เหตุฉุกเฉิน -Ep.15-
Ep.15
"คุณอยู่ที่นี่! ห้ามออกไปนอกที่พักเด็ดขาดเข้าใจไหม?"
"อ๊าเดี๋ยวๆๆๆ! คุณให้ฉันอยู่คนเดียวเหรอ?"
"จะมีคนอยู่ที่นี่กับคุณ แต่คุณต้องอยู่แค่ในเต็นท์ของคุณเท่านั้น! อย่าก่อเรื่อง เข้าใจไหมคุณพระพาย?" เฮ้!...หมอนี่นี่ยังไง เอะอะก็สั่งแต่ฉันไม่ให้ก่อเรื่องไม่ให้สร้างปัญหา อยู่ก็อยู่สิใครจะออกไปให้โดนระเบิดตาย
"ฉันรู้แล้วน่า! คุณรีบไปเถอะฉันไม่ก่อเรื่องแน่นอนค่ะ" นี่ฉันไม่ได้ไล่เขานะคะ แต่เห็นว่าทุกคนเตรียมอาวุธและเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมเท่าที่จะเตรียมได้ และวิ่งกันอลม่านไปตั้งแถวอยู่ที่ลานกว้างตรงกลางแล้ว คือเต็นท์พวกเรากางเป็นวงกลมนะคะ พื้นที่ตรงกลางจึงเหลือเยอะพอสมควร
ดวงตาคมหรี่มองฉันเหมือนไม่เชื่อใจว่าฉันจะไม่ก่อเรื่อง ก่อนจะรีบวิ่งออกไปหาคนในทีมที่ต่อแถวรอรับคำสั่งจากเขา แหม...นี่ระเบิดกับเอ็มสิบหกนะ ถ้ามุดไปแอบในดินได้ฉันมุดไปแล้วย่ะ!
เสียงเจ้าหน้าที่กระจายตัวไปคนละมุม ฉันนั่งอยู่ในเต็นท์ค่ะ ได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำพื้นรัวๆ และเริ่มไกลออกไปจนหายไปในที่สุด อืม ฉันรู้ซึ้งถึงชื่อเกาะแล้วล่ะค่ะ พอทุกคนไป มันก็เงียบเหมือนป่าช้าไม่มีผิด
แต่นั่งไปได้สักพักฉันก็เริ่มอึดอัดค่ะ มันเงียบจนได้ยินเสียงวิ้งๆ ในหูเลย หิวข้าวมากๆ ด้วย เอ๊ะ! คุณตาร์กับคุณคินทำสุกี้ไว้นี่นา ฉันรีบคลานไปที่หน้าเต็นท์แล้วค่อยๆ รูดซิบลงอย่างเบามือ ฉันรูดลงมาได้หน่อยนึงก็ต้องลุกขึ้นยืนแล้วก้มหน้าแอบมองบรรยากาศนอกเต็นท์ ทำไมไม่เห็นมีใครเลย ไหนอีตาผู้กองบอกว่ามีคนเฝ้าฉันอยู่ที่นี่ไง
ฉันค่อยๆ รูดซิบลงต่อ แล้วออกมาข้างนอกแบบย่องให้เบาที่สุด ครัวจำเป็นอยู่ตรงต้นไม้ฝั่งตรงข้ามเต็นท์พวกคุณคิน ฉันสามารถย่องไปเอาสุกี้ได้เพราะมันไม่ได้ออกนอกเขตที่พัก
"คุณพระพายจะออกไปไหนครับ!"
"ว๊ายตายแล้ว!!" ฉันสะดุ้งสุดตัวหลับตาปี๋พร้อมกับอุทานออกมาเสียงดังลั่น โอ๊ยยย! หัวใจจะวายตายค่ะคุณพี่ตำรวจ
"เฮ้อออ~" ฉันถอนหายใจออกมาแล้วยืนตั้งสติไปห้าวิ ก่อนจะหันไปมองคุณพี่ตำรวจหัวเกรียนที่ยืนถือปืนอยู่ตรงหน้า
"ผู้กองลักษณ์สั่งห้ามคุณออกมาข้างนอกหนิครับ"
"เอ่อ...ฉันหิวน่ะค่ะ ขอไปตักสุกี้แป๊บนึงได้ไหมคะ ครัวอยู่ตรงนี้เอง เดินไปห้าหกก้าวก็ถึงแล้วค่ะ"
"เอ่อ...." คุณพี่ตำรวจทำหน้าหนักใจ แต่ก็ยอมพยักหน้าอนุญาต "ก็ได้ครับ...เร็วๆ หน่อยนะครับ"
"ค่ะ!" ฉันรีบวิ่งปู๊ดไปที่ครัวใต้เต็นท์ เอิ่ม...เต็นท์งานวัดน่ะเคยเห็นไหมคะ นั่นแหละ แต่มันเล็กกว่าประมาณนึง ใครไม่รู้มาเจอเข้าคงคิดว่ามีโรงทาน แหม...สุกี้เป็นหม้อ แถมมีถ้วยโฟม ตะเกียบ ช้อนไว้ให้พร้อม ดูท่าพวกพี่ๆ เขาจะได้กินกันก่อนออกไปปฏิบัติหน้าที่แล้ว
ฉันรีบตักสุกี้ใส่ถ้วยโฟม จากนั้นก็วิ่งกลับมาที่เต็นท์ ค่อยโล่งใจหน่อยที่เห็นเจ้าหน้าที่ประมาณสี่ห้าคนเดินคุ้มกันรอบที่พัก
แกร็ก!
อ๊ะ! สะ..เสียงอะไรน่ะ? ฉันก้มเอาถ้วยสุกี้เข้าไปวางในเต็นท์ ก่อนจะออกมาชะโงกหน้าไปดูหลังเต็นท์ตรงที่เป็นป่า ก็ฉันได้ยินเสียงกิ่งไม้หรืออะไรสักอย่างดังมาจากทางนั้น
แกร็ก แกร็ก แกร็ก
มะ..ไม่นะ! เสียงคนเดินเหยียบกิ่งไม้ ใช่พวกเดียวกันหรือเปล่าเนี่ย แต่ได้ยินเสียงใกล้ๆ คงจะเป็นคุณพี่ตำรวจท่านใดท่านหนึ่งแหละ
ฉันเลือกที่จะโล่งใจ แล้วเดินไปดูข้างหลังเต็นท์อย่างไม่รู้สึกกลัว ขณะที่กำลังสอดส่ายสายตามองไปทั่วป่าข้างหลัง จู่ๆ ฉันก็เห็นเด็กผู้หญิงคนนึงใส่ชุดกระโปรงสีแดง ผมยาวสีทองหยักโศกเล็กน้อย นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกาย เนื้อตัวดูมอมแมม โอ้ววว! คงมะ..ไม่ใช่ผีใช่ไหม ฉันเริ่มขนลุกแล้วนะ ขาแข็งไปหมดแล้วค่ะ
"Help me!" (ช่วยฉันด้วย!)
ห๊ะ! ฉันว่าฉันได้ยินเธอพูดนะ สรุปคนใช่ไหม เอาดีๆ ฉันวิ่งนะ
"Help me please!" (ได้โปรดช่วยฉันด้วยค่ะ!)
เอ๊ะ! ฉันว่าไม่น่าใช่ผีแล้วล่ะ แต่เด็กที่ไหนจะมาอยู่กลางป่าแบบนี้ ดูๆ แล้วเธอน่าจะอายุราวๆ สี่ห้าขวบ งั้น...ลองเรียกดูดีกว่า ถ้าเธอเดินเข้ามาหาฉันแสดงว่าเธอเป็นคนจริงๆ แต่ถ้าเธอลอยมาล่ะก็...ตัวใครตัวมันละกัน
"Can you walk to me?" (หนูช่วยเดินมาหาฉันได้ไหม?)
สิ้นเสียงคำถามของฉัน เด็กคนนั้นก็วิ่งออกมาจากป่าข้างหลังทันที โอเค วิ่งก็ดีกว่าลอยมา
"Help me Someone's wicked caught me." (ช่วยหนูด้วยค่ะมีคนใจร้ายจับหนูมา)
สาวน้อยเนื้อตัวมอมแมมวิ่งเข้ามากอดฉัน ยอมรับว่าตกใจมากค่ะ แต่เสียงร้องไห้เบาๆ ทำให้ฉันต้องก้มหน้าไปมองเด็กสาวตัวน้อยที่กอดขาฉันอยู่
"Calm down, I'll help you." (ใจเย็นๆ นะ ฉันจะช่วยหนูเอง)
ฉันอุ้มสาวน้อยหน้าตาน่ารักขึ้นมา ก่อนจะพาเข้าไปแอบในเต็นท์เพราะกลัวคนร้ายจะตามเธอมาแล้วเห็นพวกเราสองคน คนร้ายคงเป็นคนเดียวกับคนที่คุณแดนวิ่งมาบอกอีตาผู้กองน้ำแข็งแน่เลย
อีกด้าน
(Luck talk)
"เห็นเป้าหมายไหม?"
(เห็นครับผู้กอง พวกมันมีกันสามคน กำลังทะเลาะกันหรือเถียงอะไรกันอยู่ไม่รู้ครับ ท่าทางซีเรียส)
"ทีมหนึ่งล้อมหลังเป้าหมายในระยะสามร้อยเมตร ตอนนี้คนร้ายกำลังทะเลาะกันเอง ใช้โอกาสนี้เข้าจับกุม" ผมเอามือกดหูฟังบลูทูธที่เสียบไว้ในหูสั่งงานคนในทีม อีกมือถือปืนพกขนาด 9 มม. เล็งไปข้างหน้า ส่วนไอ้คินนอนกอดกิ่งไม้ใช้ปืนซุ่มยิงระยะไกลเล็งเป้าหมายอยู่บนยอดไม้นู่นครับ พวกผมเอาอาวุธติดตัวมาด้วยทุกคนเผื่อมีเหตุฉุกเฉินครับ ถึงแม้จะใส่แค่หมวกแก๊ปตำรวจที่มีตราสัญลักษณ์ของหน่วยกับเสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดาก็ตามที
(ผู้กองครับ มีรายงานว่ามันลักพาตัวลูกสาวนักธุรกิจชื่อดังของแคนาดามาครับ น่าจะเอามาเรียกค่าไถ่) เสียงไอ้ตาร์ที่หมอบอยู่อีกฝั่งพูดขึ้น
(แต่ผมไม่เห็นเด็กนะครับผู้กอง มีแค่พวกมันสามคนทะเลาะกัน)
(ผมว่ามันน่าจะทำเด็กหายนะครับ) ผมขมวดคิ้วให้กับคำพูดของไอ้ตาร์ ถ้าเด็กหายงั้นพวกผมก็ต้องแบ่งกำลังไปตามหาเด็กด้วย เพราะเกาะนี้มันมีเขตปลอดภัยน้อยกว่าเขตอันตราย
ผมหันไปหาไอ้แดนที่นั่งคู่กันอยู่ข้างๆ ก่อนจะส่งปืนให้มันถือแล้วผมก็รับกล้องส่องทางไกลจากมันมาแทน ผมเห็นว่าพวกคนร้ายมันยืนเถียงกันอยู่จริงๆ ท่าทีทางซีเรียสมาก คงต้องเครียดแหละครับ ทำตัวประกันหาย เพราะมันจะไม่มีอะไรมาต่อรองเพื่อหนีจากเจ้าหน้าที่ได้
"ไอ้แดนแกนำทีมหนึ่งไปตามหาเด็ก ที่เหลือเข้าจับกุมคนร้ายสามคน ไอ้คินคอยจับตามอง ถ้าหนึ่งในคนร้ายพยายามจะใช้อาวุธ ให้ยิงขู่ทันที ไอ้ตาร์แกนำทีมสองล้อมด้านหลัง ฉันจะพาทีมสามล้อมด้านหน้า บีบเป็นวงกลมแล้วจับมัน"
(ครับผู้กอง!)
(ครับผู้กอง!)
(ครับผู้กอง!)
พอสั่งลูกทีมเสร็จ ผมก็เดินหน้าเข้าไปหาตัวคนร้ายทันที พวกมันอาจไม่รู้ว่ามีตำรวจมาตั้งฐานฝึกอยู่ที่นี่ คงหนีตำรวจชายฝั่งมา แล้วมาเจอเกาะป่าช้านี้เข้าพอดี
"หยุด! วางอาวุธแล้วหมอบลงซะ!!" ผมเล็งปืนไปที่คนร้ายสามคน ซึ่งพวกมันดูตกใจมากจึงยกปืนขึ้นมาชี้หน้าผม
ปัง! ปัง! ปัง!
แต่ก็ไม่ทันไอ้คินที่ควบคุมสถานการณ์อยู่บนต้นไม้ มันจัดการยิงปืนของคนร้ายทั้งสามคนหล่นลงพื้นหมดเลยครับ เพราะพวกมันมีปืนทุกคน
"ตำรวจตามเรามาที่นี่ได้ไงวะ!" หนึ่งในสามคนโวยวายขึ้นท่าทางลุกลี้ลุกลน ผมพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่ที่ใส่เครื่องแบบเข้าไปรวบตัว พอพวกมันเห็นผมกับเจ้าหน้าที่หลายคนล้อมไว้ทุกทิศทางเลยยอมคุกเข่ายกมือยอมแพ้
"ยึดอาวุธไปให้หมด ระวังด้วยนะ" ที่ผมต้องเตือนเจ้าหน้าที่คนอื่นก็เพราะได้ยินว่ามันมีระเบิด จะจริงหรือปลอมเราก็ต้องระวัง
คนร้ายทั้งสามโดนเจ้าหน้าที่ล็อคกุญแจมือแล้วค้นตัวค้นกระเป๋า ไอ้ตาร์เอาปืนชี้หน้าพวกมันไว้ตลอดเพราะไว้ใจโจรอย่างพวกมันไม่ได้ ถ้ามันไม่แน่จริงคงไม่กล้าจับตัวลูกสาวนักธุรกิจที่มีเส้นมีสายมีอำนาจติดห้าอันดับของแคนาดามาแน่นอน
"ระเบิดปลอมครับผู้กองลักษณ์" ผมรับระเบิดน้อยหน่าที่ลูกทีมส่งมาให้แล้วตรวจสอบ ของปลอมจริงๆ ครับ สงสัยเอาขู่ตำรวจชายฝั่งไว้ ทางเราถึงได้รับรายงานว่ามันมีระเบิด
"เอาพวกมันไปมัดไว้ที่ต้นไม้ใหญ่หน้าค่ายเรา ฉันจะแจ้งเจ้าหน้าที่ชายฝั่งเอง"
"ครับผู้กองลักษณ์!"
ผมเดินนำออกมาจากตรงนั้น พอดีกับที่ไอ้คินเดินสวนเข้ามา มันมองหน้าพวกคนร้ายแล้วหันหลังกลับมาเดินข้างผม เนื้อตัวมันเปื้อนแต่ฝุ่นไม้ครับ ไม่รู้ไปนั่งท่าไหนบนต้นไม้
"แล้วเด็กล่ะครับผู้กองลักษณ์?"
"ไอ้แดนไปตามหาอยู่ ถ้าหาไม่เจอเราคงต้องผลัดเวรกัน อีกสักสามชั่วโมงถ้าไอ้แดนยังไม่มาแกก็นำทีมสองไป แล้วค่อยมาเปลี่ยนกับทีมไอ้ตาร์ เราต้องหาตัวประกันที่คนร้ายจับมาให้เจอ"
"อ่อ แล้วนี่ผู้กองปล่อยคุณพระพายไว้ที่เต็นท์คนเดียวเหรอครับ?"
"....." พอไอ้คินถามถึงพระพาย ผมก็ถึงกับเลิ่กลั่ก เพราะพึ่งจะนึกได้ว่ายัยนั่นอยู่เต็นท์คนเดียว แต่คนร้ายก็อยู่ที่นี่ทั้งสามคนแล้ว ยัยนักเขียนจอมเซ่อคงหลับสบายไปแล้วมั้งครับ ไม่น่ามีอันตราย "มีพวกเราเฝ้าที่นั่นอยู่ห้าคน คนร้ายก็ถูกจับแล้ว ไม่น่ามีปัญหาอะไร"
"อ่า...ครับ"
ผมหันไปมองหน้าไอ้คินเพราะมันมองผมแปลกๆ เหมือนอยากแซวอะไรผมสักอย่าง
"ทำไม?" ผมถามทันที ไอ้นี่มันต้องกวนประสาทอะไรผมแน่ๆ สายตามันฟ้องทุกอย่างเลย มีเมียโกหกเมียไม่เนียนแน่นอน
"พอถามหาคุณพระพาย ผู้กองก็เดินเร็วเลยนะครับ ผมนี่ก้าวขาตามแทบไม่ทันแหนะ"
"ไอ้นี่!..." ผมกำหมัดทำท่าจะต่อยหน้ามัน แค่ทำให้มันกลัวเล่นๆ น่ะครับ
"ผู้กองของผมจะลงจากคานแล้วใช่ไหมครับ ฮ่าๆๆ" แซวผมจบมันก็วิ่งหัวเราะหนีผมไปเลยครับ ผมจึงหันไปมองไอ้ตาร์ที่เดินขำอยู่ข้างๆ พอเห็นสายตาผมไอ้ตาร์จึงหยุดขำ ผมก็เดินปกตินะครับ เอาอะไรมาเดินเร็ว ลงจากคานเหรอ ไร้สาระจริงๆ ไอ้นี่
