บท
ตั้งค่า

Chapter 9 ป่วยแล้วขี้อ้อน

(พี่คิง)

"พี่คิงขอกลับหอก่อนได้ไหม" น้ำผึ้งถามผมด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ทำเอาผมแทบหลุดขำตั้งแต่รู้จักกันมาพึ่งเคยเห็นเธอมีอาการแบบนี้เป็นครั้งแรก

"รีบกลับไปทำไม จะโดดเรียนเหรอหะ" ผมพูดเสียงดุยัยเด็กบ้านี่อีกแค่หนึ่งเดือนก็จะสอบปลายภาคแล้วยังริจะโดดเรียนอีกเหรอวะ

"เปล่าแต่น้ำผึ้งมีเรียนตอนสิบโมงเช้าจะหลับหอไปซักผ้า"เธอตอบเสียงเบามองหน้าผมเหมือนกลัวว่าผมจะไม่ให้ไป

"เอ่อๆ อยากไปก็ไป" ผมยกน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มแล้วพยักหน้าแบบส่งๆ ไป

"ขอบคุณค่ะ ไปก่อนนะพี่คิง" น้ำผึ้งรีบลุกขึ้นจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว จะรีบไปไหนขนาดนั้นแม่คุณ

"เดี๋ยว!" ผมรัดตัวยัยเตี้ยที่ชอบเดินเร็วเหมือนตัวเองขายาวนักทั้งๆ ที่เธอสูงแค่ร้อยหกสิบกว่าเองมั้งหรือจะไม่ถึงว่ะดูเตี้ยกว่าผมมาก

"มีอะไรอีกหะก็นายเป็นคนพูดอนุญาตให้ฉันไปได้แล้ว อย่ามากับคำนะ" นั้นไงเราสองคนคุยกันด้วยดีได้ไม่เกินห้าประโยคเหอะ ยัยนี่เป็นผู้หญิงประเภทชอบเถียงที่สุด

"เอากุญแจขับรถเป็นใช่ไหม" ผมหยิบกุญแจรถปอร์เช่คันสีเหลืองลูกชายสุดที่รักยื่นให้เธอจะได้ไปถึงหอเร็วๆ ไม่ใช่เดินช้าเป็นเต่ากว่าจะถึงจะกี่โมง

"ขับรถอ่ะขับเป็น แต่นายเอากุญแจรถของนายมาให้ฉันเพื่ออะไร" ยัยนี่ชอบพูดจาไม่รื่นหูผมเลย แม้งปล่อยให้เดินขาลากกลับหอพักดีไหมวะ ผู้หญิงห่าอะไรพูดคำหวานๆให้รื่นหูหน่อยก็ไม่ได้หรือไงวะ

"ก็เห็นว่าหอหญิงที่เธอพักมันไกลจากโรงอาหารเลยจะให้เอารถฉันขับกลับหอตอนเย็นเรียนเสร็จค่อยเอามาคืนฉันเข้าใจไหม" ผมหวังดีกับเธอนะทำไมมองหน้าผมด้วยสายตาไม่ไว้วางใจแบบนั้น

"ไม่เอาล่ะน้ำผึ้งเดินกลับหอเองได้ ถ้าเกิดขับรถพี่คิงกลับหอแล้วไปซนอะไรเข้ามีหวังซวยแน่ๆไม่มีตังจ่ายค่าซ่อมรถให้หรอกนะ" เธอส่ายหน้าจนเส้นผมตีใบหน้า เฮ้อผมได้แต่ถอดหายใจกับความดื้อด้านของยัยน้องดาวยั่ว ผมดูเป็นคนชอบขูดเลือดขูดเนื้อคนอื่นขนาดนั้นเลยเหรอวะเนี้ย ก็คิดว่าไม่นะครับ...

"เรื่องมากจังโว้ย! ถ้าฉันไปส่งเธอที่หอพักตอนนี้ ตอนกลับมาฉันจะไม่มีที่จอดรถเพราะตอนนี้จะแปดโมงแล้วคนเริ่มวุ่นวายจะเข้าเรียนกันเพราะงั้นขับไปเถอะ" ผมพูดกับเธอเสียงดุเมื่อเธอทำท่าจะเถียงผมไม่เลิก

"คุยอะไรกันเหรอครับไอ้พี่น้อง" เสียงหมาชอบเห่าหอนรบกวนประสาทของผมดังมาพร้อมกับจานข้าวสองจานเพราะไอ้เจมส์กับไอ้พะนายมันชอบแบ่งหน้าที่กันไปซื้อข้าวกับน้ำเป็นประจำ

"ก็ยัยนี่นะสิชอบเรื่องมากจะกลับหอใน กูจะให้ขับรถกูไปเพราะเห็นว่าหอหญิงมันอยู่ไกลจากโรงอาหารกลางมากแต่ยัยนี่ไม่ยอมจะเถียงท่าเดียววะไอ้เจมส์" ผมพูดด้วยความเริ่มจะไม่สบอารมณ์ ส่วนน้ำผึ้งเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้นเธอถึงกับถลึงตาใส่ผมอย่างเอาเรื่อง

"อ่อเข้าใจล่ะน้องไม่เชื่อฟังมึงเลยหงุดหงิด" ไอ้เจมส์วางจานข้าวลงแล้วนั่งลงข้างๆ ผมพยักหน้าเข้าใจ แล้วมองน้ำผึ้งก่อนที่มันจะพูดกับเธอจนยัยจอมดื้อถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันที

"น้องน้ำผึ้งครับ พี่เจมส์จะบอกอะไรให้นะครับน้องอย่าไปขัดใจมันเลยขับๆ ไปเถอะครับ ขนาดปอร์เช่ลูกรักมันยังไม่ห่วงเท่าน้องเลย งี้แหละคนมันหลง..." น้ำผึ้งถึงกับทำหน้าเหวอๆ มองไอ้เจมส์เหมือนอยากจะด่ามันให้ไฟแลบเหมือนที่เธอชอบด่าผม ตอนที่ผมชอบพูดจาหมาๆ กับเธอ แต่เธอไม่ได้สนิทกับไอ้เจมส์เลยได้แต่อึ้ง

"อ้าวพวกมึงมีเรื่องอะไรกันอีกวะ"ไอ้พะนายที่พึ่งไปซื้อน้ำมาเดินเข้ามานั่งฝั่งเดียวกับน้ำผึ้งแล้วถามพวกเราพร้อมมองด้วยความสงสัย ไอ้พวกเพื่อนชอบเผือกมันมาได้จังหวะเสมอเลยโว้ย

"ไอ้คิงมันห่วงเมีย...อุ๊ย!ลืมตัวพูดผิดพี่ขอโทษนะครับน้องน้ำผึ้ง พอดีไอ้คิงมันเป็นห่วงน้องรหัสมันนั่นแหละเลยจะให้ขับน้องปอร์เช่ลูกรักของมันกลับหอแต่ว่าน้องน้ำผึ้งเขาไม่ยอมก็อย่างที่มึงเห็นไอ้นาย" ไอ้เจมส์พูดโคตรกวนตีนน้ำผึ้ง ถ้าเธอสนิทกับมันผมไม่อยากจะคิดสภาพไอ้เพื่อนรักของผมเลย

"รีบไปเถอะครับน้องน้ำผึ้ง เดี๋ยวรถติดขับออกไปยากนะครับใกล้เวลาจะเข้าเรียนคนเริ่มเยอะแล้วนะ" ไอ้พะนายพูดกับน้ำผึ้้งมันยิ้มบางๆ ให้กับเธอ เดี๋ยวนะมึงไอ้เพื่อนรักมึงไม่คิดจะเกรงใจกูที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้เลยเหรอเอ่อ...พี่รหัสอย่างผมเลยหรือยังไง ยัยน้องดาวยั่วนี่ก็อีกคนพอเจอคำพูดแสนจะสุภาพห่าเหวของไอ้นายเข้าไปทำไมเธอต้องทำหน้าเคลิ้มขนาดนั้นด้วยวะน้ำผึ้งโว้ยรำคาญลูกตา

