บทที่ 2
บทที่ 2
กู้หยวนเฉิงมองดูผู้หญิงท่าทางและคำพูดแปลกประหลาดที่เดินอยู่รอบ ๆ ตึกบัญชาการของเขา
นี่เป็นเวลาสัปดาห์กว่าแล้วที่ไป๋ซีเยว่ปรากฏตัวขึ้น เธอบอกแค่ว่าตนเองชื่ออะไร และเคยอยู่ที่ไหนเท่านั้น แคว้นหยางเป็นสถานที่ที่อีกฝ่ายบอก แต่กู้หยวนเฉิงไม่เคยได้ยินมาก่อน
“จะว่าไปท่านผู้บัญชาการ หลังจากที่คุณหมอบอกว่าตนเองมาจากแคว้นหยาง ฉันก็ลองไปดูหนังสือประวัติศาสตร์มา สถานที่แถวนี้เมื่อก่อนถูกเรียกว่าแคว้นหยางนะ แต่นั่นก็หลายร้อยปีมาแล้ว” กู้หยวนเฉิงขมวดคิ้ว
“ไว้ถ้าเสร็จจากตรงนี้เอาหนังสือที่ว่านั่นมาให้ฉันดูหน่อย”
“ได้ได้ ฉันไปเอามาให้ดูเลยก็ได้นะ”
“ยังไม่ต้อง ช่วยฉันดูตรงนี้ก่อน เผื่อเธอต้องการอะไรอีก” ป๋ออี้หรันมองหัวหน้าของตนที่เป็นทั้งเพื่อนและหัวหน้า คนที่มักไม่สนใจอะไร แต่ตอนนี้ ดวงตาคมที่แทบจะไม่ละสายตาไปจากคุณหมอหญิง
“แม้ว่าคุณหมอจะแปลกไปหน่อย แต่ก็สวยดีนะ ว่าไหมท่านผู้บัญชาการ” คำพูดราวกับหยอกล้อทำให้สายตาคมของกู้หยวนเฉิงหันมองคนในการดูแลของตน “มันใช่เรื่องที่ควรจะพูดไหม”
“ขอโทษครับ” ไม่พูดเปล่าป๋ออี้หรันยังยืนตรงและยกมือขึ้นตะเบ๊ะท่าทางแบบนั้นทำให้ไป๋ซีเยว่ที่กำลังดูแลคนป่วยหันมองคนทั้งสองที่ยืนอยู่ไม่ไกล
ท่าทางแปลกตานั้นทำให้หญิงสาวขมวดคิ้ว ทั้งเสื้อผ้า คำพูดและอาการท่าทางของคนเหล่านี้ทำให้ไป๋ซีเยว่รู้สึกราวกับตัวเองอยู่ไม่ถูกยุคถูกสมัย ยิ่งเมื่อได้ยินชื่อเมืองด้วยแล้ว
อีกทั้งสถานที่รอบ ๆ นี้ ดูอย่างไรก็ยังเป็นเขาลูกเดิม แม้จะมีบางอย่างเปลี่ยนไปบ้าง แต่ต้นไม้ใหญ่หลายต้นก็ยังเป็นต้นเดิม แม้จะดูใหญ่โตขึ้น และบางต้นก็คล้ายจะยืนต้นตายอยู่อย่างนั้น
หากไม่พูดถึงเรื่องเป็นไปไม่ได้ พื้นที่แถว ๆ นี้ราวกับผ่านวันเวลาไปนานกว่าสิบปีในช่วงเวลาไม่ถึงชั่วยาม แต่จะเป็นไปได้อย่างไร
“คุณหมอนี่เก่งจริง ๆ นะครับ พวกเราเคยบาดเจ็บจากการออกปฏิบัติการ อาการหนักน้อยกว่าครั้งนี้ด้วยซ้ำ แต่ทั้งฉีดยาทั้งให้น้ำเกลือให้เลือด สุดท้ายก็ยังไม่ฟื้นตัวเร็วเท่ายาต้มของคุณหมอเลย แต่ว่ามันออกจะขมไปหน่อยนะครับ”
ไป๋ซีเยว่ยิ้มให้กับทหารที่เป็นคนไข้ ท่าทางนั้นทำให้คนที่มองอยู่ไกล ๆ เริ่มมีท่าทางไม่พอใจ
“ที่จริงหากได้ผลไม้เชื่อมมาช่วยก็จะดีขึ้น หรือไม่อย่างน้อยก็น้ำผึ้งป่า ที่จริงตอนออกไปหาสมุนไพรก็เห็นรังผึ้งใหญ่อยู่ อยากได้หรือไม่ข้าจะไปเอามาให้” เสียงกระแอมดังมาจากอีกมุมห้อง จนทุกคนหันไปมอง แต่เมื่อหันไปคนส่งเสียงกลับเงียบ กลายเป็นป๋ออี้หรันที่อยู่ข้าง ๆ ถูกสะกิดให้พูดแทน
