ตอนที่ 4 มีแฟนหรือยัง
มีแฟนหรือยัง
“จะทำอะไร” เสียงทุ้มถามคนร่างบางที่นั่งอีกข้างเขาขึ้นทันที
“ชงเหล้าให้พวกคุณค่ะ” เธอเอ่ยตอบ พร้อมกับกำลังจะยื่นมือไปหยิบแก้วของเพื่อนเขาทั้งสอง
“ไม่ต้อง! มือพวกมันก็มี ให้มันชงกินเอง” เขาเอ่ยสั่งเธอเอาไว้ทันที
“แต่...” เธอมองหน้าเขาอย่างลังเล เพราะเธอมีหน้าที่บริหาร แต่ทำไมเขาถึงกลับมาสั่งห้ามเธอไม่ให้บริการด้วย
“สายป่าน” เสียงเข้มกดต่ำ พร้อมกับจ้องมองไปที่ใบหน้าของเธออย่างคาดโทษ
“ค่ะคุณหมอ” เมื่อเจอสายตาที่เขามองแบบนี้ เธอแทบจะไม่กล้าขยับไปไหนเลย จึงยอมทำตามในสิ่งที่เขาบอก แล้วนั่งอยู่นิ่ง ๆ ข้างเขา
“เรียกฉันว่าพี่หมอ หรือหมอปุณณ์ก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยบอก เมื่อหันมาพูดกับเธอ
“ทำไมหนูต้องเรียกแบบนั้นด้วย” เธอถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาถึงให้เธอเรียกเขาแบบนั้น เพราะเธอและเขาเองก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวด้วย
“อยากให้เรียก จะได้ดูเหมือนสนิทกัน” พูดพร้อมกับดึงเธอเข้ามาแนบชิดกัน แล้วจ้องมองสบตากับเธออย่างต้องการลงโทษเด็กดื้อ
“คุณชอบดื่มแบบไหนค่ะ รสเข้มไหม” เธอไม่กล้าสบตาเขา จึงหาทางเปลี่ยนเรื่อง
“แบบหนู” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยบอก แต่สายตายังคงจ้องมองที่เธออยู่อย่างนั้นแบบไม่อาจจะละสายตามองไปทางอื่นได้อีก
“กูไปเข้าห้องน้ำดีกว่าว่ะ ไอ้พอร์ชไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนกูหน่อยคืนนี้เด็กกูไม่อยู่กูเหงาว่ะ” พิรัชต์จึงลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยชวนพัสกรออกไปจากตรงนี้ทันที เมื่อเห็นว่าปุณณกันต์ทำตัวเหมือนอยู่กันแค่สองคนกับหญิงสาว โดยที่ไม่เห็นหัวพวกเขานั่งรวมอยู่ด้วยเลย
“ทำไมต้องเป็นกูด้วยว่ะ” พัสกรถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ
“ไอ้พอร์ช!!!”
“เออ ก็ได้วะ” พัสกรจึงต้องยอมทำตามในสิ่งที่พิรัชต์บอก เพราะเพื่อนใช้สายตาขู่เขาออกมา
ปาลรพีร์จึงหันมาชงเครื่องดื่มตรงหน้าให้เขาแทนกลบอาการเก้อเขิน ที่ถูกเข้าเอ่ยกับเธอออกมาโต้ง ๆ แบบนี้ แล้วยื่นให้เข้าดื่มทันที
“รสชาติพอได้ไหมค่ะ” เธอถามออกไปทันที เมื่อเขายกเครื่องดื่มเข้าปาก
“ดื่มเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิครับ เพื่อนพี่มันออกไปหมดแล้ว” เสียงนุ่มหันมาพูดกับเธอ พร้อมกับมองเธอด้วยสายตาออดอ้อน
“หนู อื้อ อึกกก” เธอกำลังจะอ้าปากเอ่ยปฏิเสธออกมา
แต่ถูกปุณณกันต์ล็อคต้นคอเอาไว้ แล้วป้อนแอลกอฮอล์ลงปากเธอด้วยปากของเขาเองเสียดื้อ ๆ โดยที่ไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน
แคร่ก แคร่ก
เธอไอสำลักจนน้ำแดงไปหมด เพราะไม่เคยแตะต้องของมึนเมา แถมยังถูกเขายัดเยียดให้แบบไม่ทันได้ตั้งตัวอีก
“หวานไหมกินเหล้าจากปากพี่” เสียงนุ่มเอ่ยถาม พร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดขอบปากที่เลอะไปด้วยคราบแอลกอฮอล์ไหลออกมา
“อี๋...ขมจะตาย” เธอพูดพร้อมกับหน้ามุ่ยใส่เขาทันที
จ๊วบบบ
เมื่อได้ยินเธอบ่นว่าขม คุณหมอหนุ่มก็จู่โจมประกบจูบปากของเธออีกครั้งทันทีอย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้กับแฝงไปด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน
“มีแฟนหรือยัง” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามขึ้นทันที ที่ยอมถอนจูบออกจากปากอวบอิ่มแสนหวานอย่างน่าแสนเสียดาย
“...” เธอไม่ตอบอะไรเขาออกไปสักคำ เพราะยังคงเขินอายอยู่ ที่ถูกเขาจู่โจมขโมยจูบแรกของเธอไปเสียดื้อ ๆ
“พี่ถาม ว่าป่านมีแฟนหรือยังครับ” ปุณณกันต์มองสบตาเธอ ก่อนที่จะเอ่ยเสียงนุ่มถามเธอออกไปอีกครั้ง เพราะอยากรู้ว่าเธอมีเจ้าของหรือเปล่า แต่ถ้าเดาจาการที่เขาขโมยจูบเธอไปเมื่อกี้ ถ้าไม่เดาจากประสบการณ์ของตัวเอง เธอคงยังไม่มีใครแน่
“มะ ไม่มีค่ะ ถามทำไมหรือค่ะ” น้ำเสียงตะกุกตะกักตอบออกไปตามความจริง แต่ก็ยังไม่กล้าสบสายตาเปล่งประกายของเขา
“ถ้าพี่อยากจีบป่าน ต้องทำยังไงครับ” เขาเอ่ยบอกเธอจึงจุดประสงค์ของตัวเองทันที พร้อมกับจับมือของเธอขึ้นมาทาบที่อกแกร่งข้างซ้ายของเขาที่เต้นระรัวเร็วเสียจนจะระเบิดออกมา
“พะ พี่หมอ!” ปาลรพีร์เบิกตากว้างขึ้นมาทันที ที่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด
“พักที่ไหน เดี๋ยวเลิกงานแล้วพี่ส่ง”
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ” เธอรีบปฏิเสธทันควัน
“กลัว?” เขาเลิกคิ้วมองอย่างท้าทาย
“เปล่าค่ะ หนูแค่ตั้งตัวไม่ทัน ก็เราพึ่งเคยเจอกัน” ปาลรพีร์ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เป็นครั้งแรกที่ถูกลูกค้าจีบทางตรงแบบนี้
เธอยอมรับว่ารู้สึกดีกลับเจาเหมือนกัน แต่จะให้เธอตอบตตกลงไปกับเขา มันจะดูไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ แล้วเขาจะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายหารือเปล่า
“ก็นี้ไง กำลังศึกษากันอยู่” ปุณณกันต์ก็พูดออกมาแบบไม่อ้อมค้อมเช่นกัน เพราะเขาเองก็ไม่เคยจีบใครมาก่อน ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนเหมือนกัน
“แต่พี่หมอจู่โจมหนูมากเลยนะคะ แบบนี้หนูจะกล้ารับงาน...” เธอนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ในวงแขนของเขา ไม่กล้าที่จะขยับออก
“แล้วยอมให้พี่จีบหรือเปล่าครับ” เสียงนุ่มยังคงเอ่ยถามเธอ เพราะว่ายังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากเธอ
“ก็ลองจีบดูก่อนสิค่ะ”
“เอาตรง ๆ เลยน่ะ พี่ไม่รู้หรอกว่าการจีบสาวมันเป็นแบบไหน เพราะพี่ไม่เคยจีบใครมาก่อน”
“มีแต่สาว ๆ มาจีบหรือค่ะ” เธอพูดจาด้วยท่าที่ดูประชดประชัน เพราะโปรไฟล์ระดับเขานี่น่ะ จะไม่เคยไม่มีแฟนมาก่อน
“ก็ไม่เชิง...แต่หนูเป็นคนแรกเลยน่ะ ที่พี่อยากจีบ เพราะพี่ถูกใจหนูตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว” เขาตอบแล้วเว้นช่วงก่อนที่จะบอกเธอออกไปตามตรง แต่ไม่รู้ว่าเธอจะเชื่อเขาหรือเปล่าดูจากสายตาเธอแล้วใสซื่อเสียจน ไม่คิดว่าเธอจะมาทำงานในที่แบบนี้
“แล้วเงินที่ให้หนูมาก็คงจะหวังผลประโยชน์ใช่ไหม” ปาลรพีร์จึงพูดถึงเรื่องเงินในซองขาวเมื่อตอนเย็นที่เขาให้เธอเป็นเงินค่าจ้างพิเศษ
“ถ้ามาเป็นแฟนพี่ หนูจะได้เยอะกว่านั้นอีก” คุณหมอจึงพูดหยั่งเชิงเธอดู เพื่ออยากรู้ว่าเธอจะมีปฏิกิริยาเช่นไร
“แม้แต่กระทั่งหมดตัวหรือค่ะ” เธอจึงลองแกล้งเขากลับไปบ้าง
“ลองดูไหมล่ะ พี่พร้อมทุ้มเพื่อหนู”
“เงินซื้อความรักไม่ได้หรอกค่ะ”
“พี่รู้ แต่ต้องทำยังไงครับ หนูถึงจะยอมมาเป็นแฟนพี่” เขาเอ่ยอีกครั้งด้วยท่าทีที่จริงจังกว่าทุกครั้ง
“ไม่รู้สิค่ะ ถ้าพี่พยายามมากกว่านี้ หนูอาจจะตกลงก็ได้” เธอเบือนหน้าหนีทำเป็นไม่รับรู้ แต่ก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“แต่พี่จูบหนูไปแล้วนี่สิ พี่ต้องรับผิดชอบหนู” ปุณณกันต์พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“ระ รับผิดชอบอะไรค่ะ” เธอหันขวับกลับไปหาเขาคืนทันที
“พี่จะยกทั้งตัวและหัวใจพี่ให้หนูดูแลครับ”
“พะ พี่หมอ!”
จ๊วบบบ
เมื่อเธอมัวแต่ตกใจอ้าปากค้าง ปุณณกันต์จึงจู่โจมเข้าจูบเธออีกครั้งทันที อย่างไม่อาจจะห้ามใจตัวเองได้ แถมยังดึงเธอเข้ามาแนบชิดอกแกร่ง แล้วกอดไว้แน่นกว่าเดิม
