บท
ตั้งค่า

ใจเต้นแรง -Ep.12-

Ep.12

 

“แค่กๆ! ฉันเห็นผีตาสีแดง...ฮึกก! มันทำฉันจมน้ำคุณต้องช่วยฉันนะ ฮือออๆ!!”

 

ผมถอนหายใจให้กับร่างบางที่โผเข้ากอดผม เนื้อตัวเธอสั่นไปหมดเลยครับ สงสัยจะเห็นจริง ผมไม่ได้ผลักเธอออก ได้แต่กางแขนค้างไว้ไม่กล้าแตะตัวเธอ เธอคงลืมตัวน่ะครับว่านุ่งกระโจมอกอยู่ ด้วยความที่ผมเองก็แทบจะขาดอากาศหายใจเพราะแรงรัดรอบคอเลยเอามือตบหลังเธอเบาๆ เพื่อปลอบให้เธอใจเย็นๆ ก่อนจะเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูของเธอที่กองไว้มาคลุมตัวให้เพราะกลัวว่าตอนเธอปล่อยคอผมแล้วข้างหน้ามันจะเห็นอะไรที่ไม่สมควรจะเห็นเหมือนตอนที่เธอติดอยู่ในห้องน้ำวันนั้น

 

“ใจเย็นๆ กลับเต็นท์กันเถอะครับ” ผมบอกเธอเบาๆ แล้วพยายามจะพยุงเธอให้ยืนขึ้น แต่พระพายเอาแต่หันซ้ายหันขวาเหมือนระแวงไอ้สิ่งที่เธอเห็น ดวงตากลมคู่นั้นแดงช้ำและมีน้ำตาไหลตลอด เธอคงกำลังช็อค ผมเองก็ไม่อยากจะต่อว่าอะไรซ้ำเติมเลยอุ้มเธอขึ้นมาแล้วพาเธอเดินกลับไปยังที่พัก

 

“ผู้กอง! เกิดอะไรขึ้นครับ?” ไอ้ตาร์รีบวิ่งเข้ามาหาผม ที่มือมันยังถือผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดหัวอยู่ แสดงว่าพึ่งขึ้นกันมา

 

“ผมก็แปลกใจอยู่ ทางหน่วยก็เอาข้าวมาส่งแล้ว แต่ผู้กองกลับไม่อยู่ กะ..เกิดอะไรขึ้นครับ?” ประโยคหลังไอ้คินกระเส่าถามเพราะเหมือนมันจะพึ่งสังเกตเห็นว่าพระพายร้องไห้ แถมเธอยังเหม่อ ดูไม่รับรู้กับสิ่งที่ทุกคนพูด

 

“ทางนี้ครับผู้กอง” ไอ้แดนพยักหน้าเรียกผมให้เดินตามไปที่เต็นท์ของพระพาย มันรูดซิบเปิดเต็นท์ให้ ผมเลยวางพระพายลงในเต็นท์โดยที่ผมไม่ได้เข้าไปข้างใน เธอก็ยังคงนั่งเหม่อน้ำตาไหลอยู่ ผมเลยถอดตะกรุดที่ข้อมือใส่ให้เธอเผื่อเธอจะสบายใจและกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่งั้นคืนนี้ผมคงไม่ได้นอนแน่ เธอคงร้องไห้โวยวายผวากับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งคืน

 

“แกไปเอาของที่ขอบสระให้หน่อย ไอ้แดน!...แกช่วยบอกทุกคนว่าห้ามไปอาบน้ำในสระที่พระพายไป ห้ามไปเดินหรือไปยิงกระต่ายหรือไปทำอะไรทั้งนั้น ตอนเช้าค่อยไปขีดต้นไม้ปรับให้มันเป็นเขตอันตราย”

 

“เกิดอะไรขึ้นครับผู้กอง” ผมไม่ได้ตอบสิ่งที่ไอ้แดนถามในทันที แต่ผมหันไปมองพระพายก่อน กลัวเธอจะได้ยินแล้วนึกกลัวขึ้นมาอีก

 

“กลับเต็นท์เถอะ เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง” ผมวางมือลงบนบ่าไอ้แดนแล้วพากันลุกขึ้น พอกลับมาที่เต็นท์ผมก็เล่าให้พวกมันฟัง ก็ขนลุกไปตามๆ กันนั่นแหละครับ นี่ขนาดพวกมันไม่ได้เจอกับตัวนะ ก็มีความตาขาวเป็นทุนเดิมกันอยู่แล้วไง

 

 

เช้าวันต่อมา

 

(Phraphai talk)

 

ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าของคนเดินไปเดินมา ฉันมองตะกรุดที่ผู้กองลักษณ์ใส่ให้ฉันเมื่อวาน ยอมรับว่าฉันหลับแบบสนิทใจมากค่ะ รู้สึกมีสติตอบสนองมากขึ้น

เรื่องเมื่อวานฉันจำได้ทุกอย่างตั้งแต่ตอนอาบน้ำจนเห็นหน้าคุณผู้กองน้ำแข็ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะเจอผี นึกแล้วก็ขนลุกจนต้องรีบลุกขึ้นนั่ง อ่าา...ฉันคิดว่าฉันจะตายซะแล้ว ถ้าไม่ได้อีตาผู้กอง!... จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าหน้ามันร้อนๆ อยู่ดีๆ ฉันก็เอามือมาจับริมฝีปากตัวเอง กรี๊ดดด!! หมอนั่นผายปอดให้ฉัน สะ..แสดงว่าเราจูบกันงั้นเหรอ? แม้ว่าจะทำเพื่อช่วยชีวิตฉันก็เถอะ แต่ปากเราแตะกันมันก็เหมือนจูบไหมล่ะ แถมฉันยังโผกอดเขาแน่นอีกด้วย แต่ก็นะ ฉันยอมรับว่าอุ่นใจมากเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นหน้าเขา ถึงเขาจะไม่ชอบฉันแต่ฉันก็ยังอยากจะมีเขาอยู่ใกล้ๆ ตลอดการอยู่ที่นี่ ฉัน...ฉันรู้สึกปลอดภัยและรู้สึกว่าไม่มีอะไรทำร้ายฉันได้ถ้ามีเขาอยู่ เดี๋ยวยัยพระพาย! เธอคิดอะไรอยู่ห๊ะ!!

 

“คุณพระพายครับตื่นหรือยังครับ?”

 

“ค่า!” ฉันรีบคลานไปเปิดเต็นท์เมื่อได้ยินเสียงคุณคิน

 

“ไปล้างหน้ากับพวกผมไหมครับ ผมคิดว่าคุณคง...ไม่อยากไปคนเดียว” เห็นคุณคินทำท่าทางขนลุกแบบนั้นก็พอจะเดาได้ว่าเขาน่าจะรู้เรื่องที่ฉันเจอมาเมื่อวาน ทำดีมากค่ะคุณคินที่มาชวน

 

“ไปแน่นอนค่ะ!” ฉันรีบหันไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กแต่หาแปรงสีฟันไม่เจอ ยะ..อย่าบอกนะว่าลืมไว้ที่สระนั้น!

 

“อ้อคุณพระพายครับ แปรงสีฟันกับเสื้อผ้าของคุณอยู่ใต้โต๊ะหน้าเต็นท์ผมครับ ไอ้แดนเอามาให้แล้วเมื่อวาน”

 

“เฮ้อออ!~ ขอบคุณมากๆ ค่ะ นึกว่าจะต้องกลั้นใจเดินกลับไปเอาซะแล้ว”

 

“ฮ่าๆๆ ใจเย็นครับ เมื่อเช้าพวกผมไปเปลี่ยนให้เป็นเขตอันตรายแล้ว จะต้องไม่มีใครเข้าไปแล้วครับ”

 

“อ่อค่ะ” ใจหายใจคว่ำหมด ถ้าไม่มีคนไปเอาให้ฉันจริงๆ ฉันก็คงต้องยอมไม่แปรงฟันสามวันน่ะค่ะ เพราะฉันจะไม่มีทางไปเหยียบที่นั่นอีกแน่ๆ

 

“รีบไปกันเถอะครับ ตอนนี้ไอ้แดนกับผู้กองลักษณ์ไปเตรียมฐานฝึก เราจะไปกันสามคนไอ้ตาร์ไปด้วย”

 

“โอเคค่ะ” ไปกับใครก็ได้ขอแค่ฉันไม่ต้องไปคนเดียว พอฉันเริ่มรู้สึกกลัวก็เผลอกำตะกรุดที่ข้อมือไว้แน่นแล้วแนบมันไว้ที่ท้อง เสียดายจังที่คิดว่าคงต้องคืนให้อีตาผู้กองน้ำแข็งหลังจากนี้

 

หลังจากที่อาบน้ำแปรงฟันเติมพลังด้วยข้าวเหนียวหมูห่อใบตองจนร่างกายมีแรงขึ้นมาแล้ว เราทุกคนก็พากันไปที่ฐานฝึกที่คุณคินบอกว่าผู้กองลักษณ์กับคุณแดนรออยู่ก่อนแล้ว โอ้โห! ทุกคนดูจริงจังจนเหมือนจริงมาก ใส่ชุดปฏิบัติการแบบครบเครื่อง รีบจดก่อนดีกว่าฉัน ไม่ได้จดอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ถ่ายรูปด้วยดีกว่า เอาไปให้ยัยนานาดูเยอะๆ ให้ยัยนั่นกรี๊ดตายไปเลย

 

“ตามผมมาหน่อย” อ๊ะ! ฉันสะดุ้งตกใจเมื่อเสียงเข้มของคุณผู้กองน้ำแข็งดังขึ้นข้างหู ก่อนจะหันหลังวิ่งตามเขาไป จะขอตะกรุดคืนหรือเปล่านะ

 

“จะ..จะทำอะไรคะ?”

 

“คุณต้องเข้าร่วมทีมด้วย เพราะไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนคุณตรงนี้หรือที่เต็นท์ พวกผมฝึกกันหมด หรือคุณอยู่คนเดียวได้?”

 

“มะ..ไม่ค่ะ! ฉันจะเข้าร่วมทีมกับคุณ คือฉันหมายถึง...เพื่อการสื่อสารที่ดีผ่านงานเขียน ฉันควรมีส่วนร่วมด้วย” ฉันยิ้มแห้งให้ผู้กองลักษณ์ คือจริงๆ ฉันรู้นะคะว่าเขาก็รู้ว่าฉันกลัว แต่ฉันไม่อยากเสียหน้าไง ฉันเลยหาข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นบอกกับเขา แม้จะรู้ว่าในใจเขากำลังขำฉันอยู่...แต่ฉันก็สบายใจกว่าบอกออกไปตรงๆ ว่าฉันกลัว

 

เขาไม่พูดอะไรค่ะ ได้แต่หยิบเสื้อเกราะมาใส่ให้ฉัน ซึ่งฉันก็ยืนเป็นตุ๊กตาให้เขาแต่งตัว แต่บางทีเขาก็ดึงฉันแรงไปหน่อยนะ ตัวฉันขยับเข้าไปหาเขาจนหน้าฉันจะซบซอกคอเขาอยู่แล้ว ฉันเม้มปากกลืนน้ำลายแล้วเหลือบตาหนีไปมองทางด้านข้างเมื่อเขาใส่หมวกกันน็อคให้ฉัน ใบหน้าหล่อก้มมามองตัวล็อคใต้คางฉันเพราะเขาสูงเกินไปเลยมองไม่ถนัด แต่การที่หน้าเราใกล้กันมันทำให้ใจฉันเต้นแรงแถมยังรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า เฮ้อออ~ ตายแน่ฉัน

 

“ไม่สบายเหรอหน้าแดงเชียว” นะ..หน้าฉันแดงเหรอ! เอ๊ะ! หมอนั่นอมยิ้มอยู่นี่ แกล้งฉันอยู่ใช่ไหมห๊า!

 

“ฉันสบายดีค่ะ!” ฉันผลักอีตาผู้กองน้ำแข็งออกห่างแล้วลองจับหมวกจับเสื้อเกราะที่ดูอึดอัดดูว่ามันจะหลุดไหม ฉันหันหลังให้เขาอยู่เลยไม่รู้ว่าเขาขำฉันอยู่หรือเปล่า ว่าแต่...เคยเห็นเขายิ้มครั้งแรกเลยนะเนี่ย

 

“นี่ของคุณครับ” ฉันหันไปหาเจ้าของเสียงก็พบปืนที่เขายื่นมาให้ ฉันเลยมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ ให้ฉันแล้วฉันจะไปทำอะไรได้ก็ฉันยิงไม่เป็น หรือว่าเอาไปถือให้ดูเท่ห์ไปงั้น ก็ดีเหมือนกันนะ แอบถ่ายรูปเอาไปอวดยัยนานาด้วยดีกว่า

 

“ค่ะ” ฉันเอื้อมมือไปจะหยิบปืน ทว่าตัวฉันกลับถูกหมอนั่นจับให้หันหน้ากลับไป แล้วเขาก็เข้ามาประกบหลังฉัน จับมือฉันขึ้นมาแล้วบังคับให้ถือปืน

 

“ถ้าเจอฝ่ายตรงข้าม แค่เล็ง ดึงตัวนี้แล้วกดลั่นไก ไม่ต้องหวังให้โดนเพราะคุณไม่เคยยิงเป็นเรื่องธรรมดาที่มันจะไม่ตรงเป้าหมาย แค่ยิงขู่ให้อีกฝ่ายกลัวแล้วหลบไป ส่วนตัวคุณแค่ระวังอย่าให้โดนยิง สมาชิกในทีมตายเราก็จะเหลือคนน้อย ศัตรูจะโจมตีได้ง่ายขึ้นแล้วเราก็จะแพ้ในที่สุด”

 

“นะ..ในนี้เป็นกระสุนจริงเหรอคะ?” ถามจบฉันก็เม้มปากชำเลืองตามองใบหน้าหล่อนวลเนียนที่แนบติดอยู่ข้างหูฉัน ไอ้ปืนเนี่ยฉันไม่ได้สนใจหรอกค่ะ แต่ฉันสนใจความใกล้ชิดของเราต่างหาก โอ๊ยยย! ทำไมฉันใจเต้นให้เขาบ่อยนักล่ะ หยุดคิดเรื่องบ้าๆ ได้แล้วยัยพระพาย หมอนี่ก็แค่สอนเรายิงปืน เพราะเธอจะเป็นตัวถ่วงในทีมเขายังไงล่ะยัยบ๊อง!

 

“กระสุนเพ้นบอลน่ะ ถ้าโดนก็แค่แสบๆ คันๆ แต่ถ้าเป็นคุณคงร้องกลับบ้านแน่”

 

“นี่คุณ! คุณมีหน้าที่ดูแลฉันหนิ ก็อย่าให้ฉันเจ็บสิ” คิดจะขู่ฉันเหรอ ชิ! โดนขู่กลับบ้างเป็นไง ชอบพูดนักไม่ใช่เหรอว่าถูกมอบหมายให้ดูแลฉัน งั้นก็ช่วยดูแลให้เต็มที่ไปเลยสิ ว่าแต่...เจ็บจนร้องเลยจริงเหรอ? เปลี่ยนใจไม่เล่นดีไหมนะ แต่ฉันก็ต้องอยู่คนเดียวน่ะสิ ไม่ๆๆๆ!!

 

“หึ...”

 

หมอนั่นปล่อยตัวฉันแล้วหันไปเอาหมวกมาใส่บ้าง ว่าแต่...แต่งเต็มยศแบบนี้ก็ดูดีเหมือนกันนะเนี่ย เอิ่ม...นี่ฉันยืนยิ้มอะไรอยู่เนี่ย เดี๋ยวเขาก็เห็นหรอก

 

“ตามหลังผมไว้ก็พอ แต่อย่าขวาง อย่าซุ่มซ่ามวิ่งไปล่อเป้า คุณเจ็บผมไม่ได้เจ็บด้วยนะบอกไว้ก่อน” อีตาผู้กองน้ำแข็งยื่นหน้าเข้ามาบอกฉัน เอ่อไม่สิ เรียกว่าขู่มากกว่า จนฉันต้องเอนหลังดึงใบหน้าหนีมา ไม่งั้นปลายจมูกโด่งคมนั่นได้ชนกับจมูกฉันแน่ แล้วเขาก็เดินกลับไปทางเดิม ระหว่างเดินก็ไม่ลืมที่จะสะบัดมือเรียกฉันให้ตามไปด้วย ฮึ่ย! พอลดความเย็นชาลงก็หันมาแกล้งฉันแทนงั้นเหรอ เห็นฉันหวั่นไหวให้ล่ะสิ บอกไว้ก่อนมันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละย่ะ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel