ไปยิงกระต่ายมา -Ep.16-
Ep.16
(Phraphai talk)
"Are you full?" (หนูอิ่มหรือยัง?)
ฉันถามเด็กสาวที่หน้าตาฝรั่งจ๋ามาก ทำไมลูกฝรั่งถึงได้สวยขนาดนี้ อืม...ฉันหาสามีเป็นชาวตะวันตกดีไหมนะ หึๆ สถานการณ์แบบนี้แกคิดอะไรของแกยะยัยพระพาย
ใบหน้าสวยจนฉันยังตะลึงของเด็กน้อยพยักหน้าสองสามครั้งแล้วมองฉัน สายตาคู่นั้นดูเชื่อใจฉันมากค่ะ ก็นะ ฉันทั้งทำแผลให้ เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ แถมยังป้อนสุกี้ให้จนเกือบหมดถ้วย ไม่เชื่อใจฉันก็ให้มันรู้ไปสิ
ปัง! ปัง! ปัง!
".....!!" ฉันเอื้อมมือไปรับเด็กสาวตัวน้อยที่ลุกขึ้นกระโจนเข้ามากอดฉันอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้นสามนัดติดต่อกัน เธอดูจะกลัวมากค่ะ ฉันเลยเอามือลูบหัวปลอบใจ ฉันเองก็กลัวเหมือนกัน แต่คงไม่มีใครมาปลอบใจ ก็คงต้องปลอบตัวเองแหละนะ
เกิดอะไรขึ้นกับอีตาผู้กองน้ำแข็งหรือเปล่านะ เสียงปืนดังขึ้นแค่นั้นแล้วก็เงียบไปเลยค่ะ อึดอัดจังที่ไม่สามารถรู้ได้ว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่ หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้นนะ อ๊ะ!...ว่าแต่สาวน้อยคนนี้ชื่ออะไร ฉันลืมถามเลยค่ะ
"What's your name?" (หนูชื่ออะไรจ้ะ)
"Ma...my name Christina" (นะ..หนูชื่อคริสติน่าค่ะ)
"Okay.I'm Phrapai" (โอเค ฉันพระพายนะ)
ฉันแนะนำตัวเองให้สาวน้อยตาสีฟ้ารู้จัก แต่ดูๆ แล้วเธอคงพูดไม่ได้หรือไม่ก็พูดชื่อฉันไม่ชัดหรอกค่ะ ลิ้นเธอคงพันกันน่าดู ลำพังพูดปกติก็ยังไม่ค่อยชัดถ้อยชัดคำอยู่แล้ว ก็ตามประสาเด็กสี่ห้าขวบนั่นแหละค่ะ คริสติน่าพยักหน้าให้เพื่อจะบอกว่ารับรู้ชื่อของฉันนะอะไรประมาณนี้ เธอยืนกอดคอฉันอยู่ค่ะ ฉันนั่งขัดสมาธิอยู่ ส่วนนางก็ยืนในช่องตรงกลางระหว่างขาฉันที่นั่งขัดกัน ตาเยิ้มๆ แล้ว สงสัยจะง่วงแน่ๆ เลย
"Do you want to sleep?" (หนูอยากนอนไหม?)
คริสติน่ารีบพยักหน้ารัวๆ เลยค่ะ สงสัยจะเพลียมาก ไม่รู้วันนี้เธอเจอกับอะไรมาบ้าง ฉันรีบอุ้มแกไปนอนตรงที่ของฉัน ห่มผ้าให้เธอด้วยเพราะอากาศค่อนข้างเย็น เธอนอนมองหน้าฉันเหมือนกลัวฉันจะหายไป ฉันเลยต้องนอนข้างๆ เธอแล้วเอามือวางไว้บนอกเล็กแล้วตบลงเบาๆ ไม่ถึงสองนาทีเธอก็หลับสนิทไปเลยค่ะ
(Luck talk)
“เจอเด็กไหม?” ผมถามไอ้แดนที่พึ่งจะพาลูกทีมกลับมาจากการค้นหาเด็กผู้หญิงที่พวกคนร้ายลักพาตัวมา แต่ดูสีหน้ามันแล้วน่าจะยังไม่เจอครับ
“ยังเลยครับผู้กอง ทำไงดีครับ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเปลี่ยนทีมไป เราจะหากันต่อ ติดต่อตำรวจชายฝั่งแล้ว ไม่น่าเกินสี่ชั่วโมงพวกเขาจะมาช่วยเราหาแล้วเอาตัวคนร้ายกลับไปดำเนินคดี”
“ครับผู้กอง” ผมแยกกับไอ้แดนออกมาแล้วเดินไปดูไอ้คินจับคนร้ายมัดไว้กับต้นไม้
“มัดเรียบร้อยครับผู้กองลักษณ์ ดิ้นไม่หลุดแน่นอน”
“จัดคนเฝ้าด้วย อย่าชะล่าใจ”
“ครับ แล้วนี่ไอ้แดนกลับมาหรือยังครับ?”
“มาแล้ว ฉันให้ทีมไอ้ตาร์ไปก่อน รอทีมไอ้ตาร์กลับมาแกค่อยนำทีมไป เราต้องหาเด็กให้เจอ” พูดจบผมก็ตวัดสายตาไปมองไอ้พวกคนร้ายทั้งสามคน ไม่รู้ว่าเด็กหายไปจริงๆ หรือพวกมันเอาไปซ่อนไว้กันแน่
“เฝ้าพวกมันอย่างใกล้ชิด เผื่อพวกมันจะเอาเด็กไปซ่อน” ผมหันไปกระซิบไอ้คิน
“ครับผู้กอง”
สั่งไอ้คินเสร็จผมก็เดินมาแถวๆ เต็นท์พระพาย เงียบขนาดนี้เธอน่าจะหลับไปแล้ว นี่ก็ตีหนึ่งแล้วด้วย ถ้าเธอยังไม่นอนก็คงจะวิ่งเสนอหน้าออกมาถามไถ่พวกผมแล้ว ในเมื่อเธอหลับผมก็ไม่คิดจะกวน เลยเดินผ่านเต็นท์เธอไปแล้วไปหยุดหน้าเต็นท์ตัวเอง ผมว่าจะงีบสักแป๊บ เดี๋ยวต้องรอเปลี่ยนเวรกับพวกไอ้คินต่อ
(Phraphai talk)
ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเหมือนมีอะไรมาชนหน้าท้องของฉันค่ะ อืมม...นี่กี่โมงแล้วเนี่ย หนาวเป็นบ้าเลย ฉันหรี่ตาขึ้นมามองก็พบว่ามันยังมืดสลัวๆ อยู่ เพราะมีแค่กองไฟตรงกลางที่ส่งแสงสีส้มเข้ามาเพียงเล็กน้อย อ๊ะ! โอ๊ยยย...หัวใจฉันแทบวายแหนะค่ะเมื่อเห็นคริสติน่านอนขดอยู่ที่ท้องของฉัน ลืมไปเลยว่าแกนอนอยู่กับฉันตั้งแต่เมื่อคืน สงสัยแกจะหนาวนะคะ เพราะเสื้อผ้าที่ใส่อยู่บางมาก ฉันรีบเอาผ้าห่มให้เธอก่อนจะค่อยๆ ย่องออกมานอกเต็นท์ อีตาผู้กองน้ำแข็งกลับมาหรือยังนะ แต่คนเฝ้าหน้าค่ายไม่ใช่คนเดิมนี่นา สงสัยจะกลับมากันแล้ว
ฉันเดินไปทางเต็นท์ของผู้กองลักษณ์เพราะอยากจะไปบอกเขาเรื่องที่ฉันเจอเด็ก แต่บรรยากาศดูเงียบและวังเวงมากค่ะ ไม่ใช่ว่าหลับกันหมดแล้วเหรอ ตอนกลับมาแทนที่จะมาเรียกฉันให้รับรู้หน่อยก็ไม่ได้ คนเป็นห่วงก็มีนะ เอิ่ม...ฉันหมายถึง ฉันก็ห่วงทุกคนนั่นแหละค่ะ เกิดเรื่องเสี่ยงอันตรายแบบนี้ใครกันจะไม่คิดมาก รู้ว่าพวกเขาเก่งและเจอเหตุการณ์แบบนี้มาเยอะ แต่ฉันพึ่งเคยเจอไม่กี่ครั้งไง แล้วเหตุการณ์เสี่ยงตายที่ใกล้ตัวแบบนี้ก็เหมือนจะเป็นครั้งแรกด้วย เฮ้ออ~ หนาวนะเอาตรงๆ หนาวจนฉันต้องลูบแขนตัวเองขณะเดินมาด้อมๆ มองๆ หน้าเต็นท์อีตาผู้กองน้ำแข็งเลย
“ทำอะไรของคุณ?”
“ว๊ายยย!!”
ปัก!
ตุบ!
โอ๊ยยย! เจ็บเป็นบ้าเลย ตอนนี้ฉันนอนทับผู้กองลักษณ์อยู่ค่ะ ใครใช้ให้หมอนี่มาส่งเสียงตอนบรรยากาศกำลังวังเวงล่ะ แถมเสียงยังมาจากทางข้างหลังใกล้ๆ ฉันอีก ฉันตกใจเลยไม่ทันระวังสะดุดกับขอนไม้แล้วคว้าตัวเขามาเป็นเบาะรองรับ ว่าแต่....หน้าเราสองคนใกล้กันไปหรือเปล่านะ ฉันก็นิ่งเขาก็นิ่ง ฉันพูดได้ไหมว่าหมอนี่พยายามใช้ความหล่อและความเย็นชาทางสายตาหว่านเสน่ห์ใส่ฉันอยู่ ทำไมฉันถึงได้มองเขาหล่อขนาดนี้
“จะนอนอยู่อย่างนี้?”
“ห๊ะ? อ้อเปล่าค่ะ!” ก็รีบลุกสิคะรออะไร พอฉันลุกหมอนั่นก็ลุกตาม เราต่างคนต่างปัดเศษดินออกจากเสื้อผ้า แล้วทำไมเขาถึงโผล่มาจากทางนั้นล่ะ “ทำไมคุณถึงออกมาจากในป่าล่ะ?”
“ผมไปยิงกระต่ายมา ต้องอธิบายเพิ่มเติมไหม?”
“มะ..ไม่ต้องค่ะ” ฉันรีบตอบแล้วหันหน้าหนี แหม แค่บอกว่ายิงกระต่ายก็รู้แล้วไหมว่าทำอะไร แล้วทำไมหน้าฉันต้องร้อนด้วยเนี่ย! ยัยพระพาย...เมื่อกี๊เธอยังหนาวอยู่เลยนะยะ!!
“คุณมาถ้ำมองอะไรหน้าเต็นท์ผม มาหาไอ้ตาร์?”
“ทำไมฉันต้องมาหาคุณตาร์ด้วย ฉันมาหาคุณนั่นแหละ!...” ฉันเงียบลงทันทีที่หลุดปากพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ส่วนอีตาผู้กองน้ำแข็งก็เลิ่กลั่กเบือนหน้าหนี แล้วทำไมฉันต้องใจสั่นด้วย ฉันมาหาเขาเพราะจะบอกเขาเรื่องคริสติน่าต่างหากล่ะ
“คือ...ฉันมีเรื่องจะบอก” พอบอกว่ามีเรื่องจะบอกหมอนี่ก็ยอมหันมาสนใจฉัน “ฉันเจอเด็กคนนึง คือเธอ....”
“คุณเจอเด็กเหรอพระพาย! เด็กอยู่ที่ไหน!?” อยู่ๆ ผู้กองลักษณ์ก็เข้ามาจับต้นแขนฉันทั้งสองข้าง สีหน้าเขาดูตื่นตกใจมากค่ะ นี่ฉันทำอะไรผิดอีกแล้วเหรอ?
“ยะ..อยู่ในเต็นท์ฉันค่ะ”
“คุณรู้ไหมว่ามันอันตรายขนาดไหน! ทำไมถึงไม่มาบอกผมหรือเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ”
“ก็ฉันพึ่งเจอคุณเนี่ย! อีกอย่าง...ตอนเจอเด็กพวกคุณก็ไม่อยู่กัน ฉันเองก็เผลอหลับ ตื่นมาก็มาตามหาคุณ แล้วก็คุยกับคุณอยู่นี่ไง” ทำไมต้องมาใส่อารมณ์กับฉันด้วยเนี่ย ทำอย่างกับฉันจะถูกปาดคอ แค่มีเด็กหลงทางมาต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เชียวเหรอ เหมือนหมอนั่นจะตั้งสติได้ เขาปล่อยแขนฉันแล้วหันไปถอนหายใจทิ้ง สรุปคริสติน่าโดนคนร้ายจับตัวมาจริงๆ เหรอเนี่ย แต่ก็อย่างว่าแหละนะ เด็กสี่ห้าขวบที่ไหนจะมาโผล่กลางเกาะผีสิงแบบนี้
“ไอ้คิน เรียกไอ้ตาร์กลับมา เราเจอเด็กแล้ว” หมอนั่นไม่ได้สนใจฉันค่ะ เขาหยิบวอขึ้นมาแล้วคุยกับคุณคินแทน แอบปรายตามามองฉันด้วยฉันเห็นนะ
“สรุปเด็กคนนั้นโดนพวกคนร้ายจับมาจริงๆ เหรอ เธอบอกกับฉันตอนที่เจอกัน ฉันเองก็กลัวคนร้ายจะตามมาด้วย เลยนั่งกันอยู่เงียบๆ ในเต็นท์รอพวกคุณกลับมา”
“นั่งเงียบๆ หรือหลับกันแน่ เจ้าหน้าที่ก็เฝ้าอยู่ที่ค่ายตั้งห้าคนทำไมไม่บอกพวกเขา ถ้าคนร้ายมันตามเด็กมาจริงๆ คุณจะทำยังไง”
“ก็รอนานมันก็ต้องหลับไหม ตอนนั้นก็พึ่งจะกี่ทุ่มเอง แล้วพวกคุณมากันตีไหน จะให้นั่งรอเฉยๆ ได้เหรอ!?” ฉันกับคริสติน่าไม่ใช่ญาติกับกาแฟไหม? ถึงจะได้ดีดนั่งได้เป็นสามสี่ชั่วโมงเพื่อรอเขา
“ไม่ต้องมาเถียง รีบพาผมไปหาเด็ก อีกสักพักจะมีเจ้าหน้าที่มารับตัวไปส่งคืนครอบครัว”
ฉันอยากเถียงอีตาผู้กองนี่ต่อนะ แต่เห็นแก่คริสติน่าที่ต้องพัดพรากจากครอบครัวมาเลยยอมสงบปากสงบคำแล้วพาเขาไปที่เต็นท์ฉัน จะว่าไปก็สงสารคริสติน่ายังไงไม่รู้ ตัวแค่นี้ก็ต้องเจอกับเรื่องโหดร้ายแล้ว มีแผลฝังใจตั้งแต่เด็กเลย
สองชั่วโมงต่อมา
ตอนนี้คริสติน่ากำลังถูกช่วยเหลือโดยตำรวจชายฝั่งค่ะ เธอหันมามองฉันอยู่ตลอดเวลาเลย ก่อนจะไปก็ได้หันมาโบกมือบ๊ายบายฉันด้วย ฉันเลยโดนอีตาผู้กองน้ำแข็งที่ยืนข้างๆ ปรายตามอง อิจฉาฉันละสิที่คริสติน่าเอาแต่สนใจฉัน อยากจะบอกว่าตอนที่ฉันพาผู้กองลักษณ์ไปหาคริสติน่าในเต็นท์ เธอไม่คุยไม่มองหน้าใครเลย เอาแต่กระโดดหาฉัน ฉันเลยต้องอุ้มเธอไว้ตลอด กระทั่งตำรวจชายฝั่งมา ตอนแรกเธอก็ไม่ยอมไปกับเจ้าหน้าที่ แต่ฉันก็อธิบายให้เธอฟังจนเข้าใจว่าพวกเขาจะพาเธอไปหาคุณพ่อคุณแม่ คริสติน่าจึงยอมไป
