไหร่
“มาทำอะไรตรงนี้ค่ะคุณปู่” น้ำเสียงสดใสของเบญจาเอ่ยถามขึ้น นั่นทำให้คนถูกถามหันกลับมามองพร้อมส่งยิ้มอบอุ่นมาให้
“มาตัดฝรั่ง ดูสิน่ากินไหม” นพพลยื่นผลฝรั่งสดๆ ที่ใช้มีดผ่ากลางออกแล้วให้หลานสาวได้ดู
“น่ากินค่ะ เนื้อชมพูเชียว พันธุ์อะไรคะ”
“ชมพูพันธุ์ทิพย์ ชิมดู” เอ่ยจบก็ยื่นฝรั่งมาให้ซึ่งเบญจาก็ไม่รีรอที่จะรับพร้อมกับส่งเข้าปากทันที ไม่กี่วินาทีก็ตาลุกวาวกับรสชาติของมัน
“กรอบ หวาน อร่อยค่ะ”
“มีอีกเยอะ เดี๋ยวปู่ตัดให้ไปกินที่กรุงเทพฯ”
“ขอบคุณค่ะ”
“หิวหรือยัง”
“ค่ะ มื้อเช้าย่อยหมดแล้ว” เบญจาตบหน้าท้องที่แบนราบของตัวเองเบาๆ พร้อมส่งยิ้มหวานให้ปู่ เพราะรู้ว่ามีคนรอทำให้เธอไม่รู้สึกเหนื่อยแม้จะต้องขับรถติดต่อกันหลายชั่วโมง
“งั้นไปกินข้าวกัน ป่านนี้มาลัยคงทำเสร็จแล้ว” นพพลคล้องแขนกับหลานสาวจากนั้นก็เดินกลับเข้าบ้านมาพร้อมกัน โดยมีสมัยคนสวนคอยถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยผักและผลไม้ตามหลังมาไม่ไกลนัก ส่วนมาลัยแม่บ้านคือภรรยาของสมัยเพราะมาลัยเป็นหมันทั้งคู่จึงไม่มีลูกด้วยกัน
สมัยและมาลัยอยู่รับใช้ดูแลนพพลมาหลายสิบปี อยู่กันมาตั้งแต่เป็นหนุ่มเป็นสาวจนผมหงอกกันเต็มหัว เพราะแบบนั้นนพพลจึงอยากดูแลคนเหล่านี้จนกว่าจะตายจากกันไปข้าง ถ้าเขาตายก่อนก็จะฝากฝังให้เบญจาดูแลต่อไป
“หอม มีไข่ชะอมแน่ๆ” เบญจาทำจมูกฟุดๆ ฟิดๆ ดมกลิ่นอาหารหอมๆ ที่โชยมาจากครัวไทย เรื่องรสชาตินั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะมาลัยทำอาหารอร่อยมาก โดยเฉพาะอาการไทยปักษ์ใต้
“จมูกดีจริง” นพพลส่ายหน้าให้หลานสาวแล้วพากันเดินไปยังห้องรับประทานอาหารที่เวลานนี้มาลัยกับเด็กผู้ช่วยอีกคนกำลังง่วนอยู่กับการจัดโต๊ะ ซึ่งแต่ละเมนูนั้นล้วนแต่เป็นของโปรดของเจ้านายทั้งสอง จากนั้นมาลัยก็ตักข้าวสวยร้อนๆ ใส่จานให้นพพลตามด้วยเบญจา
“ขอข้าวเพิ่มอีกนิดค่ะป้ามาลัย”
“ได้ค่ะคุณหนูของป้า” มาลัยทอดมองเบญจาด้วยความเอ็นดูแล้วตักข้าวเพิ่มให้ตามคำขอ เพราะตอนที่เบญจายังเล็กๆ นั้นเธอก็เป็นแม่นมช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่ยังแบเบาะ
“จะกินแล้วนะคะ” แม้ปากบอกว่าจะกินแล้วแต่สิ่งแรกที่เบญจาทำคือการตักกับข้าวใส่จานให้นพพลก่อน ซึ่งเบญจาทำแบบนี้ทุกครั้งไม่เคยขาด นั่นทำให้หัวใจของคนแก่อิ่มเอมจนเกือบจะอิ่มข้าว
เมื่อเห็นปู่เริ่มกินเบญจาก็ตักอาหารใส่จานตัวเองบ้าง เมนูแรกที่เธอตักคือน้ำชุบกุ้งหยำที่แค่ตักกลิ่นหอมของกะปิก็ทำให้ท้องร้อง ตามด้วยผัดสดๆ ที่ต้องกินคู่กันยิ่งเพิ่มความอร่อย รสชาติของอาหารทำให้แววตาของเบญจาเป็นประกายนั่นทำให้แม่ครัวยิ้มแก้มปริ
จบจากอาหารคาวก็ตามด้วยผลไม้สดๆ ที่ไปตัดมาหลังบ้านเมื่อครู่ ทั้งสองย้ายที่นั่งจากห้องรับประทานอาหารมาเป็นมุมนั่งเล่นที่มีต้นมะกอกโอลีฟยักษ์โดดเด่นอยู่ตรงกลาง ข้างๆ คือบ่อปลาคราฟสีสวยตัวอ้วน