"รีบไปเลยยัยดาวยั่วยืนนิ่งทำอะไรอยู่วะ" ผมตะคอกน้ำผึ้งขึ้นมาเสียงดัง ยัยดาวยั่วที่กำลังเหม่อเพราะหลงคารมไอ้เพื่อนบ้าของผมอยู่ เธอถึงกับสะดุ้งจนตัวโย่

"ทำไมต้องเสียงดังใส่ด้วย!ไอ้พี่คิง" พอได้สติเธอก็หันมาด่าผมก่อนจะสะบัดผมของเธอจนเส้นผมของเธอตีเข้าเต็มใบหน้าของผมเจ็บโคตร มันไม่ได้เคลิ้มเหมือนมิวสิกวิดีโอเพลงขายแชมพูที่พระเอกทำหน้าเคลิ้มหอมกลิ่นผมนางเอกนะครับ มีแต่ความแสบบนใบหน้าที่ยัยดาวยั่วทิ้งเอาไว้ก่อนเจ้าตัวจะเดินเชิดหน้าชูคอออกไปจากโรงอาหารแม้ง

"หอมไหมวะผมน้องรหัสมึงไอ้คิงงง"เสียงเห่าหอนของไอ้เพื่อนรักดังขึ้นอีกรอบหลังจาก พวกเรามองส่งน้ำผึ้งจนสุดสายตากันแล้วกลับมานั่งที่โต๊ะกินข้าวพร้อมกัน

"เหม็น!อี๋สงสัยยัยบ้านั้นไม่สระผม" ผมตอบมันไปแล้วทำหน้าตาไม่โอเค

"อ่อเหรอครับเพื่อน แต่กูเห็นสายตามึงมองน้องเขาตาละห้อยเหมือนหมาเสียดายกระดูกเลยนะ" ไอ้เจมส์เบ้ปากใส่ผมแล้วจัดการกินข้าวของมันอย่างรวดเร็วเพราะมันเริ่มจะรีบแข่งกับเวลาก่อนที่จะเข้าเรียนแปดโมงครึ่งเหมือนกันกับผม

"มึงจริงจังหรือแค่แกล้งน้องเขาเล่นๆ วะไอ้คิง" ไอ้พะนายถามผมขึ้นมาหลังจากที่ไอ้เจมส์เงียบจมหายไปกับจานข้าวของมันอย่างหิวโหย

"ไม่รู้วะ..." ผมก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าคิดยังไปกับน้ำผึ้งกันแน่ บางที่ก็รู้สึกเอ็นดูน้ำผึ้งอยากแกล้งเธอเล่นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง แต่บางทีผมก็รู้สึกหวงเธออย่างควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่อยู่

"เอ่อคิดดีๆ นะมึงทำตัวติดกันกับน้องเขาขนาดนี้ระวังบรรดาสาวๆ มึงหันมาเล่นงานน้องน้ำผึ้ง กูไม่อยากจะคิดเลย..." ไอ้พะนายพูดอย่างจริงจังเพราะมันเป็นคนที่จริงจังและดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่มแล้ว ซึ่งต่างกับผมกับไอ้เจมส์ที่ชอบเถียงกันเป็นเด็กๆ

"เอาเป็นว่ายัยนั้นเป็นน้องสาวที่กูเอ็นดูมากตอนนี้" ผมตอบมันอย่างที่ตัวเองคิดและมั่นใจ

"ครับไอ้พี่น้อง!!" ไอ้พะนายกับไอ้เจมส์พูดขึ้นมาพร้อมกัน เมื่อผมพูดจบประโยค พวกมันมองหน้าผมอย่างเอือมระอาแล้วก็ชวนผมเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องทั่วๆ ไปของผู้ชาย

(น้ำผึ้ง)

ตอนนี้ฉันนั่งเกร็งอยู่หลังพวงมาลัยของรถหรูราคาแพง ไอ้การขับรถฉันก็พอจะขับได้ แต่ตั้งแต่เกิดมาฉันพึ่งจะเคยขับรถหรูเป็นครั้งแรกในชีวิต ความวิตกเกิดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

"หายใจเข้าลึกๆ ไว้น้ำผึ้ง แกขับรถเป็นอยู่แล้ว แค่ปกติเป็นรถญี่ปุ่น แต่วันนี้ดันโชคดีได้ลองขับรถหรูเป็นบุญของแกแล้ว ไม่ขับวันนี้ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีโอกาสขับอีกเมื่อไหร่นะ" ฉันได้แต่บอกตัวเองเสียงดังลั่นภายในรถหรูของไอ้พี่คิง

ฉันตัดสินใจสตาร์ทรถแล้วขับออกจากลานจอดรถด้วยสองมือที่สั่นเหมือนผีเข้า

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนกันแต่น้องปอร์เช่สีมินเนี่ยนพาร่างกายฉันมาถึงหอโดยครบสามสิบสองไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆ เอ่อแต่มีเสียงบีบแตรไล่เพราะฉันขับช้าเป็นเต่าตลอดทางเอง

"เฮ้อถึงซะทีบ้าไปแล้วน้ำผึ้งนี่แกขับรถมาหรือเดินเท้ามาหอวะเนี้ยใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง..." ฉันมองนาฬิกาด้วยความตกใจพึ่งรู้ว่าตัวเองขับรถช้ามากจริงสมควรแล้วที่โดนบีบแตรไล่ตลอดทางเฮ้อ

ตอนนี้สติเริ่มกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วฉันก้าวลงจากรถด้วยความมั่นใจทุกสายตาต่างมองมาที่ฉัน เพื่อนในหอที่พอจะรู้จักกันถึงกับทำตาโตด้วยความตกใจที่อยู่ๆ ฉันก็ดูเป็นพวกลูกคนรวยขึ้นมาพวกเธอจะด่าฉันดูจนสินะย่ะดูจากสายตาคนในหอที่มองมาแล้วทำไมคนสมัยนี้ชอบดูคนแค่ภายนอกจังนะพอเราดูจนก็มองด้วยสายตาดูถูกแต่พอดูรวยขึ้นมาก็มองด้วยสายตาอิจฉา

"อ้าวน้ำผึ้ง!เรียนเสร็จแล้วเหรอ" หนุงหนิงเดินออกมาจากในหอทักฉันที่กำลังเดินบ่นอยู่คนเดียวได้สติขึ้นมา

"เปล่าหรอกน้ำผึ้งไปกินข้าวมาจ้าพอดีมีเรียนบ่ายโมงไม่รีบ นี่ว่าจะกลับมาซักผ้าไว้ก่อนไปเรียน" ฉันยิ้มให้เธอที่วันนี้มองฉันด้วยสายตาแปลกๆ จนฉันรู้สึกได้

"เมื่อคืนแกไม่ได้นอนหอเหรอน้ำผึ้ง" หนุงหนิงมองฉันอย่างรอคำตอบทำเอาฉันรู้สึกร้อนตัวขึ้นมาทั้งที่ความจริงฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนะทำไมต้องมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นด้วยค่ะเพื่อน

"เอ่อคือว่าเมื่อคืนเรากลับไปนอนบ้านอ่ะแก" ฉันยิ้มบางๆ ให้เธอความจริงฉันก็ไม่อยากปิดบังเพื่อนหรอกนะแต่ฉันไม่กล้าเล่าให้เธอฟังกลัวเพื่อนใหม่มองฉันในทางที่ไม่ดี

"อ่อจ้าที่หนิงถามเพราะเมื่อคืนหนิงไปเคาะประตูห้องน้ำผึ้งว่าจะขอยืมคอมเพราะเมื่อคืนทำรายงานอยู่ดีๆ คอมหนิงก็ค้างแต่เคาะเรียกตั้งนานน้ำผึ้งก็ไม่เปิดเลยเป็นห่วงไลน์ถามก็ไม่ตอบนึกว่าจะเป็นอะไร" หนุงหนิงจับมือฉันเอาไว้อย่างเป็นห่วงฉันเลยเบาใจนึกว่าเธอไปรู้เรื่องที่ฉันไปนอนคอนโดไอ้พี่คิงซะอีกฉันนี่ก็ร้อนตัวจนเป็นพิรุธไปเอง

"น้ำผึ้งไม่เป็นอะไรจ้าสงสัยแบตหมดเลยลืมชาร์จเอ่อถ้าอย่างนั้นเราไปซักผ้าก่อนนะเดี๋ยวจะเสร็จไม่ทันก่อนเข้าเรียน"

"โอเคบ่ายๆ นะ" แล้วหนุงหนิงก็แยกไปเรียนส่วนฉันก็ต้องรีบทำเวลาเดี๋ยวจะเข้าเรียนสายเพราะมัวแต่ลีลาจนซักผ้าไม่เสร็จ

สามวันต่อมา...

หลังจากวันที่ฉันขับรถไอ้พี่คิงมาหอ ชื่อของน้ำผึ้งดาววิศวะก็ดังกระฉ่อนไปทั่วมหาลัย มีทั้งเรื่องที่ดีเกี่ยวกับตัวฉันและเรื่องไม่ดีที่มาจากปากต่อปากซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นต้นต่อที่ปล่อยข่าวของฉัน

ไม่ว่าฉันจะอยู่จุดไหนก็เป็นหัวข้อของบทสนทนาของผู้คนในมหาลัย บางวันมีเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันแต่ไม่เคยทักฉันก็เข้ามาถามว่าฉันเป็นแฟนกับไอ้พี่คิงเหรอถึงได้ขับรถเขาและอีกหลายคำถามที่เกี่ยวกับไอ้อดีตเดือนวิศวะปีที่แล้ว ทุกคนเข้ามาถามฉันจนฉันรู้สึกอยากด่าให้กระเจิงจริงๆ เลยโว้ยรำคาญแทบจะไม่มีเรื่องไหนเป็นเรื่องจริงเลยพอฉันอธิบายให้พวกเธอฟังก็มองเหมือนฉันเป็นพวกชอบแก้ตัว

เหอะ!โทรศัพท์นี่ก็โทรเข้ามาถี่จังเลยวะ ถ้าชีวิตจะว่างอะไรขนาดนี้เอาเวลามาแก้ข่าวของฉันกับเขาให้คนทั้งมหาลัยเข้าใจดีกว่าไหมวะไอ้พี่คิง

"นี่จะโทรมาอะไรกันนักกันหนาหะไอ้พี่คิง" ฉันถามเขาอย่างรำคาญเต็มทน วันนี้แทบจะทั้งวันไอ้พี่คิงไม่โผล่หน้ามาให้ฉันเห็นเลยถึงตัวของเขาจะไม่มาแต่โทรศัพท์โทรเข้ามาทุกๆ ห้านาทีเลยไอ้พี่คิงถ้าอยู่ใกล้ๆ ฉันจะปาโทรศัพท์ใส่หน้าเขาแรงๆ สักที คนบ้าอะไรฉันทำแล็บอยู่ก็โทรมาอยู่ได้เกือบโดนอาจารย์ยึดโทรศัพท์แล้วไหม

"แค่กๆ ...ซื้อยาแก้ไข้กับโจ๊กเข้ามาให้หน่อย" เสียงแหบแห้งของปลายสายทำให้ฉันสะงักคำด่าทั้งหลายในปากหยุดเอาไว้ก่อน สมองกำลังประมวลคำพูดของไอ้พี่คิงนี่เขากำลังไม่สบายอยู่เหรอ

"พี่คิงป่วยเหรอ" ฉันถามเขา ถึงจะถามอย่างนั้นแต่ฟังจากเสียงแหบแห้งของเขาก็รู้ว่าป่วยจริงๆ ไม่น่าจะหาเรื่องอะไรมาแกล้งฉันเหมือนเคย

"อืมเร็วๆ นะหนาวจะไม่ไหวแล้วเหมือนไข้จะขึ้น" เขาพูดเสียงแหบแห้งจนฉันแทบจะแปลประโยคไม่ออกว่าเขาต้องการสื่ออะไร

"ไม่ต้องซื้อแล้วยากินเองไปหาหมอเถอะ" เขาจะบ้าเหรอถ้าเกิดกินยามั่วซั่วเข้าไปเกิดช็อกขึ้นมา ฉันไม่โดนข้อหาวางยาฆ่าคนตายเลยเหรอ

"บอกให้ซื้อก็ซื้อเข้ามาเถอะ" แล้วไอ้พี่คิงมันก็ซิงตัดสายใส่ฉันเฉยเลย ไอ้พี่บ้าปล่อยให้นอนป่วยตาอยู่คอนโดเป็นผีดีไหมชอบตะคอกใส่ฉันตลอด

ถึงจะบ่นเขาแต่อีน้ำผึ้งก็โบกแท็กซี่ที่กำลังผ่านมาให้ไปส่งที่คอนโดไอ้พี่คิงเหมือนเดิมเฮ้อเบื่อความเป็นคนดีของตัวเองจังเลยน้ำผึ้ง

คอนโดพี่คิง

ฉันยืนกดกริ่งรอให้คนป่วยมาเปิดประตูให้ในมือถือถุงอาหารสดที่ซื้อมาจากห้างใกล้ๆ คอนโดเนี้ยแหละจะมาทำข้าวต้มให้เขาเองเพราะตอนนี้มันบ่ายสามครึ่งมีร้านโจ๊กร้านไหนเปิดตอนนี้บ้างล่ะ

"มาแล้วเหรอ..." ประตูเปิดออกกว้าง ฉันมองร่างสูงที่ยืนโครงเครงเหมือนจะทรงตัวไม่ไหวจนเขาต้องเอามือพยุงบานประตูเอาไว้ ใบหน้าขาวเนียนใสอย่างกับใบหน้าผู้หญิงดูซีดมากกว่าปกติ ริมฝีปากแห้งแตกเหมือนคนขาดน้ำมานาน

"พะพี่คิงแน่ใจนะว่าจะไม่ไปหาหมอจริงๆ" ฉันรีบเอาถุงอาหารวางเอาไว้ข้างในห้องแล้วเข้าไปพยุงตัวพี่คิงเอาไว้ก่อนที่เขาจะล้มลงไปนอนบนพื้นห้อง พอฉันแตะตัวของเขาอุณหภูมิที่สูงจากร่างกายของเขาถ่ายเทมาให้ฉัน ตัวของเขาร้อนจนฉันกลัวว่าเขาจะซช็อกเพราะพิษไข้

"อืมไม่ไปหาหมอนะครับ...ซื้อยามาด้วยใช่ป่ะ" เขาพยายามฝืนดวงตาที่กำลังจะปิด มองฉันขนาดตัวที่ต่างกันมากของเราสองคนทำให้ฉันถึงกับเชจนเกือบพาทั้งร่างของตัวเองและไอ้คนป่วยล้มลงไปกองกับบนพื้น

"อะอืมซื้อมาแล้ว พี่คิงไปนอนบนโซฟาก่อนนะ" ฉันใช้แรงที่ตัวเองมีทั้งหมดพยุงร่างของพี่คิงไปนอนบนโซฟาเหมือนเมื่อกี้ฉันหูฝาดที่ได้ยินคำพูดเหมือนจะออดอ้อนของไอ้พี่คิงทำเอาฉันรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที เพราะร้อยวันพันปีพี่แกเคยอ้อนฉันที่ไหนล่ะ

"ครับ พี่ไม่ไปหาหมอนะน้ำผึ้ง" เขานอนลงตามที่ฉันจัดโซฟาให้เขา ฉันที่กำลังจะไปเอายามาให้เขากินโดนดึงข้อมือเอาไว้ สายตาของไอ้พี่คิงมองฉันมันดูอ้อนเหมือนเด็กชายตัวน้อยๆ กำลังอ้อนขอขนมแต่ทำไมฉันต้องเขินกับสายตาของเขา

"อะเอ่อไม่ไปก็ไม่ไป ปะปล่อยมือก่อน" มือหนาค่อยๆ คลายออกจากข้อมือของฉันดวงตาของเขาเริ่มจะปิดลงแต่ทำไมรู้สึกว่าอุณหภูมิบนใบหน้าของฉันร้อนขึ้นกว่าคนป่วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel