บทที่ 3
ส่วนเกศนีนั้นเรียนด้านกายภาพบำบัด เหตุผลของ เธอก็เหมือนกับไอริสา เพราะมีคนที่อยากดูแล ซึ่งสาขาวิชาที่เลือกเรียนนี้หญิงสาวไม่ได้บอกที่บ้านให้รับรู้ มีเพียงผู้เป็นลุงเท่านั้นที่เห็นชอบมาตั้งแต่ต้น ยิ่งมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ การมีเพื่อนที่มาจากประเทศเดียวกันจึงทำให้เปิดใจคบหาได้เร็วยิ่งขึ้น ไปไหนมาไหนจึงติดกันเป็นตังเม จนผู้ชายหลายคนคิดว่าเธอสองคนเป็นคู่เลสเบี้ยน แรกๆ พวกเธอสองคนก็คอยแก้ข่าวว่านั่นคือการเข้าใจผิด แต่หลังๆ มานี้กลับเฉยปล่อยให้ทุกคนคิดแบบนั้น เพราะต่างคนต่างความคิดใครจะห้ามได้
“หัวเราะผู้ชายหน้าหม้อนะสิ เดินตูดบิดตัวปลิวไปโน่นละ” คำพูดของไอริสาเริ่มห้าว เกศนีก็พลอยมองหาคนที่เพื่อนเอ่ยถึงไปด้วยอีกคน
“ไหนๆ คนไหน”
“นู่นนะ ผู้ชายสวมเชิ้ตสีน้ำเงินคนนู้น แน่ะมีหันกลับมามอง อย่างนี้ต้อง…” ว่าแล้วก็ขโมยหอมแก้มเกศนีไปหนึ่งฟอด ให้ผู้ชายคนนั้นเห็นชัดๆ ว่าเธอไม่ได้โกหกที่บอกความลับให้ว่าเธอนั้นเป็นเลสเบี้ยนชอบผู้หญิงเหมือนกัน
“ยายเฌอ ฉันขายไม่ออกกันพอดี” เกศนีได้แต่ลูบแก้มฝั่งที่ไอริสาหอมป้อยๆ นี่สงสัยจะเล่นมุขฉิ่งฉับไล่ผู้ชายอีกแล้วละซิ ชายหนุ่มรายนั้นเมื่อเห็นภาพชัดเจนซะขนาดนี้ถึงกับสะดุดขาตัวเอง ก่อนจะหายไปกับฝูงชน ไอริสาบางครั้งก็เป็นสาวห้าวชอบเล่นอะไรแผลงๆ บางครั้งก็เป็นสาวหวานน่าทะนุถนอม เรียกได้ว่าเธอมีหลายอารมณ์หลายบุคลิกแล้วแต่ว่าจะอยู่กับใครและสนิทกันมากน้อยแค่ไหน
“เออนะ ขายไม่ออกเดี๋ยวให้พี่ชายฉันไปขอแกเอง สินสอดอย่าเยอะ เดี๋ยวคานจะถามหา”ไอริสาพออกพอใจกับสิ่งที่พูด เพราะเธอนั้นหมายมั่นปั้นมือว่าอยากให้เอกณัฐได้รู้จักกับเกศนี หวังไปไกลถึงขั้นให้ทั้งคู่แต่งงานกันด้วยซ้ำไป ถ้าเป็นจริงอย่างที่คิด เธอคงมีความสุขมากถึงมากที่สุด
“ทะลึ่ง” คนฟังหน้าตาแดงก่ำ ยามได้ยินไอริสาเอ่ยถึงพี่ชายของเธอ เพราะเพื่อนคนนี้มักจับคู่ให้เธอกับพี่ชายอยู่เป็นประจำ แม้จะเคยเห็นหน้าฝ่ายนั้นผ่านรูปถ่ายที่ไอริสาเคยให้ดู แต่เธอก็ไม่เคยได้พูดคุยกับเขาสักครั้ง มีเพียงการรับรู้ข่าวทางอีเมลที่สองพี่น้องมักจะเขียนถึงกันเป็นประจำ ซึ่งเมื่อเอกณัฐตอบกลับมาไอริสาก็มักจะมาเล่าให้เธอฟังเสมอ
การเขียนอีเมลของสองพี่น้อง เธอมองว่านั่นคือเสน่ห์อย่างหนึ่งรองลงมาจากการเขียนจดหมาย แรกๆ ไอริสานั้นอยากใช้วิธีเขียนจดหมายหาพี่ชายแต่เธอมักจะบ่นถึงความล่าช้าในการส่งหรือการรอรับ บางครั้งจดหมายก็หายไปดื้อๆ นั่นทำให้เพื่อนเธอเปลี่ยนมาใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรือเรียกสั้นๆ ว่าอีเมลแทน
แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ได้ เพียงแค่ได้รับรู้เรื่องราวของเอกณัฐจากไอริสา ชื่อนี้ทำไมถึงทำให้หัวใจเธอเต้นแรงยามจนยากที่จะควบคุม บางครั้งยังเก็บชายหนุ่มไปฝันถึงเป็นตุเป็นตะเสียด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะความฝันซ้ำๆ ที่เธอมักจะฝันเห็นว่าเขานอนอยู่บนเตียงสีขาว สภาพรอบข้างๆ คล้ายกับโรงพยาบาล ไม่ว่าเธอจะปลุกเท่าไหร่ชายหนุ่มก็ไม่รู้สึกตัว ความฝันนี้เกศนีไม่เคยเล่าให้ไอริสาฟัง เพราะถ้าขืนเล่าไปก็กลัวว่าจะทำให้เพื่อนกังวลเสียเปล่าๆ ยังไงนั่นก็เป็นแค่เพียงความฝัน ถ้าเอกณัฐป่วยจริงๆ เขาจะตอบอีเมลของเพื่อนเธอได้ยังไงกัน เพราะการติดต่อของทั้งคู่ก็ไม่เคยขาดหาย
เสียงฝีเท้าที่ก้าวย่างอย่างสม่ำเสมอ เดินเข้ามาภายในห้องที่ถูกสร้างขึ้นมาแบบพิเศษ ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ เตียงนอนภายในห้อง สายตามองไปยังแผงอกหนาของคนบนเตียงที่กำลังขยับขึ้นลงตามจังหวะการเต้นของหัวใจ นี่คือสัญญาณชีพที่บ่งบอกว่าผู้ชายคนนี้ยังคงมีชีวิตอยู่ จังหวะเต้นของหัวใจยังคงสม่ำเสมอ แม้บางครั้งจะอ่อนแรง จนผู้นั่งมองกลัวว่าสักวันจังหวะอันสำคัญนี้จะหยุดลงก็ตามที
‘สมองได้รับการกระทบกระเทือนมาก อัตราการรอดชีวิตมีไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็น’
นี่คือประโยคของหมอที่เขายังจำได้ฝังใจในคืนนั้น ตลอดครึ่งปีมานี้ กษิดิศมักจะมานั่งมองใบหน้าของคนบนเตียง ด้วยแววตาของความกังวล แต่ไม่ว่าจะนั่งมองนานเพียงแค่ไหน ใบหน้านี้ก็ไม่เคยลืมตาแล้วสบตาเขากลับมาเลยสักครั้ง ความหวังเดียวของชายหนุ่มคือทำอย่างไรก็ได้ให้เจ้าชายนิทราที่นอนอยู่ตรงหน้าฟื้นคืนสติ เขาทำทุกวิถีทางแล้ว แต่สุดท้ายทางเดียวที่เขาทำได้คือรอคำว่าปาฏิหาริย์ แม้จะเป็นเพียงความหวังคล้ายฟางเส้นสุดท้าย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะหวัง อย่างน้อยเขาก็จะทำอย่างสุดกำลังเพื่อเอกณัฐและไอริสา
“ผมต้องทำยังไง คุณถึงจะฟื้นขึ้นมาได้” นี่คือคำถามที่กษิดิศมักจะเอ่ยออกมายามอยู่กับเจ้าชายนิทราสีหน้าของผู้เอ่ยถามช่างเจ็บปวด ก้าวที่ผิดพลาดไม่ว่าจะพยายามแก้ไขอย่างไร ความรู้สึกผิดก็ยังคงอยู่ในจิตใจไม่จางหาย ทางเดียวที่ทำให้รู้สึกดีขึ้น นั่นคือการหมั่นดูแลคนบนเตียงให้ดีที่สุด เพื่อรอวันให้เขาฟื้นคืนสติกลับมา
แม้ชายตรงหน้าจะนอนนิ่งบนเตียงมานานหลายเดือน ถ้ามองผิวเผินคล้ายกับว่าเพียงแค่นอนหลับไปเท่านั้น เพราะร่างกายยังคงสมบูรณ์แถมดูจะอวบขึ้น เพราะอาหารบำรุงที่รับทางสายยางซึ่งได้ผ่าตัดส่งผ่านเข้าไปทางช่องท้องตามร่างกายก็ไม่มีรอยแผลใดๆ กดทับ เนื่องจากผู้ดูแลจ้างพยาบาลมาอยู่ด้วยตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง รวมทั้งยังให้หมอเข้ามาดูอาการทุกอาทิตย์ ไหนจะอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น เขาก็จัดหามาให้ ค่าใช้จ่ายจะมากแค่ไหนเขาก็ยอมจ่าย
“เฌอ” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยชื่อที่เขาไม่มีวันลืม หัวใจชายหนุ่มรับรู้ถึงแรงบีบอันเจ็บปวด เขาจำได้ว่าตอนยังเรียนมัธยมนั้น ได้หลงรักเด็กผู้หญิงคนหนึ่งตั้งแต่แรกพบก็ว่าได้ เธอมักผูกเปียสองข้างเสมอ ทุกวันเขาจะเห็นเธอมารอพี่ชายอยู่หน้าโรงเรียน ซึ่งเขาและพี่ชายเธอนั้นเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ความเป็นเด็กและอยากรู้ ทำให้เขาตามสองพี่น้องนั้นไปกระทั่งถึงบ้านของคนทั้งคู่ ครอบครัวเธออบอุ่นด้วยพ่อ แม่ และลูกชายหญิงช่างแตกต่างจากครอบครัวเขานัก และดูเหมือนว่าพี่ชายเธอจะชื่นชอบการชกมวยมาก ทุกวันหลังเลิกเรียนเด็กผู้หญิงจะคว้าจักรยานออกไปปั่นตามพี่ชายที่วิ่งออกกำลัง เพื่อไปซ้อมที่ค่ายมวยใกล้บ้านในตอนเย็น
ขณะที่คิดถึงเรื่องนี้กษิดิศก็เผลอยิ้มมุมปากออกมา หญิงสาวบอกในอีเมลที่ส่งให้เอกณัฐเสมอว่าจะตั้งใจนำความรู้ที่ได้เรียนมาคอยดูแลพี่ชาย ผู้ซึ่งหวังจะเป็นนักมวยสากลระดับโลกตามรอยพ่อ สองพี่น้องอายุห่างกันสี่ปี พ่อและแม่เสียชีวิตไปเมื่อห้าปีก่อนด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากนั้นไอริสาก็เดินทางไปเรียนต่อ เพราะนี่คือสิ่งที่พ่อและแม่เธอได้กำหนดไว้ในพินัยกรรมเหมือนรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา
