บทย่อ
หมอปีศาจพันหน้าไม่มีใครรู้ว่าเป็นบุรุษหรือสตรี ทุกย่างก้าวที่หมอปีศาจเดินผ่าน หากไม่มีคนตายก็จะพบความอัศจรรย์คนที่ตายแล้วฟื้นคืนชีพอีกครั้ง! ชื่อเสียงดังก้องทั่วยุทธภพแต่ไม่มีใครรู้เลยว่าหมอปีศาจพันหน้าเป็นเพียงแม่นางน้อยคนหนึ่งเท่านั้น! และแม่นางน้อยอย่างหลินจื่อเยว่ที่ข้ามภพมาเป็นลูกศิษย์คนที่สิบของหมอเทวดาแห่งหุบเขาเทวะ และไม่รู้ว่าร่างนี้ไม่สามารถดื่มสุราได้ ทำให้นางไปคว้าบุรุษรูปงามมาเป็นพ่อของลูกเพราะฤทธิ์น้ำเมา จึงเกิดผลผลิตน้อยๆ ออกมาอย่างไม่ตั้งใจ แม้จะไม่รู้ว่าบุรุษรูปงามนั้นเป็นใครมาจากไหน แต่นางจะต้องเลี้ยงดูก้อนแป้งที่น่ารักเป็นอย่างดี!
สวรรค์ลิขิต ทุกชีวิตมิอาจฝืนชะตา 1
ภายในห้องทดลองขนาดใหญ่ ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อให้ทำการทดลองและวิจัยยาตัวหนึ่ง การวิจัยและการทดลองกำลังเดินทางมาถึงขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งหมายถึงเป็นการจบหน้าที่ที่พวกเขากรำกันมาแรมปีแล้ว
“เยว่เจี่ย ไปพักก่อนเถอะ พี่อยู่ตรงนี้มาตั้งแต่เช้าแล้วนะ เดี๋ยวฉันดูให้เอง” หญิงสาวหน้าตาน่ารักในชุดกาวน์สีขาวเดินเข้ามาบอกกับผู้ที่เป็นหัวหน้า และเป็นเสมือนพี่สาวเธออีกคน
หลินจื่อเยว่ผละสายตาออกจากชาร์ตการทดลองหันไปมองเด็กสาวแล้วคลี่ยิ้มบางออกมาให้หนึ่งสาย
“อาซิน แล้วเธอกินข้าวแล้วเหรอ ถึงจะมาสลับกับพี่”
“กินแล้วสิ ฉันน่ะไม่ยอมหิ้วท้องรอหรอกนะ”
ซินเหลียนถือวิสาสะแย่งแผ่นชาร์ตในมือมา พร้อมกับใช้สองมือดันหลังหลินจื่อเยว่ให้ออกจากห้องทดลองไปพักผ่อน ทว่ายังไม่ทันที่ร่างบางจะได้ขยับไปทางไหน พลันเสียงที่คล้ายกับกระแสไฟฟ้าชอร์ตก็ดังขึ้น เรียกสายตาของสองสาวให้หันไปมองทางเดียวกัน ทว่ายังไม่ทันได้ตั้งตัวเสียงระเบิดก็ดังขึ้น
ตู้ม!!!!
แรงระเบิดรุนแรงจนพังครืนไปทั้งชั้น กลุ่มควันที่ขาวพวยพุ่งออกมาเป็นที่น่าตระหนกของประชาชนในเมืองเป็นอย่างมาก
นัยน์ตาคู่สวยของหลินจื่อเยว่เบิกโพลงมองเห็นประกายไฟที่พวยพุ่งออกมา พร้อมกับร่างเธอที่ค่อย ๆ กระเด็นออกไปจากแรงอัดของระเบิด ก่อนที่ภาพทุกอย่างในครรลองสายตาจะกลายเป็นสีดำมืดสนิทไปเสีย พร้อมกับสติของเธอที่ค่อย ๆ ดับลง...
หุบเขาเทวะ
เท้าเรียวเล็กค่อย ๆ ย่องออกจากเรือนไม้ช้า ๆ เหยียบย่างไปบนพื้นไม้ด้วยความเบาหวิว ทว่าขณะที่กำลังย่างเหยียบไปอีกก้าวก็พลันชะงักค้างเอาไว้ พลางหันไปมองด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกขึ้น
“น้องสิบ นั่นเจ้าจะไปที่ใดกัน เหตุใดต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เช่นนี้” บุรุษในอาภรณ์สีขาวสะอาดนามว่า ‘เจินเฉียง’ เอ่ยขึ้น
“ศิษย์พี่ห้า~ ศิษย์พี่อย่าเสียงดังไปสิเจ้าคะ เดี๋ยวศิษย์พี่ใหญ่ก็ได้ยินเข้าพอดี”
“แล้วเหตุใดต้องกลัวศิษย์พี่ใหญ่รู้ด้วยเล่า เจ้าเด็กคนนี้แปลกคนจริง” เจินเฉียงส่ายหน้าน้อย ๆ เมื่อไม่เข้าใจในปฏิกิริยาของศิษย์น้อง ซึ่งเป็นสตรีเพียงคนเดียวในบรรดาศิษย์ทั้งหมด
“แหะ ข้าสัญญากับศิษย์พี่ใหญ่เอาไว้ว่า ห้าวันนี้ข้าจะมิออกไปข้างนอก เป็นตายเช่นไรก็จะไม่ออกไป แต่ศิษย์พี่ห้าท่านลองคิดดูสิเจ้าคะ จะมีชาวบ้านอีกกี่สิบคนที่กำลังป่วยรอการรักษา ศิษย์พี่ห้าก็รู้ว่าชาวบ้านหลายคนมิได้มีเงินมากมายพอจะซื้อยา หวังพึ่งหมอเช่นเราเข้าช่วยเหลือ หากหนึ่งวันมีคนป่วยสามคน ห้าวันจะมิกลายเป็นสิบห้าคนเลยหรือ”
หญิงสาวพยายามงัดทุกอย่างหวังจะโน้มน้าวใจศิษย์พี่ห้าของนาง สุดท้ายก็ใช้จังหวะที่เจินเฉียงครุ่นคิดตามวิ่งออกไปจากเรือนอย่างรวดเร็ว
“น้องสิบ เจ้า...” เจินเฉียงกว่าจะรู้ตัว น้องสิบของเขาก็วิ่งออกนอกสำนักไปแล้ว
หลินจื่อเยว่เมื่อวิ่งพ้นออกมาจากประตูใหญ่ก็หันไปมองด้านหลัง สำนักหมอเทวดาแห่งหุบเขาเทวะ เป็นบ้านหลังแรกของนางเลยก็ว่าได้ นางคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเดินลงเขาไปเรื่อย ๆ หมายจะใช้โอกาสนี้ท่องยุทธภพไปเรื่อย ๆ และใช้วิชาความรู้ด้านการแพทย์และยาสมุนไพรที่ได้รับการถ่ายทอดจากท่านอาจารย์มาใช้รักษาคนไข้ โดยไม่รู้เลยว่าครั้งนี้นางจะมิอาจหวนคืนสำนักหมอเทวดาแห่งหุบเขาเทวะได้อีกแล้ว
‘สวีไห่’ ศิษย์คนโตของสำนักในอาภรณ์ขาวสะอาดยืนมองร่างเล็กเดินออกไปช้า ๆ จนลับตาก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา
‘สวรรค์ลิขิต ทุกชีวิตมิอาจฝืนชะตา จนกว่าเราจะได้พบกันใหม่’
สวีไห่ยกมือซ้ายขึ้นไพล่ด้านหลังแล้วเดินกลับเข้าห้องของตัวเองไปเงียบ ๆ รู้ดีว่าที่หลินจื่อเยว่ให้คำมั่น นางมิอาจกระทำได้ เพราะตั้งแต่เรียนรู้จนจบครบทุกตำราศาสตร์หมอเทวดาแล้ว หลินจื่อเยว่ก็มีความมุ่งหมายที่แรงกล้าในการช่วยเหลือชาวบ้านให้หายจากอาการป่วยไข้
หลินจื่อเยว่จำความได้นางก็เป็นศิษย์น้องสิบของสำนักหมอเทวดาแห่งนี้แล้ว มีพี่ชายทั้งเก้าคนและท่านอาจารย์คอยเลี้ยงดูและดูแลมาเป็นอย่างดี เมื่อเติบโตขึ้นศิษย์พี่ใหญ่ก็คอยสอนหนังสือให้นาง รวมถึงท่านอาจารย์ก็ถ่ายทอดวิชาการแพทย์
หญิงสาวฝึกฝนทุกด้านจนแตกฉาน รวมไปถึงการฝึกยุทธ์ เพียงไม่กี่ขวบปีจากเด็กน้อยก็กลายเป็นสาวน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา คอยตามท่านอาจารย์ไปรักษาคนไข้ จนสิบปีให้หลังท่านอาจารย์ของนางก็มิได้ลงจากเขาอีกเลย ด้วยเพราะชราวัยมากขึ้นนั้นเอง
แม้นจะมีวรยุทธ์ กระนั้นหลินจื่อเยว่ไม่เคยคิดใช้มันเลย นางเดินลงเขาไปเรื่อย ๆ เหมือนเช่นทุกครั้งที่ออกมา ทว่าวันนี้กลับมีบางอย่างแปลกไป นางสัมผัสได้ว่าป่าในวันนี้เงียบผิดปกติ สายตาคู่สวยหันมองไปรอบ ๆ ราวกับกำลังชมนกชมไม้ และเพราะถูกฝึกมาอย่างดี นางจึงได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินอยู่อีกด้าน ราวกับเสียงเท้านั้นเดินขนาบไปกับนาง มือเรียวกระชับถุงผ้าที่คล้องติดตัวมาไว้ เดินไปตามเส้นทางโดยไม่เผยพิรุธใดทั้งสิ้น

