ตอนที่ 2 หมอหญิงประจำจวนสกุลโจว (1)
ตอนเช้ากัวจือหรานจะอยู่ตรวจโรคที่โรงหมอสกุลซุนตั้งแต่ต้นยามเฉิน[3]จนถึงปลายยามเซิน[4]จึงจะกลับมาที่หอราตรีสวรรค์ และอยู่โยงคอยว่าจะมีใครมาหาหยูกหายาที่นางจนถึงปลายยามจื่อ[5]จึงดับไฟเข้านอน
[3] ยามเฉิน คือช่วงเวลา 07.00-08.59 น.
[4] ยามเซิน คือช่วงเวลา 15.00-16.59 น.
[5] ยามจื่อ คือช่วงเวลา 23.00-00.59 น.
นางทำงานเช่นนี้มาหลายปี อายุสิบแปดย่างสิบเก้าแล้วนับว่ามีประสบการณ์อยู่มากมาย ซ้ำท่านหมอซุนถือเป็นอาจารย์ที่ไม่หวงวิชา นางมีคนไข้ที่เป็นสตรีมาหาประจำ ปรึกษาปัญหาที่ไม่กล้าบอกกับหมอผู้ชาย กัวจือหรานจึงได้พบคนมากหน้าหลายตา ซ้ำยังได้ศึกษาโรคแปลกโรคที่มีแต่ในสตรีไปในตัว นางจึงมีความสุขกับการรักษาคนไข้มาก ตอนนี้นับว่านางเชี่ยวชาญโรคของสตรีที่สุดในโรงหมอสกุลซุนก็ว่าได้
วันนี้ท่านหมอซุนออกไปตรวจโรคตามปกติ หมอคนอื่นก็ยุ่งวุ่นวาย ช่วงนี้เข้าหน้าร้อนแล้ว คนเป็นไข้ลมร้อนมากมาย กัวจือหรานเองก็ไม่ว่าง นางถูกระบุตัวมาว่าขอให้ไปตรวจโรคของสตรีตั้งครรภ์ในจวนของวาณิชหลวงแซ่โจว
สกุลโจวเป็นพ่อค้าที่มีกิจการและที่ดินเกือบครึ่งหนึ่งในเมืองซ่งเจียง สกุลโจวเป็นผู้ควบคุมการค้าเกลือให้แถบพื้นที่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งยังเป็นคลังเสบียงใหญ่ของกองทัพทางตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด สกุลโจวมีคลังเสบียงสิบสองแห่งทั้งในเมือง นอกเมืองและเมืองข้างเคียง คอยรวบรวมเสบียงมากมายส่งให้ทางการและเก็บตุนไว้ยามฉุกเฉิน การค้าและอำนาจที่สกุลโจวมีอยู่ในมือนั้นใคร ๆ ก็อยากจะได้มาครอบครอง จึงพากันส่งบุตรสาวมาแต่งงานผูกสัมพันธ์กับสกุลโจวทั้งกับบุตรหลานสายหลักสายรอง ขอแค่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสกุลโจวบ้างเล็กน้อยก็ยังดี เพียงแต่มีข่าวลือมากมายทั้งจริงทั้งเท็จ หากส่งบุตรสาวไปแต่งสายรองสายสามหรือเครือญาติย่อมไม่มีปัญหา แต่ที่แต่งเข้าสายหลักกลับมีปัญหามากเพราะเจ้าบ้านสกุลโจวตอนนี้คือโจวเฟิง บุตรชายคนโตของสายหลัก นับแต่ท่านผู้เฒ่าโจวและบิดาของเขาจากไป เขาก็ดูแลกิจการสกุลโจวมาแล้วเจ็ดปี นับตั้งแต่รับสืบทอดงานทั้งหมดตอนอายุสิบเจ็ดก็ได้แต่งภรรยาคนแรกเข้าจวนมา ยังไม่ทันรุ่งสาง ฮูหยินของเขาก็จากไปอย่างไรสาเหตุ ปีต่อมาก็แต่งภรรยาอีกคน ดีหน่อยที่คนนี้อยู่ได้เจ็ดวันถึงค่อยจากไปอย่างไร้สาเหตุอีกเช่นกัน
ครั้งแรกไม่มีใครทันคิด แต่เมื่อมีเหตุการณ์ครั้งที่สองเกิดขึ้นคล้ายกันย่อมมีคนพูดออกไปว่าโจวเฟิงมีดวงพิฆาตภรรยา แต่ถึงกระนั้นอำนาจและเงินทองที่ล่อตาล่อใจก็ยังคงมีคนอยากผูกสัมพันธ์เพื่อแลกมาซึ่งช่องทางการค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ
แต่จนแล้วจนรอดภรรยาที่แต่งเข้ามาคนที่สี่ก็จากไปด้วยสาเหตุเดียวกับทั้งสามคนก่อนหน้านั้น แม้จะนึกเสียดายแต่ไม่มีใครกล้าส่งบุตรหลานแต่งให้โจวเฟิงอีก จนตอนนี้เขาอายุยี่สิบสี่แล้วก็ยังไร้ภรรยา หญิงบำเรอ สาวใช้ห้องข้างก็มี เพียงแต่อยู่ได้ไม่นานก็จากไปด้วยสาเหตุเดียวกัน เขาร่วมหอกับสตรีมาไม่น้อย นับดูแล้วที่พอจะสืบได้หญิงสาวที่เกี่ยวข้องกับเขาก็จากไปมากถึงแปดคนแล้ว ที่นับไม่ได้ก็มีอีกมากเพราะสกุลโจวปิดข่าวอีกไว้อย่างดี
ช่วงหลังจึงไม่มีใครพูดถึงการแต่งงานของโจวเฟิงอีก มีบ้างที่คู่ค้าส่งหญิงบำเรอมาให้ เขาเรียกไปปรนนิบัติครั้งสองครั้งก็ไม่สนใจอีก พวกนางเหล่านั้นบ้างถูกขายออกไป บ้างเต็มใจเป็นสาวใช้ในสกุลโจวต่อไป เรื่องนี้จึงถือว่าเป็นเรื่องที่ฮูหยินผู้เฒ่าและโจวฮูหยินหนักใจที่สุด แต่เจ้าตัวอย่างโจวเฟิงนั้นเหมือนจะชินชาเสียแล้ว ใครจะอยู่ใครจะไปเขาไม่มีท่าทางเศร้าเสียใจแต่อย่างใด
กัวจือหรานลงจากรถม้าของสกุลโจวและเดินตามหลังรองพ่อบ้าน นางช้อนตาขึ้นมองป้ายเหนือประตูสีแดงบานใหญ่ฝังหมุดทองแดง ป้ายใหญ่ ตัวอักษรพลิ้วไหวแต่ดูน่าเกรงขามทรงพลัง บ่าวเฝ้าประตูแต่งตัวสุภาพสะอาดสะอ้านท่าทางฉลาดทันคน
“แม่นางกัวเชิญ” รองพ่อบ้านผายมือเชิญนางเข้าจวน
กัวจือหรานรู้ดีว่าสตรีที่เป็นวิชาแพทย์นั้นไม่ค่อยเป็นที่เคารพนับถือของพวกบุรุษนัก แต่ถึงกระนั้นหมอหญิงก็ยังจำเป็นสำหรับสตรีสูงศักดิ์หรือสตรีชนชั้นสูงที่ต้องรักษาธรรมเนียมที่ว่าสตรีบุรุษไม่อาจแตะต้องกันส่งเดช แต่ถึงกระนั้นกัวจือหรานไม่เคยคิดมาก แค่ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีก็พอแล้ว
นางผงกศีรษะให้บ่าวเฝ้าประตูทั้งสองคน จากนั้นสะพายล่วมยาเดินตามรองพ่อบ้านไปเงียบ ๆ คฤหาสน์แห่งนี้ใหญ่โตมาก ต้นไม้ใบหญ้าล้วนงดงามแปลกตา น่าจะเป็นพืชพันธุ์ที่หามาจากทั่วทุกสารทิศ ราคาย่อมไม่น้อย รองพ่อบ้านพานางไปยังโถงหน้าแต่ไม่มีใคร จึงเชิญให้นางเข้าไปนั่งรอสักครู่ ตัวเขาออกไปอย่างเงียบเชียบ
ไม่นานสาวใช้ยกชามาส่งให้นางถ้วยหนึ่ง กัวจือหรานกล่าวขอบคุณและเปิดฝาถ้วยชา มองชาสีอ่อนส่งควันกรุ่นกลิ่นหอมของใบชาใหม่ นางไปรักษาโรคให้สกุลที่มีชื่อเสียงมาไม่น้อย แต่มีแค่สกุลโจวที่รับรองด้วยใบชาล้ำค่าและเป็นชาใหม่จากช่วงต้นปีที่ผ่านมา บอกได้ว่าพวกเขาไม่ดูถูกผู้คน หรือจะคิดอีกอย่างหนึ่งคือพวกเขาทำทุกอย่างอย่างดีเพื่อรักษาหน้าตาของสกุลกระมัง
“เชิญแม่นางกัวที่เรือนหลังขอรับ”
รองพ่อบ้านกลับมาอีกครั้งและเชิญนางไป กัวจือหรานก็ลุกขึ้นทันที นางนั่งอยู่ในห้องโถงนี้ไม่ถึงหนึ่งเค่อ[6]แต่ก็เก็บรายละเอียดการตกแต่งห้องโถงนี้ไปจนหมดแล้ว ไม่อาจไม่กล่าวชม สกุลโจวรู้จักจับจ่าย แต่ไม่พร่ำเพรื่อจนเหมือนพวกเศรษฐีใหม่ที่มีของดีอะไรก็ยกออกมาอวดอ้างความร่ำรวย
[6] หนึ่งเค่อ เทียบเท่ากับเวลา สิบห้านาที
กัวจือหรานรู้สึกว่าเดินมาไกลมาก ตกใจกับความใหญ่โตกับคฤหาสน์สกุลโจวมากทีเดียว แต่นางยังคงรักษาใบหน้าอันเฉยชาของตัวเองไว้อย่างดี เดินผ่านซุ้มประตูวงพระจันทร์เข้าไปก็เห็นเรือนหลังงามที่อยู่กลางสวนดอกไม้นานาพันธุ์ ทั้งงดงาม ทั้งแปลกตา แต่เหนือสิ่งอื่นใดคนที่อยู่ที่นี่ย่อมต้องมีความสุขมากเป็นแน่
รองพ่อบ้านเดินนำทางไปแค่หน้าประตูที่สาวใช้วัยกลางคนรออยู่ “แม่นางกัวจากโรงหมอสกุลซุนมาแล้ว”
“แม่นางกัว ข้าคือแม่นมของฮูหยินของนายท่านรอง ที่เชิญแม่นางมาครั้งนี้ก็เพราะอยากให้ตรวจครรภ์ของฮูหยินท่านรอง”
“อือ” กัวจือหรานพยักหน้าพร้อมรับคำ