“ปีนี้หลานปู่อายุครบยี่สิบห้าแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ ปีนี้หลิวเบญเพสพอดี” เบญจเพสของคนอื่นอาจเจอเรื่องร้ายๆ แต่สำหรับเบญจาแล้วกลับตรงกันข้าม งานดีความรักรุ่งคือปีเบญจเพสของเธอ
“ความรักกับคุณหนึ่งเป็นยังไงบ้าง”
“ดีค่ะ คุณหนึ่งเป็นคนดีมาก ดีจนหลิวอดคิดไม่ได้ว่าหลุดรอดมาถึงหลิวได้ยังไง” เบญจาตอบไปเขินไป คำตอบของหลานสาวทำให้ลึกๆ แล้วนพพลรู้สึกผิด
“วางแผนเรื่องแต่งงานไว้บ้างหรือเปล่า”
“ยังหรอกค่ะ เราพึ่งคบกันเองจะให้วางแผนแต่งงานเลยตอนนี้ก็เกรงว่าจะเร็วไป” อาการขัดเขินของเบญจายังคงเกิดขึ้น อันที่จริงเธอวางแผนไว้แล้วว่าเร็วๆ นี้เธอจะพาอังกูรมาพบปู่
“เบญรู้ใช่ไหมว่าปู่กับพ่อของเราเป็นคนรักษาสัญญา” น้ำเสียงและสีหน้าของนพพลนั้นจริงจังและแน่วแน่ เพราะหากปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไปกว่านี้ต้องไม่ดีแน่
“ค่ะ” จู่ๆ ใจของเบญจาก็เกิดหวิวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ลางสังหรณ์บอกเธอว่าสิ่งที่ปู่จะพูดนั้นต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ เธอคิดมากถึงเรื่องสุขภาพแต่ก็ไม่กล้าถาม
“นานมาแล้ว ตอนที่ธุรกิจของปู่กำลังจะล้ม ปู่ได้คนคนหนึ่งช่วยเอาไว้ เรานับถือกันเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้อง ลูกๆ ของเราก็รักใคร่กันราวกับพี่น้องแท้ๆ ที่คลานตามกันออกมา เราให้คำมั่นสัญญากันไว้ว่าถ้าลูกๆ หลานๆ ของเราเป็นเพศตรงกันข้าม เราจะให้พวกเขาหมั้นหมายและแต่งงานกัน แต่เพราะลูกของเราต่างเป็นผู้ชายการแต่งงานครั้งนั้นจึงขยับมาเป็นรุ่นหลาน”
“รุ่นหลานที่ว่าซึ่งก็คือหลิว” เบญจาชี้นิ้วมาที่ตัวเอง นพพลจึงพยักหน้ารับ
“ขะ…คุณปู่จะบอกว่าหลิวมีคู่หมั้นและต้องแต่งงานกับเขาอีก แบบนั้นใช่ไหมคะ” น้ำเสียงของเบญจานี้สั่นเครือ เธอตกใจมากเพราะไม่เคยคิดมาก่อนจริงๆ ว่าจะได้ยินเรื่องทำนองนี้ ทั้งตกใจทั้งคาดไม่ถึง
“ใช่” นพพลเองก็อยากทำให้คำสัญญาในตอนนั้นเป็นโมฆะทว่าก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยิ่งเบญจากำลังมีความรักทางนั้นก็เร่งเรื่องแต่งงานมาเพราะหลานชายเขาไม่เคยมีข่าวเสียๆ หายๆ เรื่องทำนองนี้มาก่อน รวมถึงทางนั้นอยากเห็นหลานเป็นฝั่งเป็นฝาและมีเหลนให้อุ้มก่อนจะจากโลกใบนี้ไป
“หลิวจะแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักได้ยังไง”
“ปู่รู้ แต่ปู่เองก็เพิกเฉยต่อคำสัญญาที่ให้ไว้ได้จริงๆ เพราะทางนั้นก็มีพระคุณกับปู่แล้วก็พ่อของหลิวมาก”
“แต่หลิวไม่ใช่ของที่จะนำไปตอบแทนบุญคุณหรืออะไรทั้งนั้นนะคะ” เบญจาเอ่ยทั้งน้ำตา เธอพยายามยกมือขึ้นเช็ดแล้วแต่น้ำตากลับยิ่งไหลอาบแก้มจึงก้มหน้าตลอดเวลา
เวลานี้มีแต่ความรู้สึกงุนงงและไม่รู้จะพูดหรือไปต่อทางไหนดี ทำไมจู่ๆ ถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเธอ ไม่ว่ายังไงเธอจะไม่ยอมแต่งงานแบบนี้อย่างเด็ดขาด หัวเด็ดตีนขาดเธอก็ไม่แต่ง