“เป็นทหารกันไม่ใช่หรือไง มาโอดโอยเรื่องกินยาแล้วขมได้อย่างไร พอใจไหม” คำแรกตะโกนพูดให้พวกทหารที่ยังนอนป่วยอยู่ได้ยิน แต่อีกคำกลับหันมากระซิบกับกู้หยวนเฉิงที่เป็นทั้งเพื่อนและผู้บัญชาการของเขา
“ใครที่อาการดีก็กลับไปพักที่พักตัวเองได้แล้ว” กู้หยวนเฉิงพูดออกมาก่อนจะเดินไปหาไป๋ซีเยว่ เพราะเขามีบางสิ่งติดค้างในใจ
ผู้หญิงปริศนาตรงหน้านี้ มีเรื่องให้เขาสงสัยเต็มไปหมด
เธอมีความสามารถ ไม่ต้องพูดถึง เรื่องนั้นชัดเจนในสายตาของทุกคนแล้ว แม้การโดนโจมตีครั้งนี้ควรจะมีการสูญเสีย แต่สุดท้ายทุกคนกลับปลอดภัยดี อีกทั้งยังใช้เวลาไม่ถึงสัปดาห์ในการฟื้นตัว แน่นอนบาดแผลยังคงเจ็บ แต่กลับลุกขึ้นมาดูแลตัวเองกันได้แล้ว อย่างน้อย ๆ ก็เขาคนหนึ่ง
ตอนแรกเขาเคยคิดสงสัยอีกฝ่ายว่าเป็นคนของเหล่ากบฏส่งมาก่อกวนหรือเปล่า แต่เมื่อดูท่าทางที่ช่วยทุกคนอย่างเต็มที่และเต็มใจ พวกกบฏคงไม่มีทางช่วยทหารอย่างพวกเขาแน่ ๆ เช่นนั้นจะมีอะไรกันที่ทำให้คนคนหนึ่งไม่รู้จักผืนแผ่นดินที่ตัวเองเหยียบย่ำอยู่
อีกทั้งวิธีการรักษา มียาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบอยู่ แต่กลับเลือกจะออกไปเก็บสมุนไพรมาทำเป็นยาเอง แม้จะใช้เครื่องมือหลายอย่างได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่กลับไม่ทำในสิ่งที่หมอทั่ว ๆ ไปทำ
หากเขาพูดแบบไม่สนความเป็นจริง ฟ้าคงส่งอีกฝ่ายมาในเวลาที่เหมาะเจาะเพื่อช่วยเหลือคนอย่างพวกเขาที่อย่างน้อย ๆ ก็ทำดีให้กับประเทศ แต่เพราะเขาไม่เชื่อเรื่องแบบนั้น บางทีคนที่ผิดปกติที่สุดอาจจะเป็นตัวของไป๋ซีเยว่เอง
“ท่านมองข้าอยู่นานแล้วมีอะไรหรือเปล่า” ไป๋ซีเยว่ที่เก็บข้าวของอยู่เอ่ยถามคนที่ยืนจ้องนางในห้องผู้ป่วยที่ว่างเปล่า เพราะตอนนี้ทุกคนได้ออกไปหมดแล้ว
“เธอบอกว่าตัวเองมาจากแคว้นหยางใช่ไหม” ดวงตาของไป๋ซีเยว่เป็นประกายเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงชื่อแคว้นของตน “เคยได้ยินหรือ” หญิงสาวมีความหวัง บางทีมันอาจจะเป็นแบบที่มารดาของนางเคยพูดให้ฟัง เรื่องที่ฟ้าพาท่านแม่เดินทางไกลหลายร้อยหลายพันลี้มาเจอกับท่านพ่อ
“ไม่รู้จักหรอก แต่เธอลองเล่าเรื่องราวของแคว้นหยางให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม” เพราะคิดว่างานสำเร็จแล้ว อีกฝ่ายอาจจะอยากช่วยพาตนเองกลับบ้านจึงไม่ปฏิเสธ
