เกือบโดนจูบ -Ep.13-
Ep.13
ตอนนี้ฉันอยู่ในสนามรบกับพวกหน่วยปฏิบัติการพิเศษค่ะ พวกเขาแบ่งทีมเป็นสองทีม ทีมหนึ่งมี 13 คน ทีมสองมี 12 คน ซึ่งฉันอยู่ทีมเดียวกับคุณคิน คุณตาร์ คุณแดน และคุณผู้กองน้ำแข็ง แน่นอนว่าทีมที่มีหัวหน้าอย่างผู้กองลักษณ์ต้องมีสมาชิกแค่ 12 คนอยู่แล้ว
ปัง!
“กรี๊ดด!...อุบ!” ฉันร้องกรี๊ดออกมาสั้นๆ ก่อนจะรีบอุดปากตัวเองเมื่ออีตาผู้กองน้ำแข็งหันมามอง ก็เราพึ่งจะวิ่งมาหมอบได้ไม่นานอีกฝ่ายก็ยิงมาซะแล้ว ใครจะไปตั้งตัวทันล่ะ
“ไอ้คิน ไอ้ตาร์ ส่วนแกตามฉันมาทางนี้!” อีตาผู้กองน้ำแข็งเรียกชื่อลูกน้องในทีมแล้วพยักเพยิดหน้าในการสั่งงาน พอเขาสั่งให้คุณแดนตาม...ฉันก็วิ่งตามคุณแดนอีกทีค่ะ
ฉันวิ่งมาหมอบตามพวกเขา เอ...คุณคินกับคุณตาร์ไปหมอบตรงไหนแล้วนะ เชื่อไหมว่าฉันมองไม่เห็นใครสักคน พลางตัวกันเนียนจริงๆ
“ยิง!!”
ปังๆๆๆๆ!!
ฉันนอนกอดปืนหมอบไปกับพื้นเมื่อฝั่งผู้กองลักษณ์รัวปืนยิงฝ่ายตรงข้าม เอ๋...ทำไมเวลาคนพวกนั้นถูกยิงมันถึงได้เป็นสีเขียวๆ ล่ะ ฉันเห็นอีกฝ่ายที่โดนยิงยกสองมือเดินออกจากสนาม บางคนก็แกล้งนอนตายไปเลย เป็นฉันนะ จะสู้จนวินาทีสุดท้ายแหละเพราะมันไม่ใช่กระสุนจริงนี่นา
“บุกเข้าไป!!”
“อะ..อ่าวลุกแล้วเหรอ?” ฉันวิ่งตามคุณแดนแต่พวกเขาก็วิ่งกันเร็วมากค่ะ ไม่รู้ไปไหนกันหมดแล้ว ว่าแต่...เกาะนี้ธรรมชาติมันเอื้ออำนวยหลายๆ อย่างเลยนะคะ มิน่าพวกเขาถึงเลือกมาฝึกที่นี่กัน ไม่มีใครมารบกวน แล้วก็ไม่รบกวนใครด้วย อากาศก็ดี ดีเกือบหมดทุกอย่างนั่นแหละค่ะ ยกเว้นอีสระผีสิงนั่น ถ้าไม่มี!...
ยะ..แย่แล้วสิ ฉันถูกอีกฝ่ายเจอเข้าให้แล้ว ปืนเล็งมาที่ฉันแล้วด้วย! อะไรนะ? หมอนั่นสอนฉันว่ายังไงนะ ยิงยังไงล่ะทีนี้ วิ่งก่อนแล้วกัน!
ปัง!
“กรี๊ดดด!”
พรึบ! ตุบ!
โอ๊ยยย~ จุกๆ แฮะ ฉันหันไปมองใครบางคนที่กระโดดเข้ามารวบตัวฉันให้หมอบลงมาที่พื้น กระสุนที่อีกฝ่ายยิงมาเลยไม่โดนฉัน แต่ว่ามันเฉียดหูฉันไปเลยค่ะเพราะหูฉันมันดับวิ้งไปเลย ปรากฏว่าเป็นอีตาผู้กองน้ำแข็งอีกแล้วที่ช่วยฉัน เขามาจากมุมไหนกันล่ะเนี่ย เมื่อกี๊เห็นหายไปกันหมด
“ชีวิตคุณนี่อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไง” พูดจบหมอนั่นก็เอาปืนยิงอีกฝ่ายที่วิ่งเข้ามาเหมือนจะยิงพวกเราซ้ำ ส่วนฉันก็ยังคงนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาค่ะ
ปังๆๆ!!
เขาใช้อีกมือถือปืนแล้วยิงอีกฝ่ายที่วิ่งเข้ามาสองคน ซึ่งลูกกระสุนโดนที่จุดสำคัญของทั้งสองคนเลยค่ะ ยิงเสร็จเขาก็ทิ้งหัวลงมานอนกับพื้นแล้วถอนหายใจ ซึ่งฉันเองก็นอนหนุนแขนเขาอยู่
“ระ..เราชนะหรือยังคะ?”
“ไม่รู้สิ” ตอบฉันเสร็จเขาก็หยิบวอสีดำขึ้นมา “ฉันกำจัดได้สอง!”
(เป็น 8 แล้วครับผู้กอง เหลืออีก 5 ผมจัดการเอง)
นั่นน่าจะเสียงคุณคินหรือเปล่า ฉันหันไปมองคุณผู้กองน้ำแข็งที่นอนหอบหายใจหลับตาพักเหนื่อย เฮ้อออ~ ได้เห็นหน้าเขาใกล้ๆ อีกแล้ว ไม่สิเธอต้องไม่มองยัยพระพาย! ฉันหันหน้ากลับมาทันทีแล้วมองท้องฟ้าตรงหน้า แม้มันจะเห็นเพียงนิดเดียวเพราะต้นไม้บังก็เถอะ
“งั้นเราไปกันได้หรือยังคะ” ถามเสร็จฉันก็ลุกเลยค่ะ แต่ก็ถูกมือหนาข้างที่ฉันหนุนอยู่ดึงคอเสื้อให้นอนลงไปทับท่อนแขนเขาอีกครั้ง อย่าถามว่าใจเต้นไหม แทบจะทะลุเลยค่ะตอนนี้
“รอเสียงนกหวีดก่อน”
“ห๊า? อ่อ...ค่ะ” หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็เงียบไป นี่ถ้าไม่มีเสียงลมนะ เขาคงได้ยินเสียงหัวใจฉันเต้นแน่ๆ อืม...เขาหลับหรือเปล่านะ ชวนเขาคุยเรื่องอะไรดี เผื่อเราจะเข้าหน้ากันได้ดีกว่านี้
“คุณ...อยากได้อันนี้คืนเลยไหมคะ?” ฉันชูมือข้างที่มีตะกรุดสวมอยู่ให้เขาดู ใบหน้าหล่อหันมามองมันแวบนึงแล้วหันกลับไป เขาเองก็มองท้องฟ้าที่เห็นเพียงน้อยนิดเหมือนกันกับฉัน เพราะฉันกับเขานอนกันอยู่ ถ้าไม่มองด้านบนแล้วจะมองอะไร แล้วที่ไม่ตอบคือ? ไม่เอาคืนใช่ไหม ฉันยึดนะ
“แน่ใจเหรอว่าถ้าผมเอาคืนคุณจะเต็มใจให้” เสียงเรียบตอบกลับมา ก็ต้องไม่อยู่แล้ว ฉันกลัวผีนี่นา ถามเป็นมารยาทไปงั้นแหละ
“เอ่อก็...จริงๆ ฉันก็อยากยืมก่อนน่ะ คุณไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ?” ฉันหันไปถาม ถ้าหมอนี่ยืนยันว่าจะเอาคืนตอนนี้เชื่อสิเขาต้องกำลังแกล้งฉันอยู่
“ตอนกลับค่อยเอามาคืน อย่าทำหาย!...” เสียงทุ้มเรียบเงียบไปเมื่อหันหน้ามาชนกับฉัน ใบหน้าเราห่างกันแค่คืบเดียวเองค่ะ ดวงตาคมรีมีเสน่ห์คู่นั้นสะกดฉันอยู่หมัดเลย ว๊าวว ฉันไม่เคยเห็นใบหน้าที่หล่อหวานขนาดนี้มาก่อน เอิ่ม...อันที่จริงฉันก็ไม่เคยได้ใกล้ชิดผู้ชายมากอะไรขนาดนี้ ไม่แปลกที่ใจฉันจะเต้นหรือหวั่นไหวให้เขา หลังจากหมดสามเดือนนี้ฉันกับเขาก็คงเหมือนคนแปลกหน้า
ตะ..แต่ว่าทำไมฉันรู้สึกว่าใบหน้าเราชิดกันมากขึ้น โอ๊ยยย! ทำไมใจฉันต้องเต้นแรงให้กับเรียวปากหยักที่ใกล้เข้ามาด้วย ผลักเขาสิยัยพระพาย! เอียงหน้าหนีก็ได้ ไม่นะ ฉันไม่ได้อยากจูบเขาสักนิด แต่ตาแกจ้องริมฝีปากสีหวานของเขาไม่กะพริบเลยนะยะ
ปี๊ดดด!!!
เฮือก!!
พรึบ! พรึบ!
ทั้งฉันและอีตาผู้กองน้ำแข็งลุกขึ้นนั่งพร้อมกันทันทีที่ได้ยินเสียงนกหวีดค่ะ ฉันนั่งหอบหายใจเหมือนไปวิ่งรอบสนามมาร้อยรอบ ส่วนคุณผู้กองน้ำแข็งก็นั่งอึ้งอย่างกับถูกผีสิง เหมือนในหนังเป๊ะเลย หมอนี่คงพึ่งได้สติสินะ
“ระ..เราไปกันได้แล้วใช่ไหมคะ?”
“อืม” เขาลุกขึ้นยืน ฉันเองก็ลุกตาม แล้วเราก็เดินกลับไปที่จุดแรกที่แบ่งทีมกัน ฉันนั่งรอพวกเขาสรุปผล เสร็จแล้วพวกเราก็กลับไปที่เต็นท์กันทั้งหมด
(Luck talk)
“ขอบใจมากนะ”
“ไม่เป็นไรครับผู้กอง อยากกินอะไรเป็นพิเศษบอกได้นะครับ ตอนพวกผมมาฝึกชุดแรก ชุดสองยังคอยเอาอาหารมาส่งให้ตลอด”
“แต่ก็อย่าลืมล่ะ ปฏิบัติจริงมันเลือกกินให้ได้ดั่งใจแบบนี้ไม่ได้”
“จำเข้าสมองเลยครับ จะลืมสิ่งที่ผู้กองสอนได้ยังไงล่ะครับ”
“เดินทางกลับดีๆ ล่ะ”
“ครับผู้กอง”
“ช่วยถือข้าวแล้วไปแจกทุกคนหน่อย”
“ครับผู้กอง!”
ผมสั่งลูกน้องให้ช่วยกันถือข้าวไปแจกคนอื่นๆ ในหน่วย ส่วนผมก็ถือไปด้วยถุงนึง อ่า...ให้ตาย นึกถึงเรื่องเมื่อกี๊แล้ว...ผมขายหน้าชะมัด เชื่อไหมว่าตั้งแต่เมื่อวานที่ผายปอดให้พระพาย ในหัวผมมันก็เอาแต่นึกถึงริมฝีปากบางสีแดงระเรื่อนั่นตลอด แถมยังเอาไปนอนฝันทั้งคืน หรือเป็นเพราะว่าผมใกล้ชิดกับเธอมากเกินไป ผมไม่ได้ใกล้ผู้หญิงมานานมาก นับตั้งแต่ออกมาตอนปีสองได้มั้งครับ ตอนที่เปลี่ยนสายเรียนนั่นแหละ แต่ตอนที่เรียนอยู่ตอนนั้นก็ใช่ว่าผมจะใกล้ชิดกับพวกผู้หญิงนะ แค่คุยปกติไม่ได้คั่วหรือคบกับใครเลย และผมก็ไม่ได้ชอบไม้ป่าเดียวกัน! ผมแค่คิดว่าผู้หญิงขี้จุกจิกก็เท่านั้น ไม่น่าจะนำความสุขความสบายใจมาให้ ก็เลย...ไม่คิดจะเปิดใจให้ใคร
