บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 เรื่องของเรื่อง 3/4

บทที่ 3

“เทมส์!” เนียงวิภาเรียกเขาเต็มเสียงเผื่อจะช่วยให้ได้สติกันทั้งสองคน “นั่นแกจะทำอะไร”

“ทำอะไรดีนะ...หื่นๆ ก็ชอบไม่ใช่เหรอ”

คนตัวใหญ่ยิ้มกรุ้มกริ่ม แต่เธอกลับยิ่งเหงื่อตก ตัวแข็งทื่อ แล้วยิ่งเหมือนโดนจับแช่แข็ง เมื่อชายหนุ่มเลิกเล่นปูไต่บนแขนเธอแล้วเอี้ยวตัวไปหยิบหนังสือนิยายที่วางอยู่ข้างแจกันปักดอกพิกุลที่เด็ดมาจากลานบ้าน ก่อนจะยิ้มแฉ่งชนิดที่ว่าคนมองตั้งตัวไม่ถูก

“คำนี้แกเขียนไว้ในเล่มนี้ พระเอกปล้ำนางเอก เล่มนี้เต็มใจได้กัน ส่วนนี่นางเอกปล้ำพระเอก ตกลงแกชอบแบบไหนล่ะ”

“ไม่ชอบ!” คนเหงื่อตกเสียงดังยิ่งกว่าเดิม “วางเลยนะเทมส์ ห้ามยุ่งกับหนังสือของฉันอีก”

“อ้าว...เขียนเองแต่ดันบอกว่าไม่ชอบ อย่างนี้นักอ่านของแกจะรู้สึกยังไง”

“รู้ได้ยังไงว่าฉันเขียน!”

“หลักฐานวางอยู่เต็มโต๊ะทำงานของแก”

เขาชี้ไป เนียงวิภาก็ตวัดสายตาข้ามร่างใหญ่ไปยังโต๊ะทำงาน บนนั้นมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กกับบรรดารูปถ่ายที่เธอเคยไปออกงานในฐานะนักเขียน ไหนจะสมุดโน้ตจดรายละเอียดต่างๆ ที่เอามาประกอบการเขียนนิยาย ปฏิทินระบุตารางงานและเดตไลน์ ที่สำคัญคือต้นฉบับที่ปริ๊นต์ออกมาอ่านทบทวนก่อนจะแก้ไขลงในคอมพิวเตอร์อีกที ทุกอย่างฟ้องชัดว่าเธอทำอะไรอยู่

“นามปากกาแก้วซางดง เพราะดอกพิกุลที่ลานบ้านนี่ใช่ไหม แกเขียนไว้ในคำนำว่าแก้วเป็นชื่อพื้นเมืองที่คนเชียงใหม่ใช้เรียกดอกพิกุล ส่วนซางดงก็เป็นชื่อพื้นเมืองที่คนลำปางใช้เรียกต้นไม้ชนิดนี้”

“แกแอบอ่านนิยายฉัน!”

“ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้แกไปอาบน้ำตั้งนานสองนาน พอไม่มีอะไรทำ ฉันก็เลยเปิดอ่านฆ่าเวลา แต่แหม...ขนาดเปิดผ่านๆ ก็เจอแต่ฉากอย่างว่า...”

“เทมส์!”

พอไม่รู้ว่าจะสู้อย่างไรเนียงวิภาจึงตัดสินใจใช้เสียงเข้าข่ม ก็เพราะอย่างนี้แหละถึงไม่อยากให้เทียมฟ้ารู้ว่าเธอเขียนนิยาย เกิดล้อมากๆ แล้วเธอไม่กล้าเขียนอีก จะไม่โทษใครเลยนอกจากคนปากเสียที่นอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นี่

“แล้วตกลงแกรอพระเอกคนไหนอยู่ ต้องดีเลิศประเสริฐศรีหาที่ติไม่ได้อย่างที่เขียนในนิยายไหม แกถึงจะรักเขาได้”

“เทมส์...” เมื่อคนที่เนียงวิภาไม่อยากให้รู้มากที่สุดว่าเขียนนิยายถามมาอย่างนั้น เธอก็ยิ่งปวดหัว ดูท่าคงต้องรีบจัดการเสียแล้ว “สาบานมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่าแกจะไม่อ่านนิยายของฉันอีก ไม่อย่างนั้นขอให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ”

“ใครจะโง่ไปสาบานตามแก”

เขากระแทกเสียงตอบแล้วสะบัดหน้าใส่ ซ้ำยังพลิกกายหันหนีทิ้งกันอย่างเมินเฉยราวกับไม่เคยแกล้งแหย่ให้ต้องกรีดร้องมาก่อน คงสาแก่ใจแล้วแน่ๆ ถึงยอมหยุด ทำท่านิ่งเงียบบ่งบอกให้รู้ว่าหลับแต่ไม่ยอมคืนหนังสือนิยายให้เธอ ทั่วทั้งห้องจึงมีแต่ความเงียบงันและโคมไฟที่ส่องแสงสลัวเพราะเขาติดนิสัยเปิดไฟนอน

ขณะที่หญิงสาวยังคงตั้งสติไม่ได้ว่าต้องทำอะไรต่อ เธอรู้สึกเหมือนโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวกลางทุ่งเวิ้งว้างทั้งที่เทียมฟ้านอนอยู่ข้างๆ เธอไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร โกรธต่อแล้วปลุกเขาขึ้นมาทะเลาะกันต่ออย่างนั้นหรือ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำเสียหน่อย

เนียงวิภาถอนหายใจ ตอบไม่ได้ว่าการที่เทียมฟ้ากลับเข้ามาในชีวิตเธออีกครั้งมันดีแน่แล้วหรือ แต่ถ้าไม่มีเขา ป่านนี้เธอคงโดนจับแต่งงานเอาเงินค่าสินสอดไปใช้หนี้แล้วแน่ๆ จะเรียกว่าเข้ามาช่วยกันในยามตกยากก็ได้ ถือว่าเป็นกัลยาณมิตรคู่บุญที่ฟ้าประทานลงมาเลยทีเดียว

แต่การกลับมาของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกปั่นป่วน ทั้งชีวิตและหัวใจไม่สงบเสียเท่าไร แล้วจากที่เชื่อว่าเพื่อนสนิทต่อกันติดภายในสามวินาที ก็ไม่รู้ว่ายังเป็นจริงอยู่ไหม เธอกับเทียมฟ้าจะกลับไปเป็นอย่างที่เคยเป็นเหมือนเมื่อหกปีก่อนได้หรือเปล่า เธอไม่แน่ใจเอาเสียเลย...

เวลาล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไรเทียมฟ้าไม่อยากรู้ สิ่งเดียวที่ชายหนุ่มซึ่งนอนนิ่งมองคนหลับใหลอยู่บนเตียงอยากรู้ก็คือหกปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับเนียงวิภาบ้าง

เรื่องที่เขาเพิ่งรู้ก็คือป้าของเธอเพิ่งรักษาตัวหายจากโรคมะเร็งปากมดลูก นั่นแปลว่าคนเป็นหลานคงหาเงินอย่างหนักเพื่อรักษาญาติผู้ใหญ่ที่เธอเคารพรักไม่ต่างจากแม่ เนียงวิภาอยู่กับป้ามากว่าเจ็ดปีนับตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย เคยพาเขาไปที่บ้านหลายหน เลยรู้ว่าสองป้าหลานสนิทกันเหมือนแม่กับลูก เขาจึงพลอยสนิทกับคุณชบาไปด้วย แต่กับพ่อแม่ของเธอเขาไม่สนิทสักเท่าไร เพราะไม่เคยไปบ้านที่นครปฐม อีกทั้งเวลาส่วนใหญ่ของเขาหมดไปกับการฝึกทำอาหารกับลุงเขย เดินตามความฝันที่อยากเป็นเชฟ

แม้การฝึกหนักจะเอาเวลาของเขาไปเกือบหมด แต่ช่วงนั้นเขาหนีบเนียงวิภาไว้กับตัวได้ตลอดเวลา อย่างน้อยก็เอามาเป็นหนูลองยากับอาหารแต่ละจานจากฝีมือเชฟฝึกหัดคนนี้

แต่จู่ๆ เนียงวิภาก็หายไปอย่างไม่บอกกล่าวตอนเรียนจบมหาวิทยาลัย ทั้งที่เคยคิดว่าไม่มีอะไรจะพรากเธอไปได้ เมื่อเธอหนีหาย ขาดการติดต่อกับเพื่อนๆ ทุกคนในชั้นเรียน เขาก็พยายามออกตามหาแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า จนต้องตัดใจไปต่างประเทศตามแผนเดิม เพิ่งกลับไทยเมื่อปีก่อนนี่เอง ตอนนั้นเขาคิดว่าคงไม่ได้พบเนียงวิภาอีกแล้ว เหมือนความหวังมืดดับ ทว่าเขาไม่คิดเลยว่าตอนนี้เธอจะอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ

แม้ ‘เอื้อมมือ’ มันจะใกล้ แต่เทียมฟ้ากลับไม่กล้าแตะต้อง ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงมองคนที่หลับใหล เขารู้สึกว่ารูปลักษณ์ของเธอเปลี่ยนไปไม่น้อย ใบหน้าที่เคยมีแก้มอวบเพราะกินเก่งก็เรียวลง ไม่รู้ว่าเพราะไม่มีใครคอยทำของอร่อยให้กินหรือเปล่า น้ำหนักถึงได้ลดหายไป พาให้รูปร่างสะโอดสะองขึ้น เป็นความแปลกตาที่เขาไม่ชินนัก แต่ก็ทำให้มองอย่างไม่วางตา

ใบหน้าหวานผ่องใสผุดผาดเช่นเดิม ปลายจมูกโด่งสมตัวคนแข็งนอกอ่อนใน แม้เปลือกตายังคงปิดสนิทอวดขนตายาวเป็นแพ แต่เขายังจดจำนัยน์ตาพราวดั่งน้ำทะเลต้องแสงจันทร์ได้ดี ชายหนุ่มแอบมองริมฝีปากอิ่มสวยได้รูปอย่างไม่รู้เบื่อ อมยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกถึงตอนที่เนียงวิภาเอาของกินเข้าปาก รอยยิ้มหวานนั้นเป็นที่ชื่นใจของคนที่เคยทำอาหารส่งให้เธอเป็นประจำ เขากำลังจะได้นักชิมส่วนตัวกลับมาแล้วใช่ไหม เธอนอนอยู่ห่างแค่เพียงเอื้อมมือนี่เอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel