Chapter 10 ทิ้งน้องไว้กลางทาง
"พี่คิงอย่าพึ่งหลับนะตื่นมากินแซนด์วิชทูน่ารองท้องก่อนนะ แล้วจะได้กินยาลดไข้" ฉันเขย่าตัวของคนป่วยให้ตื่นมากินยาลดไข้ก่อนที่เขาจะหลับ เพราะถ้าให้เขารอฉันทำข้าวต้มเสร็จแล้วค่อยกินยามีหวังช็อกเพราะพิษไข้แน่ๆ ตัวร้อนเป็นไฟขนาดนี้
"ไม่กินแซนด์วิชได้ไหม พี่รู้สึกไม่มีแรงเลยครับน้ำผึ้ง" เสียงแหบแห้งแต่ฟังแล้วอ่อนโยนของพี่คิงทำให้ฉันยืนอมยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนคนไม่มีสติ
"กินแซนด์วิชทูน่าสักคำก่อนนะ ถ้ากินแต่ยาลดไขมันจะกัดกระเพาะ" ฉันประคองร่างสูงให้นั่งพิงโซฟา แล้วเอาแซนด์วิชจ่อปากหน้าที่ทั้งแห้งแตกและซีกเชียว พี่คิงมองนิดหนึ่งก่อนที่เขาจะอ้าปากกินแซนด์วิชทูน่าที่ฉันป้อนเขา ฉันมองเขาเคี้ยวแซนด์วิชโดยไม่ได้พูดอะไรอย่างร่องรอย
"พะ...พี่คิงทำอะไร มาดูดนิ้วน้ำผึ้งทำไม!" สติฉันกลับมาเมื่อรู้สึกเย็นๆ ที่นิ้วชี้ พอมองดูก็เห็นนิ้วมือของฉันโดนไอ้พี่คิงดูดแล้วเอาลิ้นดุนเล่น นี่เขากำลังป่วยจริงหรือแกล้งจะล่อลวงฉันมาทำลามก
ฉันตะคอกใส่ไอ้พี่คิงหมดแล้วโมเมนต์ที่น้องเขินตอนนี้เริ่มจะโกรธแล้วนะเผลอเป็นไม่ได้ไอ้พี่คิง
"เอ่อพี่ขอโทษไม่ได้ตั้งใจ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งจนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง
"เฮ้อนี่เห็นว่าป่วยอยู่นะ จะยอมให้อภัยในสิ่งที่ทำเมื่อกี้ ถ้ามีอีกน้ำผึ้งจะกลับแล้วปล่อยให้พี่คิงนอนป่วยตายเป็นผีเฝ้าคอนโด" ฉันตะคอกใส่เขา เห็นโหดๆ เอาเรื่องไม่คิดเลยว่าจะเป็นพวกลามกเพิ่มในนิสัยอีกไอ้พี่คิง
"อย่าทิ้งพี่ให้อยู่คนเดียวนะครับน้ำผึ้ง" เขามองฉันด้วยสายตาอ้อนวอนเหมือนกลัวจะโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวจริงๆ มองน้องแบบนี้ความโกรธเมื่อกี้หายไปทันที ทำไมแกต้องมาใจอ่อนกับสายตาซึมๆ ลงตรงหน้าด้วยน้ำผึ้งฉันได้แต่ด่าตัวเองในใจ ฉันหยิบเอาปรอทวัดไข้ดิจิตอลมาอ่านวิธีใช้ แล้วจัดการวัดไข้ให้พี่คิงก่อนค่อยจัดยาที่เภสัชร้านขายยาแนะนำมาให้เขาท่าน
"วัดไข้ก่อนนะพี่คิง เดี๋ยวจะได้รู้ว่ากินยาเข้าไปแล้วไข้จะลดไหม" พออ่านวิธีวัดไข้จนเข้าใจแล้วน้ำผึ้งขอเป็นคุณหมอจำเป็นหนึ่งก็แล้วกันนะ
"ยกแขนขึ้นพี่คิง" ฉันบอกคนป่วยที่ดูจะไม่มีแรงจะยกแขนขึ้นให้ฉันวัดไข้ทางรักแร้ จนตัวเองต้องช่วยเขายกแขนขึ้นแล้วเอาปรอทวัดไข้ดิจิตอลให้เขาหนีบเอาไว้ใต้รักแร้เพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย
"โอ้โหอุณหภูมิร่างกายปา40องศาเซลเซียสจะช็อกตายได้จริงนะ" พอครบหนึ่งนาทีฉันก็เอาเครื่องวัดอุณหภูมิมาดูแต่ด้วยอุณหภูมิร่างกายของพี่คิงสูงถึงสี่สิบองศา ทำให้ฉันตกใจจนต้องร้องขึ้นมาเสียงดัง
"แค่กๆอย่ามาแช่งพี่สิครับน้ำผึ้ง" เสียงก็แทบจะไม่มี เขายังพยายามจะดุฉันอีกนะไอ้พี่โหด
"แฮ่ะๆขอโทษพอดีตกใจจนลืมตัว พี่คิงกินยาก่อนนะเดี๋ยวเกิดไข้ขึ้นมาอีกจะช็อกจริงๆ" ฉันรีบจัดแจงเอายาลดไข้ให้ร่างสูงที่ทำท่าจะหลับอีกครั้งท่าน พอพี่คิงกินยาและดื่มน้ำเสร็จฉันก็ประคองร่างสูงให้ลงไปนอนบนโซฟาในท่าที่สบายร่างกายมากขึ้น โชคดีที่คอนโดของเขาใหญ่มาก ทำให้โซฟาที่ห้องรับแขกใช้สำหรับนอนหลับได้สบายๆ ไม่ต้องนอนขดตัวจนปวดเมื่อย เฮ้ยพูดแล้วก็อิจฉาในความเกิดมารวยของไอ้พี่คิง ตอนนี้คนป่วยได้หลับไปแล้วเพราะพิษไข้สูงที่ทำให้ตาปิดลงพร้อมกับลมหายใจเสม่ำเสมอของเขา
(ห้องครัว)
ฉันกำลังเอาอุปกรณ์ทำข้าวต้มหมูสับ บอกเลยว่าเป็นโชคดีของไอ้พี่คิงที่จะได้กินข้าวต้มฝีมือฉันเพราะว่าฉันไม่เคยทำอาหารให้คนอื่นกินนอกจากพ่อแม่ เขาจะเป็นคนแรกที่จะได้กินข้าวต้มฝีมือน้ำผึ้ง ฉันเปิดเพลงในโทรศัพท์ฟัง เริ่มลงมือทำข้าวต้มให้คนป่วย นำรากผักชีที่หันเป็นชิ้นๆ พร้อมกับกระเทียมไทยและพริกไทยเม็ดโขลกเข้าด้วยกันจนส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกันแล้วพักไว้ ตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย พอน้ำมันร้อนก็นำรากผักชี กระเทียมไทย พริกไทย ที่โขลกเตรียมไว้ใส่ลงไปผัดให้หอมผัดไปเรื่อยๆ จนมีกลิ่นหอมลอยขึ้นมาติดจมูกแสดงว่าได้ที่แล้ว นำกระดูกหมูอ่อนที่ซื้อมาล้างน้ำให้สะอาดใส่ลงไปผัด ผัดให้กระดูกหมูเริ่มตึงๆ เป็นเนื้อขาวๆ แต่ไม่สุก เริ่มปรุงรส ใส่ซอสปรุงรส3ซ้อนโต๊ะ น้ำมันหอย1ซ้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย1/2ซ้อนโต๊ะ เกลือป่น1ซ้อนโต๊ะ แล้วก็ผัดให้เข้ากันใช้ไฟอ่อนตั้งเคี่ยวไว้สักครู่เพื่อให้น้ำและกระดูกหมูเข้ากัน แล้วจากนั้นใช้หม้ออีกใบตั้งบนเตาใส่กระดูกหมูที่ผัดเอาไว้ ใส่ลงไปแล้วเปิดไฟ เติมน้ำเปล่า4ถ้วยแกงลงไปในหม้อ เพิ่มเท้าที่หั่นเป็นวงกลมลงไป ต้มด้วยไฟอ่อนนาน50นาทีจนกระดูกหมูเปื่อย ระหว่างตุ๋นมีฟองแล้วก็น้ำมัน ใช้ซ้อนตักฟองออกน้ำซุปจะได้สีใส พอกระดูกหมูเปื่อยนุ่มได้ที่แล้วตักขึ้นพักไว้ จากนั้นใส่ข้าวหอมมะลิที่หุงสุกแล้วนำลงไปต้มกับน้ำซุป ใส่กระดูกหมูตุ๋นที่พักไว้ใส่ลงไปในหม้ออีกครั้ง คนให้เข้ากันแล้วปิดไฟ เสร็จเรียบร้อยแล้วตักขึ้นใส่ถ้วยโรยหน้าด้วยต้นหอมซอยเป็นชิ้นบางๆ ผักชี พริกไทย กระเทียมเจียว และขาดไม่ได้เลยคือขิงสดหั่นเป็นฝอยเพราะมีสรรพคุณแก้หวัดได้เหมาะแก่คนป่วยที่นอนซมเพราะพิษไข้อยู่บนโซฟาในห้องรับแขก
ฉันหยิบโทรศัพท์มาปิดเพลงเมื่อทำข้าวต้มหมูกระดูกอ่อนเสร็จเรียบร้อย มองดูเวลาบนหน้าจอพบว่าตอนนี้เป็นเวลาทุ่มครึ่งแล้วมาตั้งแต่บ่ายสามโมงครึ่ง เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงครึ่งคนป่วยน่าจะตื่นแล้วนะ
"พี่คิงตื่นขึ้นมาทานข้าวต้ม ไหนพี่บอกอยากกินไง" ฉันเขย่าร่างสูงให้รู้สึกตัวเขาลืมตาขึ้นมามองฉันสีหน้าของเขาเริ่มมีเลือดฝาดหลังจากกินยาลดไข้แล้วนอนหลับไปสามชั่วโมง
"ทำเสร็จแล้วเหรอ" เขาถามฉันด้วยน้ำเสร็จติดจะอู้อี้อย่างคนพึ่งตื่นนอน
"น้ำผึ้งทำเสร็จแล้ว รับรองอร่อยจนต้องขอเบิร์นถ้วยที่สอง"ฉันพูดอย่างภูมิใจกับฝีมือตัวเอง แต่สายตาของไอ้พี่คิงกับมองอย่างดูถูก พอเริ่มจะสร่างจากไข้วิญญาณไอ้พี่โหดมันก็กลับเข้าร่างเหมือนเดิมเลยนะ
"แน่ใจว่าจะกินได้นะ" ไอ้พี่คิงยิ้มอย่างดูถูกฉันโอ๊ยใครก็ได้เอาไอ้ผู้ชายที่พูดจาไพเราะชวนให้รู้สึกเขินเมื่อเกือบสี่ชั่วโมงที่แล้วกลับมาทีเถอะ น้องขอร้อง
"เอ่อถ้าไม่กินจะเอาไปเทให้หมาข้างล่างคอนโดกิน" โกรธจริงๆ นะคนอุตส่าห์ตั้งใจทำอย่างดีตั้งหลายชั่วโมงพอเจอคำพูดแบบนี้มันน่าร้องไห้ไหม
"อะเอ่ออย่านะโว้ย ไหนๆก็ทำแล้วอยู่ไหนหิว" ไอ้พี่คิงมีสีหน้าตกใจเมื่อฉันทำท่าจะเดินเอาข้าวต้มออกไปจากห้องจริง
"เหอะถ้ากลัวว่าจะไม่อร่อยก็ไม่ต้องกิน" ฉันมองเขาอย่างโกรธๆ
"จะกิน!" แล้วไอ้พี่คิงก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัวที่มีโต๊ะอาหารอยู่ ฉันเดินตามเขาเข้าไปในห้องครัวเพราะตัวเองก็หิวเหมือนกันมัวแต่ทำอาหารแต่ตัวอีคนทำยังไม่มีอาหารตกถึงท้องตั้งแต่เที่ยง
"น้ำผึ้งทำไมถ้วยฉันมันมีขิงสดวะแล้วถ้วยเธอทำไมไม่มี" ไอ้พี่คิงมองหน้าฉันแล้วก็ก้มมองถ้วยตัวเองสลับถ้วยของฉัน
"อ้าวก็น้ำผึ้งไม่ได้ป่วย พี่คิงป่วยต้องกินเข้าไปมันแก้หวัดได้ดีนะ" ฉันยิ้มให้กับไอ้คนเริ่มหายป่วยกลับมาปากหมาเหมือนเดิม
"แต่ฉันไม่กินขิงโว้ย!" เขาพูดเสียงดังแต่เสียงมันไม่มีเลยกลายเป็นเหมือนเสียงเป็ดฮ่าๆ ตลก
"อย่ามาทำนิสัยเหมือนเด็กนะไอ้พี่คิงกินๆ เข้าไปเลยห้ามเขี่ยทิ้ง ถ้าไม่ฟังกันจะยกไปเททิ้งไม่ต้องกิน" ฉันจ้องหน้าเขาเขม็งเพราะไอ้คนเกือบหายป่วยแต่ยังมีไข้มันกำลังเขี่ยขิงสดทิ้งไว้ข้างถ้วยข้าวต้มของตัวเองเหมือนเด็กที่ชอบเขี่ยผักทิ้ง
"ก็มันไม่ชอบนี่หว่า ทำไมบังคับจังวะตกลงใครกันแน่ที่อายุเยอะกว่ากัน"ไอ้พี่คิงหยุดเขี่ยขิงสดแล้วหันมาเอาเรื่องฉัน
"นั่นแหละที่สงสัยใครกันแน่ที่อายุมากกว่าเพราะพี่คิงชอบพูดไม่รู้เรื่องจนน่ารำคาญ”
"ยัยดาวยั่ว!" เขาตะคอกฉันเสียงดัง
"จะกินไม่กินถ้าไม่กินจะเอาไปเททิ้งแล้วนะ" ฉันไม่ได้ขู่นะพูดจริงทำจริงไม่โกหกฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้แต่ไอ้พี่คิงจับมือเอาไว้ก่อน
"กินแล้วๆ ไม่เอาทิ้งนะ" เขาพูดเสียงอ่อน
"อร่อยใช่ไหม" ฉันนั่งลงตักข้าวต้มกินหนึ่งคำแล้วถามไอ้พี่คิงยิ้มๆ เพราะไอ้คนเริ่มหายป่วยกำลังตักข้าวต้มใส่ปากแบบแทบจะไม่เคี้ยวเพราะมันกินเร็วมาก
"ก็พอกินได้!"
"แน่ใจ" ฉันจับมือที่กำลังจับซ้อนตักข้าวต้มเข้าปากหยุดกลางอากาศ มองจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
"เอ่ออร่อยก็ได้อร่อยมากครับ" ฉันถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเพราะตลกกับท่าทางของไอ้พี่คิงที่กลัวว่าฉันจะเอาข้าวต้มไปเททิ้ง ถ้าเขาตอบคำถามไม่เข้าหูคนทำ
1 ชั่วโมงผ่านไป
"พี่คิงกลับหอก่อนนะ" ฉันล้างทำความสะอาดเครื่องครัวเสร็จเรียบร้อยและตอนนี้กำลังสะพายกระเป๋าเตรียมจะกลับหอตัวเอง
"จะไม่นอนนี้เหรอ"
"ไม่จะรีบกลับไปทำการบ้าน" ไอ้พี่คิงขมวดคิ้วมองฉันเหมือนไปอะไรผิดมา
"แล้วฉันล่ะ" อ้าวไหงเขาถามเหมือนกำลังจะถูกฉันทิ้ง
"พี่คิงกินยาแล้วก็รีบเข้านอนนะ" ฉันยิ้มให้เขาแล้วเตรียมเดินออกไปจากห้อง แต่ไม่ทันจะได้ก้าวขา เขาก็เดินมาประชิดตัวฉัน แล้วจับมือเอาไว้แน่นนี่กะจะกักตัวน้องจนติดไข้กับเฮียเลยใช่ไหม
"ไม่กลับไม่ได้เหรอวะ" ทำไมเป็นคนชอบพูดไม่รู้เรื่องด้วยไอ้พี่คิง
"ก็น้ำผึ้งบอกแล้วว่ามีการบ้านต้องทำไง พี่คิงชักจะพูดไม่รู้เรื่องแล้วนะนี่น้องนะไม่ใช่เมีย" เดี๋ยวนะน้ำผึ้งเมื่อกี้หนูสติหลุดโมโหไอ้พี่คิงที่ไม่ให้กลับหอจนหลุดพูดอะไรออกไป๊
"ว่าไงนะหึนั้นสิเนอะเป็นน้องไม่ใช่เป็นเมียฉันอยากจะกลับนักก็กลับไปเลย" เอ้าไอ้พี่นี่อยู่ๆ มาทำท่าโกรธฉัน ทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเขาเป็นอะไรของเขาอีกอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ
"เอ่อถ้าอย่างนั้นกลับแล้วนะ" มือหนาปล่อยออกจากมือฉันอย่างแรงจะเรียกว่าปล่อยก็ไม่ถูกเพราะไอ้พี่คิงมันสะบัดมือฉันออกจากมือตัวเองด้วยท่าทีรังเกียจ เดี๋ยวนะเป็นเขาไหมที่เป็นคนมาจับมือรั้นฉันเอาไว้ก่อน ทำไมทำท่ารังเกียจกันขนาดนี้ด้วยวะไอ้พี่คิง
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
ตั้งแต่วันนั้นไอ้พี่คิงก็หายหน้าหายตาไปจากชีวิตฉันเลย แต่คิดว่าฉันจะสนเหรอบอกเลยอยากจะหายไปไหน ก็หายไปเลยไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีกเลย
"น้ำผึ้ง!"
"หะว่าไง หนิงมีอะไรเหรอ" หนุงหนิงตะโกนเรียกฉันที่กำลังนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
"ฉันจะถามว่าแกจะเอาอะไรไหมจะไปเซเว่นซื้ออะไรกิน" ฉันพยักหน้าเข้าใจแล้วยิ้มบางๆ ให้เพื่อน
"ไม่เอาล่ะ ขอบใจนะ"
"ช่วงนี้แกชอบเหม่อลอยนะน้ำผึ้ง มีเรื่องอะไรปรึกษาเราได้นะ"
"ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ หนิงไม่ต้องเป็นห่วงน้ำผึ้งนะ" ทำท่ากระตือรือร้นให้เพื่อนเห็นว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรจริง
"เอ่อๆ ถ้างั้นไปล่ะ"
"อืม"
เลิกคิดถึงไอ้พี่คิงได้แล้วน้ำผึ้งเล่นเกมแก้เบื่อดีกว่าจะได้มีอะไรทำระหว่างพักเที่ยง จากนั้นฉันก็เอาคอมที่พกเอามาเพื่อนำเสนองานด้วยเมื่อเช้ามาเล่นเกมระหว่างรอเข้าเกมก็มีข้อความในไลน์ส่งเข้ามา
โปรแกรมแชทไลน์
มินตรา : น้ำผึ้งเสาร์อาทิตย์นี่ แกกลับบ้านไหม
น้ำผึ้ง : ทำไม จะชวนไปไหนเหรอจ๊ะเพื่อน
มินตรา : ไปทำบุญแก้ซวย!นะๆ ไปเป็นเพื่อนหน่อยขอร้องน้ำผึ้ง
น้ำผึ้ง : มินไปซวยอะไรมาเรื่องใหญ่ไหม
มินตรา : วันเสาร์ฉันจะเล่าให้แกฟังแบบละเอียดเลยน้ำผึ้ง แต่ตอนนี้ไปเข้าเรียนก่อนนะ
น้ำผึ้ง : เอ่อๆ เอาอย่างงั้นก็ได้
เย็นวันศุกร์...
ฉันกลับมาเก็บของเพื่อกลับไปนอนบ้านเพราะพรุ่งนี้มีนัดกับเพื่อนสนิทไปทำบุญแก้ซวย โดยที่ยัยเพื่อนรักยังไม่ยอมเล่าว่านางไปซวยเรื่องอะไรมา
"โอ๊ยเจ็บ!" ด้วยความรีบเก็บของกลับบ้าน ทำให้ฉันไม่ทันระวังจนเตะขาโต๊ะล้มลงนั่งกับพื้นห้องเพราะมัวแต่อยากรู้เรื่องของเพื่อนเป็นไงล่ะเตะขาโต๊ะเต็มๆ เจ็บตัวเลยช่วยมีสติหน่อย ได้แต่บอกตัวเองเพื่อเรียกสติกลับมา
ตอนนี้ฉันใส่เสื้อยืดกางเกงยีนขายาวแบบสบายๆ พร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้ที่บรรจุทั้งเสื้อผ้าและหนังสือเรียนที่มีการบ้านเอากลับไปทำด้วย ฉันดูเป็นคนตั้งใจเรียน แต่ความจริงก็ไม่ใช้คนขยันอะไรขนาดนั้นหรอก แค่พยายามทบทวนบทเรียนเพียงหวังว่าเกรดเทอมนี้จะถึงสาม! คณะวิศวะนอกจากกิจกรรมรับน้องโหดแล้ว เรื่องเรียนก็ขึ้นชื่อเรื่องโหดเรียนโคตรยากไม่สงสารเด็กบ้างเลยเฮ้อได้แต่บ่นแต่เลือกสอบเข้ามาแล้วก็จงตั้งใจเรียนดูชักตั้งแล้วกันนะน้ำผึ้งเอ๊ย
"จะไปไหน!" อยู่ๆ ก็มีคนมาฉุดแขนรั้นตัวฉันเอาไว้ก่อนจะเดินต่อเพื่อไปเรียกพี่วินมอเตอร์ไซซ์ให้ไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้า
"อะอ้าวพี่คิง มาได้ไง" ฉันที่มัวแต่ตกใจแต่พอหันไปมองคนที่ฉุดแขนฉันเอาไว้ก็ถึงกับถอดหายใจนึกว่าเป็นพวกโรคจิต
"ทำไมทำหน้าเหมือนฉันเป็นโรคจิตวะน้ำผึ้ง" พอโผล่หน้ามาให้เจอในรอบอาทิตย์ก็พูดแต่คำพูดหยาบๆ เลยนะไอ้พี่คิง
"ก็อยู่ๆ พี่คิงมาดึงแขนน้ำผึ้งเอาไว้ไม่ให้สุ้มให้เสียง คนกำลังเผลอๆ ก็ตกใจสิคะ" เขาปล่อยมือจากแขนฉัน สีหน้าที่ดูสดใสขึ้นคงหายป่วยดีแล้วสินะไอ้พี่โหด
"เอ่อ...โทษทีแล้วกันว่าแต่จะบอกได้หรือยังว่าเธอจะไปไหน"
"จะกลับบ้านที่รังสิตไปล่ะนะ" ฉันเดินผ่านหน้าเขาไปแต่ก่อนที่จะพ้นก็สะดุดขาตัวเอง
"ว้าย!" ฉันเอามือกุมใบหน้าเอาไว้แน่น ตกใจจนร้องออกมาเสียงดัง
"ฮ่าๆยัยโง่ทำไมเป็นคนซุ่มซ่ามไปได้วะน้ำผึ้งฮ่าๆ" มันเหมือนในหนังที่พระเอกดึงนางเอกเอาไว้ทันก่อนที่นางเอกจะล้มลงไปกระแทกกับพื้นแข็งๆ แต่สำหรับชีวิตของน้ำผึ้งเหอะไอ้พี่คิงมันก็ดึงแขนฉันเอาไว้ทันก่อนที่ฉันจะล้มลงไปกระแทกกับพื้นแข็งๆ แต่ไอ้พี่คิงดึงตัวฉันเอาไว้แล้วก็หัวเราะเสียงดัง ฉันแทบจะมุดฟุตปาธเพื่อหนีอายเลยเถอะไอ้พี่คิง
"หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้พี่คิง" ฉันพูดขู่ให้ได้ยินแค่สองคนเพราะรู้สึกถึงเสียงซุบซิบนินทาของผู้คนที่ยืนอยู่บริเวณนี้
"ฮ่าๆ ก็มันตลกวะโอ๊ยเจ็บนี่เธอบิดท้องฉันทำไม" ร้องโอดครวญโอเว่อร์เกินไปฉันไม่ได้บิดแรงขนาดนั้นไอ้ผู้ชายปากเสีย
"ถ้าพี่คิงยังไม่หยุดทำให้น้ำผึ้งอาย จะบิดให้เนื้อหลุดติดมือเลย" ฉันยืนทรงตัวแล้วผลักร่างหนาให้ถอยออกไปเพราะตอนนี้สภาพของเราเหมือนคนกำลังกอดกันอยู่ข้างถนนเลย
"เอ่อๆไม่ขำแล้วไงวะ ไม่ต้องมาขู่ฟ่อเหมือนแมวขนาดนั้นหรอกยัยดาวยั่ว!"
"ไม่ใช่แมวเป็นเสือ" ฉันเชิดหน้าเถียงไอ้พี่คิงกลับ
"เหอะเอากระจกไหมครับน้องน้ำผึ้ง" โอ๊ยจะไม่ไหวแล้วนะ ฉันขอตบปากไอ้พี่คิงชักทีได้ไหม
"ป่ะไปกันเดี๋ยวฉันจะไปส่งเธอที่รังสิตเอง" แล้วเขาก็ลากฉันไปที่รถคันหรูที่จอดเอาไว้ข้างฟุตปาธ คนอะไรจอดรถไม่คิดว่ากลับมาแล้วจะโดนตำรวจล็อกล้อเลยนะ
ภายในรถ
"ทำไมไม่โทรหาฉันเลยทั้งอาทิตย์วะ" จากอารมณ์ที่เหมือนจะดีของไอ้พี่คิง พอเขาขับรถออกจากมหาลัยก็เริ่มพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิดพร้อมที่จะเหวี่ยงใส่ฉัน
"ก็ไม่มีธุระเลยไม่รู้จะโทรไปทำไม" ฉันตอบเขาไปด้วยน้ำเสียงปกติ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแชทคุยกับเพื่อนเรื่องงานกลุ่ม
"ทำไมจะไม่มีก็ไอ้ที่เธอต้องไปทำความสะอาดห้องฉันตลอดหนึ่งเทอมนี้ไงน้ำผึ้ง"
"ก็นี่มันจะสอบแล้วเลยต้องรีบปั้นงานส่งตามกำหนดไม่ว่างไปทำจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะเบี้ยวนะ" ฉันเถียงเขากับเพราะตัวเองไม่ว่างจริงๆ แล้วฉันก็ไม่เห็นเขาโทรมาตามเลยคิดว่าเขาจ้างแม่บ้านแล้วเลยไม่ใช่ให้ฉันทำความสะอาดคอนโดเขาอีก
"เอ่อ" ไอ้พี่คิงกระแทกเสียงเหมือนโกรธฉันมากแต่ว่าเขาเองก็ไม่มีแม้แต่ข้อความส่งมาให้ฉันสักทางเป็นตัวเองไหมที่หายเงียบไปก่อนในสามวันแรก จนทำให้ฉันไม่กล้าส่งข้อความไปหาเขา
จากนั้นเราสองคนก็ต่างเงียบไม่มีเสียงพูดคุยอะไรสักอย่างภายในรถ ฉันก็เล่นไอจีเขี่ยไปเรื่อยพยายามไม่มองหน้าไอ้ผู้ชายร้อยแปดอารมณ์ที่กำลังขับรถเชิดหน้ามองแต่ถนนเหมือนฉันไม่มีตัวตนในรถของเขา
"ฮัลโหลครับจินนี่มีอะไรหรือเปล่า" เหอะพอคุยกับฉันมีแต่คำหยาบคายแล้วแกจะสนใจเขาทำไมน้ำผึ้งฉันได้แต่ห้ามตัวเองในใจให้เลิกน้อยใจแต่ก็อดจะหมั่นไส้ไอ้พี่คิงไม่ได้
"หะอยู่นั้นนะเดี๋ยวคิงไปรับ รอก่อนนะ" น้ำเสียงที่เป็นกังวลของไอ้พี่คิงทำให้ฉันหันไปมองหน้าเขาอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกลับไปปลายสาย
"มี..." ฉันที่กำลังจะถามเขาแต่คนที่พึ่งวางสายก็หันมาพูดกับฉันก่อน
"เดี๋ยวเธอลงข้างหน้าแล้วโบกแท็กซี่กลับบ้านต่อเองนะนี่เงินค่ารถ พอดีเพื่อนฉันมีปัญหาฉันเลยต้องรีบไป" ไอ้พี่คิงยัดเงินแบงก์พันใส่มือแต่ทำไมต้องให้เงินฉันด้วยวะจะไปหาเพื่อนก็จอดรถมีปัญญากลับเองเงินก็มีพอหารถกลับบ้านได้
"อืมได้แต่เงินไม่เอานะ" ฉันเอาเงินคืนเขา พอดีกลับที่รถจอดเทียบป้ายรถเมล์ข้างหน้า ฉันเลยเปิดประรถจะออกจากรถให้เขาไปรับเพื่อนของเขา
"เดี๋ยว"ไอ้พี่คิงเรียกฉันเอาไว้เสียงเข้ม
"มีอะไรอีกไหนบอกรีบไปจะเรียกฉันเอาไว้ทำไมมันเสียเวลานะ"
"เอาเงินไปด้วยเผื่อไม่พออย่าเถียง!" เขายัดเงินกับใส่มือของฉัน ฉันที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรรู้แต่ว่ามันเสียความรู้สึกมากตัวเองเป็นคนอาสาจะไปส่งเอง! แต่อยู่ๆ ก็มาทิ้งกันเอาไว้กลางทาง ไอ้ผู้ชายไม่มีสัจจะ
ถ้ารู้อย่างนี้ฉันจะไม่ยอมขึ้นรถมากับเขาจะนั่งรถตู้กลับเองดีกว่าเยอะ ฉันกำเงินเอาไว้แน่นแล้วเชิดหน้าเปิดประตูลงจากรถ แล้วรถปอเซ่สีเหลืองคันหรูก็เคลื่อนออกไปทันทีที่ฉันก้าวขาพ้นจากตัวรถ รีบร้อนจนจะเหาะขนาดนี้ยังจะมาบอกว่าเพื่อน บอกว่ารีบไปหาแฟนฉันก็ไม่ได้จะว่าอะไรเขาหรอกนะทำไมต้องพูดโกหกกันด้วย
