แรกเจอ (2/2)
“วันนี้น้องรุ้งไม่ออกไปรับแขกอีกแล้วเหรอ?” พี่คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันถามขึ้น เธอกำลังเพ่งสมาธิอยู่กับการกรีดอายไลเนอร์แต่ก็ยังอุตส่าห์มาเป็นห่วงฉันอีก
“ไม่ล่ะค่ะ ถึงหนูจะอยากออกไปรับแขก แต่ก็คงไม่มีแขกคนไหนอยากอยู่กับหนูอยู่ดี” ฉันพูดยิ้มๆ ก่อนจะออกปากอาสาเป็นช่างแต่งหน้าให้เธอ
“เดี๋ยวหนูกรีดให้ดีกว่าค่ะพี่แป้ง”
“อ้อ โอเค…ขอบคุณมากจ๊ะ”
พี่แป้งหันหน้ามาทางฉันก่อนจะหลับตาลง ฉันแต่งแต้มสีสันลงบนใบหน้ารูปไข่อย่างบรรจง นางฟ้าทุกคนใน The angel’ s paradise มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่างพี่แป้งเนี่ย เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเซ็กซี่ซ่อนตัว แถมยังขี้อ้อนสุดๆ ลูกค้าประจำติดเธอแจเป็นสิบๆ คนเลยล่ะ
“พี่เสียดายหน้าสวยๆ ของรุ้งอ่ะ รุ้งน่าจะแต่งหน้าบ้างนะ”
“หนูเป็นบาร์เทนเดอร์นะคะ จะแต่งหน้าไปทำไม” ฉันพูดเสียงกลั้วหัวเราะพร้อมกับหยิบลิปสติกสีแดงสดมาทาปากให้พี่แป้ง “คืนนี้ขอให้ลูกค้าเปย์จนขึ้นเป็นอันดับหนึ่งเลยนะคะ!”
“โหย พี่ไม่กล้าหวังถึงขั้นนั้นหรอก แค่ไม่หลุดท็อปสิบก็พอแล้ว” พี่แป้งทำหน้าโอดโอยก่อนจะหันไปมองพี่อีกคนที่กำลังยืนหวีผมอยู่ “ใครจะไปล้มพัดชาได้ล่ะ”
“ฉันได้ยินนะยะยัยแป้ง” พี่พัดชาที่ถูกนินทาปากิ๊บติดผมใส่พี่แป้งพร้อมกับแยกเขี้ยว “เดี๋ยวเถอะ”
“อะไรอ่า ฉันชมแกนะพัด” พี่แป้งอมลมเข้าปากจนแก้มป่อง
“แต่ฉันไม่ชอบ!”
“ทำไมอ่ะ แกสวยจะตาย สวยมากๆๆๆ”
“อ๊าก หยุดนะ!!”
“…ฮะๆ” ทะเลาะกันอีกแล้วสองคนนี้
อันดับที่พี่แป้งพูดถึงคืออันดับของนางฟ้าประจำวันน่ะ ซึ่งอันดับจะเรียงจากนางฟ้าที่ทำเงินได้สูงสุด ไล่ลงมาจนต่ำสุดในแต่ละคืน พี่พัดชาคือนางฟ้าที่ได้อันดับหนึ่งมาห้าวันติด ส่วนพี่แป้งคือนางฟ้าที่ไม่เคยหลุดจากท็อปสิบเลยสักวัน คงไม่ต้องบอกหรอกเนอะว่าฉันอยู่อันดับไหน มันก็ต้องอันดับสุดท้ายอยู่แล้วสิ
สัดส่วนของรายได้นอกเหนือจากเงินเดือนที่พวกเราต้องได้อยู่แล้วจะอยู่ที่ผับ 30% และพวกเรา 70% ซึ่งถ้าไม่ใช่ราคาตามเมนูของทางผับ นางฟ้าจะสามารถเรียกเงินจากลูกค้าเท่าไหร่ก็ได้ตามความพอใจ ส่วนลูกค้าจะให้หรือไม่ให้ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจว่าอยากได้นางฟ้ามากแค่ไหน แน่นอนว่าพวกเราสามารถนอนกับลูกค้าได้ แต่สถานที่นั้นต้องไม่ใช่ในผับและมันจะต้องมาจากความยินยอมของทั้งนางฟ้าและลูกค้า
ฉันว่าพี่ลินแฟร์กับพนักงานมากเลยนะ จะมีนายจ้างที่ไหนให้สัดส่วนรายได้พนักงานได้ขนาดนี้อีกล่ะ
อีกเหตุผลที่พี่ลินไม่จำเป็นต้องสนใจเงินที่น่าจะมีค่ามหาศาลก็เพราะเธอรวยอยู่แล้วด้วยแหละมั้ง พี่ลินน่ะเป็นถึงหัวหน้าแก๊งมาเฟียเลยนะ ยิ่งใหญ่อย่าบอกใคร…
“น้องรุ้งคะ!!!”
กำลังนั่งไถทวิตเตอร์เพลินๆ จู่ๆ ก็มีพนักงานต้อนรับวิ่งเข้ามาในห้องพักของนางฟ้าด้วยท่าทางแตกตื่น ฉันมองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง
“ยังไม่ถึงเวลางานเลยนี่คะ”
“เปล่าค่ะ…แฮ่ก…พี่ไม่ได้จะตามน้อง…แฮ่ก…”
“พี่ปุ้มคะ ใจเย็นๆ ค่ะ” ฉันเดินเข้าไปจับไหล่ของเธอด้วยความเป็นห่วง “มีอะไรก็ค่อยๆ พูดนะคะ สูดหายใจลึกๆ …”
“พี่ลูกค้าต้องการพบน้องรุ้งค่ะ”
“…คะ!?!?”
“เขาต้องการพบน้องตอนนี้เลย”
“พะ พี่ไม่ได้ล้อหนูเล่นใช่มั้ยคะ?”
“จะล้อเล่นได้ยังไงคะ พี่เองก็ช็อกเหมือนกัน”
“….”
“พี่ยังไม่เคยเจอใครที่ถือแบล็กการ์ดกับทรัพย์สินเยอะเท่าเขาเลย พี่เกือบจะเป็นลมตอนเห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ เขาหล่อมาก หล่อเหมือนไม่มีอยู่จริง หล่อ…”
“รุ้งเชื่อแล้วค่ะว่าพี่พูดจริง” ฉันรีบพูดขัดพี่ปุ้มก่อนที่เธอจะสาธยายความหล่อเหลาของลูกค้าปริศนาไปอีกหนึ่งหน้าเอสี่ “บอกเขารอสักสิบห้านาทีได้มั้ยคะ? หนูต้องไปเปลี่ยนชุดกับแต่งหน้าก่อนน่ะค่ะ”
“ไม่ได้ค่ะ” พี่ปุ้มตอบเสียงหนักแน่น “เขาต้องการพบน้อง ‘ตอนนี้’ ”
“เลทสักห้านาทีก็ไม่ได้เลยเหรอคะ?”
“ตอนนี้น้องก็เลทมาห้านาทีแล้วค่ะ จะช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว” พี่ปุ้มพูดก่อนจะดันหลังฉันไปที่ประตู
“ตะ แต่หนูยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย…”
“ไม่ต้องเปลี่ยนแล้วค่ะ ลูกค้าคนนี้น่ากลัวมาก ถ้าน้องไปช้า พี่อาจจะถูกยิงตายเลยก็ได้นะคะ”
อะไรมันจะน่ากลัวขนาดนั้น
“เดี๋ยวค่ะพี่ปุ้ม!” พี่แป้งวิ่งไปขวางหน้าประตู เธอหมุนลิปสติกสีชมพูก่อนจะทาลงบนปากของฉัน “อย่างน้อยๆ ก็ควรจะทาปากก่อน…เรียบร้อย”
“….”
คือ…ฉันคิดว่าพี่แป้งจะมาช่วยฉันจากสถานการณ์บ้าบอคอแตกนี้
แต่เปล่าเลย…
“สู้ๆ นะน้องรุ้ง ขอให้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของคืนนี้จ้าาา”
…ไม่ช่วยแถมยังส่งเสริมอี๊กกก T___T
//
ฉันยืนอยู่หน้าห้องวีไอพีหมายเลขหนึ่งพร้อมกับคีย์การ์ดในมือ ส่วนพี่ปุ้มนั้นได้จากฉันไปไกลแล้ว พอเธอเดินมาส่งฉันเสร็จ เธอก็รีบวิ่งจู๊ดหนีไปเลย ตอนแรกฉันก็ไม่เข้าใจหรอกว่าเธอจะกลัวอะไรนักหนา แต่พอได้มาพบเจอกับตัวแล้ว…คำว่ากลัวคงจะน้อยไปด้วยซ้ำ
ผู้ชายร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทยืนขนาบสองข้างประตู ที่เอวของพวกเขามีปืนเสียบไว้อยู่เหมือนเป็นเครื่องประดับ ทั้งๆ ที่การครอบครองอาวุธปืนเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่พวกเขากลับโชว์มันอล่างฉ่างได้อย่างไม่เกรงกลัวแบบนี้ แสดงว่าคนที่อยู่ด้านหลังประตูจะต้องมีอำนาจบารมีค้ำฟ้าแน่นอน
“…เข้าไปได้เลยมั้ยคะ?”
ฉันตัดสินใจถามผู้ชายตาสีฟ้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะถ้าขืนต่างฝ่ายต่างเอาแต่เงียบก็คงไม่ต้องทำมาหากินกันพอดี
หงึกๆ
เขาพยักหน้าและหลีกทางให้ฉัน ฉันจึงใช้คีย์การ์ดแตะเซนเซอร์จากนั้นก็ผลักประตูให้เปิดออก
กลิ่นแรกที่ตีเข้ามาคือกลิ่นบุหรี่ ควันสีขาวอมเทาลอยคละคลุ้งทั่วห้องวีไอพีที่ราคาสูงที่สุดใน The angel’ s paradise และเมื่อควันจางหายไป ฉันก็ได้พบกับลูกค้าปริศนาคนนั้น
เขาเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าดุดันและเย็นยะเยือกดุจหมาป่า เรือนผมกับคิ้ว ดวงตาสีรัตติกาลที่ตวัดขึ้นมองฉันทำให้ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอโดยอัตโนมัติ เขายังไม่ได้ขยับเขยื้อนร่างกายด้วยซ้ำ แต่รังสีสังหารก็แผ่ซ่านออกมาจนแข้งขาของฉันอ่อนแรง ฉันเข้าใจแล้วที่พี่ปุ้มบอกว่าลูกค้าหล่อเหมือนไม่มีอยู่จริง…
…ผู้ชายคนนี้เหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดของจิตกรชั้นเอกยังไงยังงั้นเลย
“สวัสดีค่ะ”
“เข้ามาใกล้ๆ หน่อยสิ ฉันไม่ค่อยได้ยินเลย” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับขยี้บุหรี่ลงบนถาดแก้ว
ตึก ตึก ตึก
ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปหยุดอยู่ด้านข้างของโซฟาก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัด
“สวัสดีค่ะ”
“ไม่เห็นต้องตะโกนเลย เธอประชดฉันรึไง?”
“….”
“ล้อเล่นน่ะ”
“….”
เป็นการล้อเล่นที่เหมือนจริงมากที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา ฉันคิดว่าตัวเองจะถูกยิงแสกหน้าแล้วซะอีก!
“นั่งลงสิ”
ฉันทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายด้วยการหย่อนก้นลงนั่งข้างเขา และด้วยความที่ฉันไม่ได้รับแขกมานาน ฉันจึงเกร็งเป็นพิเศษ แล้วยิ่งแขกที่ว่าเป็นคนที่แค่ขยับตัวก็เหมือนสามารถทำให้ฉันตายได้ ฉันก็ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่
ฮือออ ฉันจะมีชีวืตอยู่จนถึงร้านปิดมั้ยเนี่ยย T^T
“เธอชื่ออะไร?”
“เรนโบว์ค่ะ”
“ชื่อจริงเหรอ?”
ชื่อในวงการย่ะ
“ใช่ค่ะ”
ส่วนมากนางฟ้าที่ The angel’ s paradise จะมีนามแฝงกัน เพราะเราไม่อยากให้เรื่องงานมาปนกับเรื่องส่วนตัว ซึ่ง ‘เรนโบว์’ ก็คือชื่อในวงการของฉันเอง ถึงจะเคยใช้มันแค่สองสามครั้งก็เถอะ
“โกหก”
ตึกตัก ตึกตัก
อะ อะไร ทำไมถึงจ้องฉันแบบนั้นล่ะ!?
“ปละ เปล่านะคะ มะ ไม่ได้โกหกค่ะ” แล้วทำไมฉันต้องเสียงสั่นด้วยเนี่ยย
“เธอโกหก”
“….”
“และฉันไม่ชอบคนโกหก” เขายกแก้วไวน์ขี้นจิบก่อนจะเหยียดยิ้มเย็น “เวลาเจอคนโกหกแล้วมันอยากชักปืนขึ้นมายิงทุกที”
อย่าว่าแต่จะมีชีวิตอยู่จนถึงร้านปิดเลย
เอาแค่ไม่ตายภายในห้านาทีนี้ได้ก็บุญแล้ว ทอรุ้งเอ๊ย!!!
