บทที่ 4
ที่เขาโง่เขลาไร้สติ คำว่าผู้ชนะในคืนนั้นช่างไร้ค่าและทำให้เขาเจ็บปวดถึงตอนนี้ ชายหนุ่มหยิบจดหมายฉบับล่าสุดจากสวิตเซอร์แลนด์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ถูกส่งผ่านคอมพิวเตอร์ มือหนาคลี่กระดาษจดหมายที่ปริ้นเป็นแผ่นออกอย่างเบามือก่อนจะเริ่มอ่านใจความข้างในอย่างเช่นทุกครั้ง
‘ถึงพี่ชายที่รัก…’
น้ำเสียงอ่อนโยนซึ่งน้อยคนจะได้ยินของกษิดิศ กำลังถ่ายทอดเรื่องราวให้คนบนเตียงฟังอย่างตั้งใจ อีเมลฉบับนี้เป็นของน้องสาวเจ้าชายนิทรา เธอมีชื่อว่าไอริสา หญิงสาวยังไม่รับรู้ความจริงว่าพี่ชายกำลังเป็นอะไรด้วยซ้ำ ถ้าเธอรู้เธอจะอภัยให้กับสิ่งที่เขาทำไหม เพราะหลังจากเกิดเรื่องกษิดิศก็เป็นคนตอบอีเมลแทนเอกณัฐ
เขาจำได้ว่าวันนั้นขณะนั่งรอหน้าห้องฉุกเฉิน ข้างๆ มีเป้ใบหนึ่ง ซึ่งนั่นคือเป้ของเอกณัฐ ด้วยนำหนักของเป้ที่มากจนผิดสังเกต ทำให้เขาถือวิสาสะเปิดออกดูจึงพบโน้ตบุ๊ค กับโปสการ์ดที่ส่งมาจากไอริสา และเขาได้ถือวิสาสะอ่านโปสการ์ดเหล่านั้นจนสะดุดกับประโยคที่ว่า ‘อย่าลืมอ่านอีเมลนะคะ’ จึงส่งผลให้เขากดปุ่มเปิดโน้ตบุ๊คออกดู ด้วยโชคหรือเพราะว่าอะไรก็ไม่ทราบได้ เอกณัฐไม่ได้ลงชื่อออกจากการใช้อีเมล
กษิดิศมือสั่นขณะไล่อ่านข้อความของสองพี่น้องที่ส่งหากัน ไอริสาส่งรูปภาพของเธอมาให้พี่ชายคนนี้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี รอยยิ้มสดใสของเธอก็ยังคงเหมือนเดิม เธอโตขึ้นมากแถมยังน่ารักอีกด้วย นั่นทำให้เขารู้ว่าตอนนี้หญิงสาวอยู่ที่ไหน เนื้อหาในอีเมลบอกเล่าถึงเรื่องที่เธอไปพบเจอในแต่ละวัน รวมทั้งมักจะเอ่ยถึงเพื่อนสนิทที่ชื่อเกศนีบ่อยๆ และมีประโยคหนึ่งที่ไอริสามักจะถามพี่ชายของเธอเสมออย่างเช่นอีเมลที่เขากำลังอ่านอยู่นี้
‘พี่ค่ะ เมื่อไหร่พี่จะขึ้นชกครั้งแรก ถึงวันนั้นเฌอจะรีบบินมาเชียร์’
กษิดิศมักรู้สึกเจ็บปวดกับคำถามนี้เสมอ ความรู้สึกผิดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายโดยเฉพาะหัวใจ เขาสามารถให้คำตอบเธอได้เพียงว่าเร็วๆ นี้ ถ้ารู้กำหนดที่แน่นอนเขาจะบอกเธอทันที และทุกครั้งเมื่อกษิดิศอ่านถึงประโยคสุดท้าย ร่างกายของคนบนเตียงมักมีปฏิกิริยาตอบรับ นั่นคือจังหวะการหายใจที่ถี่กระชั้นขึ้นประมาณสามสี่วินาทีก็จะหยุด คล้ายรับรู้ในเรื่องราวที่น้องสาวได้เขียนมาถึง
“ผมจะทำให้คุณกลับมาอ่านจดหมายของเฌอด้วยตัวคุณเอง จะทำให้คุณกลับมาขึ้นเวทีมวยอีกครั้งให้ได้” ชายหนุ่มเอ่ยให้คำมั่นสัญญา ประโยคนี้เขาเอ่ยบอกไปถึงอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ด้วย
“ไอริสา” หญิงสาวที่เขาเคยรักครั้งยังเยาว์ และไม่ว่านานแค่ไหนเขาก็ไม่เคยลืมเธอได้เลย
ก่อนจะนั่งคิดถึงเรื่องในอดีต จำได้ว่าหลังเกิดเรื่องสามวัน กษิดิศก็ขับรถไปยังบ้านของเอกณัฐ แม้จะไม่ได้ไปหลายปีแต่น่าแปลกที่เขากลับจำเส้นทางได้อย่างแม่นยำ จากที่ได้อ่านอีเมลของสองพี่น้องที่เขียนส่งถึงกัน ทำให้เขารู้ว่าเอกณัฐมีเงินเก็บที่พ่อและแม่สะสมไว้ให้ก่อนเสียชีวิต แต่มันก็ร่อยหรอลงไปทุกวัน บางครั้งเขาต้องออกไปทำงานพิเศษ เพราะเงินที่ได้จากการเป็นนักมวยฝึกหัดในค่ายไม่ได้มากมายอะไรนัก ส่วนความฝันที่จะเป็นนักมวยมืออาชีพก็เพราะมีบิดาเป็นแรงบันดาลใจ ถ้าไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้กษิดิศจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าพ่อของเอกณัฐเคยเป็นแชมป์โลกมาก่อน
กษิดิศใช้เวลาอยู่ที่บ้านของเอกณัฐนานหลายชั่วโมง กระทั่งได้ยินเสียงออดหน้าบ้านจึงเดินออกไปดูก็พบกับบุรุษไปรษณีย์ เขารับจดหมายที่ถูกส่งให้มาถือไว้ มันถูกส่งมาจากสวิตเซอร์แลนด์ แต่ชื่อที่จ่าหน้าซองว่าเป็นผู้ส่งกลับไม่ใช่ไอริสา ชายหนุ่มถือวิสาสะเปิดออกอ่านทันทีเนื่องจากกลัวว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับเธอ แต่สิ่งที่ได้อ่านกลับทำให้ชายหนุ่มคิ้วขมวด จดหมายฉบับนี้เป็นของผู้เป็นป้าที่เขียนมาเพื่อขอเงินค่าใช้จ่ายของไอริสา ซึ่งยอดเงินที่ต้องการมากเป็นหลักแสน กษิดิศคิดว่านี่คงไม่ใช่ฉบับแรกที่ถูกส่งมา และสิ่งที่เขาคิดก็เป็นจริง เมื่อพบจดหมายลักษณะนี้อีกสองฉบับวางอยู่ในห้องนอนของเอกณัฐ นี่อาจเป็นสาเหตุ ที่ทำให้คู่ชกของเขาคืนนั้นคือเอกณัฐก็เป็นได้
“ไอริสา ผมขอโทษ” เสียงทุ้มเอ่ยชื่อหญิงสาวที่เข้ามาอยู่ในความคิด กษิดิศต้องการรักษาเอกณัฐให้หายกลับมาเป็นปรกติก่อนที่ไอริสาจะเรียนจบและกลับมาเมืองไทย ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียงปีเดียวเท่านั้น และเท่าที่ได้อ่านข้อความในอีเมลดูเหมือนว่าเธอตั้งใจจะกลับมาทันทีที่เรียนจบเสียด้วย กษิดิศไม่มีแผนสำรองถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ แล้วถ้าเอกณัฐยังไม่รู้สึกตัว เขาจะเป็นคนบอกความจริงกับไอริสาด้วยตัวเอง แม้ไม่รู้ว่าถ้าถึงวันนั้นเขาจะกล้าพอที่จะพูดออกไปไหมก็ตาม
เมื่ออ่านข้อความในอีเมลให้เอกณัฐฟังจนจบ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องทำงาน หย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้หนังแล้วเอื้อมมือไปเปิดโน้ตบุคขึ้น ก่อนจะเขียนอีเมลตอบไอริสากลับไป เนื้อหาในอีเมลล้วนมีแต่เรื่องดีๆ ให้คนอ่านได้ยิ้มและมีความสุข แม้นี่จะเป็นการโกหก แต่กษิดิศก็ต้องยอมทำก่อนจะจบประโยคด้วย ‘พี่รักเฌอ น้องสาวที่น่ารักของพี่’ อย่างเช่นอีเมลทุกฉบับที่ผ่านมา ก่อนจะกดส่งเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเหมือนกับจะล่วงรู้ว่าคนในห้องเสร็จธุระที่สำคัญแล้ว
ก๊อก! ก๊อก!! ก๊อก!!!
“คุณเรย์ค่ะ มีโทรศัพท์ทางไกลจากจากอเมริกาค่ะ” เมื่อเคาะประตูเรียบร้อยแม่บ้านจึงเอ่ยบอก โทรศัพท์ทางไกลจากอเมริกา ไม่ต้องบอกกษิดิศก็พอจะเดาได้ว่าใครคือคนที่โทรมา หายไปหลายเดือนยังนึกอยู่ว่าคงไม่อยากติดต่อมาเสียอีก
“เดี๋ยวผมลงไป” เสียงทุ้มดังกังวานให้คนนอกห้องได้ยิน ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน แล้วหมุนตัวเดินลงไปชั้นล่าง เมื่อมาถึงจุดที่วางโทรศัพท์บ้านไว้ จึงหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ พร้อมกับคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพูด
