บท
ตั้งค่า

ได้รับความช่วยเหลือ 1

ไม่รู้ว่าเวลาผันผ่านไปนานเท่าไร หลินจื่อเยว่รู้สึกขึ้นอีกครั้งพร้อมกับอาการปวดที่แล่นริ้วไปทั่วสรรพางค์กาย ความเจ็บปวดที่ได้รับไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ถูก แขนขาก็ขยับไม่ได้ หญิงสาวจึงคิดไปว่า มันน่าจะเป็นผลมาจากแรงอัดของระเบิดที่เกิดขึ้น นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ทว่ากลับพบเข้ากับสีเขียวของใบไม้มากมายที่อยู่เบื้องหน้า ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้

ก่อนที่สติสุดท้ายจะดับวูบไป หลินจื่อเยว่จำได้ว่าแรงระเบิดที่ห้องทดลองนั้นรุนแรงพอสมควร เธอเห็นร่างนักวิจัยรุ่นน้องกระเด็นไปอีกทาง เช่นนั้นเมื่อตื่นมาสิ่งที่นางต้องเจอถ้าไม่ใช้ฝ้าเพดานสีขาวของโรงพยาบาล ก็น่าจะต้องเป็นเศษซากของห้องทดลอง ทว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้มันห่างไกลจากสิ่งที่คิดเอาไว้ไปมาก

หลินจื่อเยว่หลับตาลงอีกครั้ง เพราะตอนนี้ความเจ็บปวดทำให้นางรู้สึกทรมานอย่างที่ไม่อาจทนได้ไหว อาศัยความเป็นหมอที่มีความสามารถทั้งในเรื่องการแพทย์แผนโบราณและแผนปัจจุบันประเมินอาการตัวเอง ซึ่งทำให้พอรู้ว่าแขนขาที่ขยับไม่ได้น่าจะเพราะหัก

ทว่ารุนแรงแค่ไหนนางก็ไม่รู้ได้ และสิ่งที่นางควรทำในตอนนี้คือหาคนช่วย นางพยายามกดข่มความเจ็บปวดเอาไว้แล้วพยายามเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ หวังใจว่าคงมีใครผ่านมาได้ยินบ้าง

“ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย ช่วย...ช่วยฉันด้วย” น้ำเสียงแหบแห้งช่างเบาหวิว

และทันทีที่นางเปล่งเสียง ราวกับมันไปกระตุ้นความเจ็บปวดให้ลุกโหมขึ้นมาอีก เรียวปากอิ่มที่ยามนี้ซีดขาวราวกระดาษเม้มเข้าหากันแน่น กระนั้นก็ยังพยายามร้องให้คนช่วยอยู่

หลินจื่อเยว่ร้องขอให้คนช่วยเรื่อย ๆ แม้ความเจ็บปวดจะทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ก็ตาม

สวบ~ สวบ~

ขณะที่กำลังจะร้องให้คนช่วยอีกครั้ง พลันก็ได้ยินเสียงคล้ายคนเดินอยู่ไม่ไกลมากนัก หลินจื่อเยว่จึงรวบรวมแรงฮึดสุดท้ายแล้วเปล่งเสียงร้องให้ดังขึ้นกว่าเดิม

อีกด้านหนึ่งกลุ่มชาวบ้านหญิงชายสี่ห้าคน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีสองป้าหลานแซ่อวิ๋นรวมอยู่ด้วยเดินออกมาจากในป่าเพื่อกลับเข้าหมู่บ้าน

“ท่านป้า ได้ยินเสียงหรือไม่ขอรับ” อวิ๋นโม่กระตุกชายเสื้อผู้เป็นป้าเมื่อได้ยินเสียงคล้ายกับคนร้อง

“ได้ยินสิ เสียงใบไม้ที่เจ้าเหยียบนี่ไง” อวิ๋นหลานเอ่ยตอบหลานชายวัยสิบสองหนาวด้วยท่าทีขบขัน

“ไม่ใช่ขอรับ เสียงคนขอรับ”

สิ้นเสียงของอวิ๋นโม่ อว็นหลานรวมถึงเพื่อนบ้านอีกสามคนต่างหยุดชะงักแล้วหันมองหน้ากัน ก่อนจะหันมองไปทางอวิ๋นโม่อีกครั้ง ซึ่งอวิ๋นโม่ก็พยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงยืนยันคำพูดของตัวเอง

“ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย”

เสียงร้องขอความช่วยเหลือแว่วมาตามลมเบา ๆ ทำให้ทั้งห้าคนหันมองไปรอบ ๆ

“เอ๋ นั่นเสียงคนใช่ไหม พวกเจ้าฟังสิ” หญิงคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น เพราะนางมั่นใจว่านางมิได้หูแว่วหูฝาดเป็นแน่

“ข้าก็ได้ยิน แต่เสียงมาจากทางใดกันเล่า”

หลังบุรุษหนุ่มวัยสี่สิบหนาวพูดจบ ทุกคนก็เงียบลงอีกครั้งเพื่อที่จะได้รู้ทิศทางที่มาของเสียงนั้น

“ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย”

“ทางนั้นขอรับท่านลุง ท่านป้า ทางนั้น” อวิ๋นโม่ชี้ไม้ชี้มือไปทางทิศหนึ่ง

ทั้งห้าคนเดินไปตามทิศทางที่อวิ๋นโม่บอก ก่อนจะพบกับร่างอรชรในอาภรณ์สีขาวราวกับพวกบัณฑิต เสื้อผ้าขาดวิ่นคาดว่าคงเพราะโดนกิ่งไม้เกี่ยว ใบหน้ามีบาดแผลเล็กน้อย พร้อมกับแขนขาที่มีบางส่วนผิดรูปไป

“เจ้าดูซิอาโม่ว่า นางยังหายใจอยู่หรือเปล่า”

อวิ๋นโม่พยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วยกมือขึ้นใช้ก้านนิ้วอังไปตรงจมูก ก่อนจะชักกลับด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ ร่างตรงหน้าก็เอ่ยพูดออกมา

“ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย ช่วย...ช่วยฉันด้วย” น้ำเสียงแหบแห้งและเบาราวกับกระซิบ กระนั้นอวิ๋นโม่ที่อยู่ใกล้มาก ๆ ก็ยังได้ยินมันอย่างชัดเจน

“ท่าน...ท่านป้า นางยังมิตายขอรับ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนจึงเดินเข้ามาดูใกล้ ๆ ก่อนจะตัดสินใจพานางกลับไปยังหมู่บ้านเสียก่อน อย่างน้อย ๆ ก็รอให้นางฟื้นคืนสติดี จะได้ถามไถ่ที่มาที่ไป และเหตุใดจึงมานอนเจ็บอยู่ที่ตรงนั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel