ตอนที่ 5 เรียกร้องความสนใจ
“โอ๊ย!” สายป่านหน้าเสียเจ็บปวดยกมือขึ้นมาเศษแก้วยังคามือเลือดไหลเป็นทาง จอมทัพเห็นอย่างนั้นจึงวิ่งลงไปหาสายป่าน ชาลินีหน้าเสียรีบตามไปแต่ด้วยชุดแต่งงานที่ยาวทำให้เดินไม่ถนัด จอมทัพดึงผ้าเช็ดหน้าที่กระเป๋าเสื้อสูทมาซับเลือดและจะดึงเศษแก้วออก
“อย่าพึ่งครับ แผลน่าจะลึกถ้าเอาเศษแก้วออกตอนนี้เลือดจะไหลออกมาก พาไปที่ห้องปฐมพยาบาลก่อนผมจะทำแผลให้” ปานเทพรีบขัดแล้วเข้าไปช่วยพยุงตัวสายป่านยืนขึ้นเธอทำหน้าเศร้าหันไปมองอ้อนจอมทัพ
“ผมดูแลเอง พี่จอมไปทำหน้าที่ตัวเองเถอะครับ” ปานเทพมองหน้าจอมทัพที่ลังเล ด้านนักข่าววิ่งตามมากดชัตเตอร์กันรัว ๆ
“รีบไปทำแผลเถอะค่ะ” ชาลินียกกระโปรงเดินตามมาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานสีหน้าห่วงใยถ้าวีนตอนนี้พวกนักข่าวต้องเอาไปเขียนข่าวจนคนรู้กันทั้งประเทศแน่ ปานเทพกับนิ้งหันมองชาลินีอย่างรู้ทันก่อนจะช่วยกันประคองสายป่านออกไปจากงานเลี้ยง ชาลินีเขยิบเข้าไปคล้องแขนเจ้าบ่าว
“ตัดเค้กกันเถอะค่ะ” เธอเงยมองแล้วยิ้มหวานต่อหน้านักข่าวที่กำลังรุมกันถ่ายรูป จอมทัพยกยิ้มเล็กน้อยเดินไปกับเจ้าสาวโดยดี เมื่อพิธีการเสร็จสิ้นบ่าวสาวยังไม่ได้เดินถ่ายรูปตามโต๊ะอาหารกับผู้ร่วมงาน เจ้าบ่าวลงจากเวทีได้ก็รีบเดินออกไปนอกงานเพื่อไปห้องปฐมพยาบาลของโรงแรม ชาลินียกกระโปรงเดินตามไปยิ่งเร่งยิ่งช้า พอเดินมาถึงเปิดประตูห้องปฐมพยาบาลเล็กน้อยเห็นเจ้าบ่าวนั่งเก้าอี้ประคองมือของสายป่านที่พันผ้าพันแผล เธอยืนมองนิ่งอยู่อย่างนั้นปานเทพที่ไปล้างมือในห้องน้ำเดินกลับมาเห็นเจ้าสาวยืนเศร้าหน้าประตูห้องปฐมพยาบาลเลยเดินไปจับมือเธอพาเดินตามเขามาก่อนจะหยุดแล้วปล่อยมือ
“จะแกล้งเขากลายเป็นคนโดนแกล้งเอง ทำอะไรมีสติหน่อยไม่ใช่ใช้แต่อารมณ์”
“ถ้าเทพรักใครสักคนมาก ๆ แล้วเจอแบบลินีเทพก็ไม่มีสติเหมือนกันแหละ” เธอเถียงกลับหน้างอที่เพื่อนพูดซ้ำเติม
“ทำไมเทพจะไม่เคยรักใครมาก ๆ ถ้าเทพใช้อารมณ์ป่านนี้งานแต่งงานของลินีล่มไปแล้ว” เขามองจ้องเจ้าสาวคนสวยที่เขารักเพียงข้างเดียว
“เคยบอกแล้วไงว่าให้เปิดใจรักคนอื่น” เธออึกอักรู้ดีว่าปานเทพรู้สึกยังไงและเป็นคนดีแค่ไหน ทว่าใจของเธอไม่มีเหลือเผื่อให้ปานเทพเลย
“ตัดใจไม่รักมันไม่ง่าย ขนาดลินีรักพี่จอมยังทนเจ็บได้เลย เราก็เหมือนกันถึงจะเจ็บเราก็ยังรักลินีเหมือนเดิม” เขามองสบตาเจ้าสาวคนสวยทั้งสองนิ่งงันก่อนที่หางตาของปานเทพจะเห็นคนยืนอยู่ไม่ห่างพอหันไปดูถึงรู้ว่าเป็นจอมทัพยืนมองพวกเขาอยู่
“ขอโทษที บังเอิญเดินมาได้ยิน” จอมทัพหน้าบึ้งก้าวเดินเข้ามาใกล้
“ปลอบใจกันเสร็จแล้วเหรอคะ” เธอพูดแขวะมองเคือง
“ใช่ ป่านเขาเข้าใจง่ายไม่เจ้าอารมณ์เหมือน ลินี”
“แสนดีเหลือเกิน........” เธอเบะปากยื่นปากยาวหมั่นไส้
“ยิ้มแย้มหน่อยเราต้องไปถ่ายรูปกับแขกในงาน” จอมทัพยกมือขึ้นประคองโครงหน้าสวยแล้วยิ้มให้อย่างอบอุ่น เธอเคลิบเคลิ้มไม่บ่อยนักที่เอาเขาจะอ่อนโยน ด้านปานเทพฝืนข่มความหงุดหงิดรู้ว่าจอมทัพตั้งใจทำหวานกับเธอเพื่อเย้ยเขา
“พี่ขอพาเจ้าสาวของพี่เข้าไปในงานก่อนนะ” จอมทัพหันไปบอกปานเทพแล้วโอบไหล่เจ้าสาวแสดงความเป็นเจ้าของ
“ครับ” สองหนุ่มมองหน้ากันอย่างท้าทายแล้วจอมทัพก็พาเจ้าสาวกลับไปที่งานเลี้ยง ปานเทพพ่นลมหายใจ ลึก ๆ เขาก็อิจฉาแต่รู้ตัวว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งมีหน้าที่แค่ดูแลเวลาที่เพื่อนเสียใจเท่านั้น ด้านสายป่านออกมาเห็นบ่าวสาวโอบไหล่เดินไปด้วยความริษยากำมือแน่นจนเลือดซึมแดงฉานเต็มผ้าพันแผล.........
เรือนหอหลังใหญ่สไตล์นอดิคทันสมัยสีเทาล้อมด้วยกระจก
คู่บ่าวสาวถูกส่งตัวเข้าห้องหอ เมื่อผู้หลักผู้ใหญ่ทยอยเดินออกจากห้อง บ่าวสาวก็ทิ้งตัวนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยล้าสีหน้าอิดโรยทั้งคู่
“พี่อาบน้ำก่อนเลยนะ ลินีขอพักสักแป๊บ” ชาลินีหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าแล้วเผลอหลับไป.........เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้นถี่ทำให้เธอสะดุ้งตื่นคิดว่าเป็นของตัวเองเธอลืมตามองหาโทรศัพท์ เสียงข้อความที่เข้านั้นไม่ใช่ของเธอแต่เป็นเสียงข้อความของจอมทัพด้วยความอยากรู้อยากเห็น ชาลินีฟังเสียงน้ำฝักบัวในห้องน้ำยังไหลอยู่เลยลุกขึ้นย่องไปแอบดูโทรศัพท์เขาว่าใช่คนที่เธอคิดส่งมาหรือเปล่า เสียงข้อความดังอีกครั้งขึ้นหน้าจอว่าป่าน ชาลินีเบะปากใจคอไม่ดีกลัวสายป่านอ้อนให้จอมทัพออกไปหาในคืนเข้าหอเพื่อทำลายฤกษ์ของเธอ ในระหว่างที่ครุ่นคิดไม่ทันสังเกตว่าเสียงน้ำหยุดลง ร่างหนาสวมกางเกงขาสั้นเสื้อยืดสีเข้มเดินมาอยู่ด้านหลังเจ้าสาวแล้วโน้มลงกระซิบข้างหู
“แอบดูอะไร?” ลมหายใจอุ่นกับน้ำเสียงของเขาทำเธอสะดุ้งหน้าตาเหลอหลารีบเดินหนีไปนั่งที่ข้างเตียงไม่ให้มีพิรุธ
“ได้ยินเสียงข้อความ เลยมาดูว่าเป็นของลินีหรือเปล่า”
“เหรอ ลินีวางโทรศัพท์ไว้หน้าโทรทัศน์นี่” เขาหรี่ตามองเธอแล้วเหลือบไปยังโต๊ะวางโทรทัศน์
“ก็เหนื่อยง่วง จำไม่ได้ว่าวางโทรศัพท์ไว้ไหน” สายตาสวยหลุกหลิกเหล่หางตามองสามีที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู
“ป่านส่งรูปผ้าพันแผลเปื้อนเลือดกับบาดแผลมาให้ดู”
“นางบีบแผลให้เลือดออกเยอะ ๆ หรือเปล่า เรียกร้องความสนใจให้พี่จอมออกไปหาคืนเข้าหอ” เธอลุกพรวดเดินไปยืนข้าง ๆ ชะเง้อดูรูปบนหน้าจอที่สามีกำลังดูอยู่
“แผลแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก วันนี้พี่ต้องนอนร่วมหอกับเจ้าสาว”
“พี่จอม.....” เสียงหวานอ่อนลงแววตาเป็นประกายดีใจที่เขาคิดถึงความรู้สึกของเธอ
“ถ้าไม่อยู่ด้วย ลินีตามไปฉีกอกป่านถึงที่แน่” คำพูดของจอมทัพทำหน้าสวยที่กำลังเคลิ้มหุบยิ้มลงเซ็ง ๆ เกือบจะดีแล้วเชียวปล่อยให้ฝันหวานนานกว่านี้หน่อยก็ได้ เขาอมยิ้มเอ็นดูแล้วยกมือขึ้นขยี้ผมที่เกล้าไว้
“ไปอาบน้ำได้แล้วจะได้พัก นอนน้อยเดี๋ยวไมเกรนมาเยือนอีกหรอก”
“ค่า.....” เธอสะบัดหน้ามองบนหันหลังเดินไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ถอดเครื่องเพชรออกทีละชิ้นเทคลีนซิ่งลงในสำลีค่อย ๆ เช็ดหน้าลบเครื่องสำอางอย่างเบามือ จอมทัพตามมายืนข้างหลังช่วยแกะดอกไม้ที่มีกิ๊บติดผมยึดไว้หลายตัว
“ทำไมต้องแต่งเยอะหน้าก็หนา กิ๊บก็เต็มหัว” นิ้วแกร่งพยายามดึงกิ๊บออกทีละตัวอย่างระมัดระวังกลัวกระชากผมเธอออกมาด้วย
“เจ้าสาวก็อยากสวยในวันสำคัญกันทั้งนั้นแหละค่ะ” เธอพูดพร้อมกับลอกขนตาปลอมออกทั้งสองข้างแล้วเช็ดเปลือกตา
“แบบนี้ที่เขาเรียกว่าไม่สวยก็เหนื่อยหน่อยใช่ไหม”
“เขาเรียกว่าสวยแล้วสวยอีก ผู้หญิงอย่าหยุดสวยย่ะ” เธอมองเคืองผ่านกระจกเงา เขาอมยิ้มก้มหน้าก้มตาดึงกิ๊บ
“สู้ ๆ นะ พยายามเข้าล่ะ”
“พี่จอม จะไปไหนก็ไปเลย!” เสียงหวานเน้นหนักขุ่นเคืองที่เขาแอบแขวะว่าเธอไม่สวย คิ้วเข้มเลิกขึ้นไม่สนใจแกะกิ๊บออกจนหมดแล้วดึงดอกไม้วางลงบนโต๊ะเครื่องแป้งจากนั้นก็ค่อย ๆ คลายผมที่เกล้าไว้ออกทีละนิด ชาลินีนั่งมองความอ่อนโยนของจอมทัพที่เป็นแบบนี้มาตลอดในบางครั้งก็ดีจนเคลิ้มในบางทีก็ร้ายคล้ายฉุดลงเหว เธอรู้ดีว่าที่เขาร้ายเพราะเธอเจ้าอารมณ์จะให้ทำไงได้เป็นใคร ๆ ก็โมโหที่ชายคนรักดันใส่ใจผู้หญิงอีกคนเหมือนกับที่ใส่ใจเธอ ๆ ก็แค่อยากให้เขาทำดีอ่อนโยนกับเธอแค่คนเดียวเท่านั้น.....
