Chapter 6 ความรู้สึกแปลกๆที่เริ่มก่อตัว
หนึ่งเดือนต่อมา
จะเรียกว่ามันเป็นความโชคดีก็พูดไม่ได้เต็มปากเพราะว่าด้วยความสวยของฉันที่มีตำแหน่งอดีตดาวโรงเรียนเก่าการันตรี (ความมั่นหน้ามาเต็ม) ทำให้ฉันได้ตำแหน่งดาวของคณะวิศวะมาครอบครอง แต่มันก็มีเหตุการณ์ไม่ค่อยประทับใจในวันงานประกวดให้นึกถึงทีไรอยากจะกลับบ้านไปเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งไอ้พี่คิง
ย้อนไปเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว
“แม้ง!ทำไมกระโปรงมันสั้นกว่าเพื่อนเลยวะน้ำผึ้ง” ไอ้เถื่อนมันผลักหัวฉันอย่างแรง โอ๊ยกว่าจะทำผมเสร็จใช้เวลาตั้งหลายชั่วโมงฉันต้องตื่นมาแต่งหน้าตั้งแต่ตีสามตีสี่แต่ไอ้พี่คิงมันมาทำพังเพียงแค่ไม่กี่วินาทีที่ผ่านมาเท่านั้น
“ไอ้พี่คิง!อย่ามายุ่งกับหัวของน้ำผึ้งผมเสียทรงหมดแล้วนะ” คนยิ่งอดหลับอดนอนอยู่ด้วย วันนี้ไม่มีอารมณ์มาเล่นกับเขาหรอกนะ
“ก็กระโปรงมันสั้นไปไง จะประกวดดาวคณะหรือดาวยั่วกันแน่ครับน้อง” ดูๆ เขายังลอยหน้าลอยตาพูดกวนตีนใส่ฉัน จนอยากจะเอาเล็บที่ทำมาด้วยราคาแพงแสนแพง ข่วนใส่หน้ามันจริงๆ ถ้าไม่ติดว่ากลัวเล็บจะพังนะ ไอ้นิสัยปากหมาเนี้ยเมื่อไหร่จะแก้หายนะ
บอกเลยตลอดเวลาเกือบเดือนที่รู้จักเขามาแล้วก็เจอกันแทบทุกวัน อย่าไปคิดว่าได้อยู่ใกล้คนหล่อแล้วฉันจะเป็นชะนีน้อยฟินเว่อร์กับความหล่อของไอ้พี่คิง บอกเลยว่าปากหมาหมามันบดบังความหล่อของเขาจนนึกพิศวาสไม่ลงจริงๆ
“ก็คนมันสวย จะใส่อะไรก็ได้เข้าใจไหม” ฉันเชิดหน้าแบบโคตรมั่นใจในโหนกหน้าตัวเองเกินล้านเลยเถอะ ดีนะตอนนี้ในบริเวณนี้มีแค่ฉันกับไอ้พี่คิงถ้ามีคนอื่นด้วยน้ำผึ้งคงโดนคนทั้งคณะหมั่นไส้แน่เลย
“โอ๊ยมั่นหน้าเกินไปไหมครับน้อง เอากระจกป่ะพี่จะไปยืมมาให้ จะได้ช่วยเรียกสติตัวเองกลับมานะครับน้องน้ำผึ้ง” โอ้โหเขามั่นใจนะว่าแมนร้อยเปอร์เซ็นต์ทำไมปากมันร้ายยิ่งกว่าชะนีไปหลายเลเวลเลย
ยังจะมองฉันตั้งแต่หัวไล่ลงไปจรดเท้าแล้วสายตาคมก็ค่อยๆ ไล่ขึ้นมาจนสายตาของเขาโฟกัสที่ใบหน้าของฉัน แล้วไอ้พี่คิงมันก็กลอกตามองบนเบ้ปากจนหน้าตบฝากรอยนิ้วทั้งห้าไว้บนใบหน้าเนียนใสยิ่งกว่าผู้หญิงของเขานัก คันไม้คันมือขึ้นมาเลย
“ไอ้พี่คิง! ถ้าจะเข้ามาพูดจากวนตีนก็ออกไปเลย ลำไยลูกตา” เขาพูดให้ฉันเริ่มกังวลกับความสวยของตัวเองที่มั่นใจในตัวเองมาตลอดสิบเก้าปี ตอนนี้เริ่มจะถดถอยลงเหลือน้อยลงทุกที แล้วนี่อีกไม่กี่นาทีฉันก็ต้องขึ้นไปแสดงความสามารถพิเศษบนเวทีต่อหน้าเพื่อนๆ และรุ่นพี่นับพันแล้วนะโว้ย มือเริ่มจะสั่นๆ ด้วยความสูญเสียความมั่นใจเพราะคำพูดกวนตีนของไอ้พี่คิง
“น้ำผึ้งตื่นเต้นเหรอ” อ้าวฉันก็นึกว่าเขาโดนไล่จะออกไปจากห้องแต่งตัวแล้ว ฉันพยักหน้าให้เขาโดยไม่มีเสียงตอบรับ
“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอก ขนาดเถียงกับฉันเธอยังเถียงฉอดๆ แล้วกับแค่ออกไปแสดงความสามารถพิเศษที่เธอถนัด แค่นี้ทำได้อยู่แล้วน่าเลิกกังวลไปเตรียมตัวข้างเวทีเถอะ” ไอ้พี่คิงกุมมือที่สั่นเทาของฉันเอาไว้ ทำไมมันรู้สึกอุ่นวาปแปลกๆ ขึ้นมานะ ทั้งที่ปกติเขาก็แกล้งฉันถึงเนื้อถึงตัวฉันอยู่ทุกวัน ไม่มันก็แค่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดให้กำลังใจฉันแค่นั้นแหละ ไม่ได้มีอะไรสักหน่อยอย่าเกิดคิดอะไรบ้าๆ กับเขานะน้ำผึ้ง
“อืม ขอบใจนะพี่คิง” ฉันพยักหน้าให้เขาแล้วดึงมือตัวเองออกจากมือของไอ้พี่คิงทันที ลุกขึ้นรีบเดินออกไปจากห้องโดยไม่รอเขา
ตัดมาตอนประกาศตำแหน่งดาวคณะวิศวะเลยดีกว่า ความภาคภูมิใจของฉันหายวาบไปกับเสียงโห่ตะโกนและเสียงแซวของกลุ่มไอ้พี่คิงดังลั่น เมื่อพิธีกรประกาศว่าฉันได้ตำแหน่งดาวคณะ
มันน่ายินดีมากใช่ไหมล่ะเพราะผู้หญิงปีหนึ่งที่หน้าตาดีต่างก็คาดหวังว่าตัวเองจะได้ตำแหน่งดาวคณะกันทั้งนั้น (ฮ่าๆ พอดีหนูเป็นคนมั่นใจในตัวเองพูดเองยังอาย
แต่ความภาคภูมิใจของฉันก็ถูกไอ้พี่คิงมันเป็นแกนนำเพื่อนๆ ตะโกนประโยคที่โคตรอัปยศสำหรับผู้หญิงบอบบางตัวเล็กยิ้มหวานเอาเป็นว่ารวมๆ ก็สวยมากในระดับหนึ่ง (ความหลงตัวเองยกให้นาง)
ฉันอยากจะปาสายสะพายดาวคณะใส่หน้าไอ้พี่คิง ไอ้ผู้ชายปากเสีย เมื่อเขาตะโกนพูดอย่างลอยหน้าลอยตาโดยไม่สนว่าฉันจะอายไหน
“ยินดีด้วยนะครับน้องดาวยั่ว! สุดท้ายก็ได้ตำแหน่งดาวคณะ เฮ้ยๆ พวกเราปรบมือดังๆ ให้น้องกูหน่อยฮ่าๆ” หึขำอ่อ...ไอ้พี่คิงแกอยากโดนสายสะพายตำแหน่งดาวคณะรัดคอตายมากใช้ไหม ฉันได้แต่ยิ้มเจียนๆ ส่วนพี่พิธีกรถึงกับต่อมุกไอ้พี่คิงไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว
จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงนินทาต่างๆ นาๆ ด้วยความสงสัยใคร่รู้เรื่องที่ไอ้พี่คิงปากหมามันเรียกฉันว่าน้องดาวยั่ว! บอกเลยว่าเรื่องนี้ทำให้ฉันโกรธเขามากจริงๆ โกรธถึงขั้นบล็อกเบอร์ บล็อกไลน์ บล็อกไอจี บล็อกทุกอย่างที่แม้งจะติดต่อกันได้เกลียดไอ้พี่คิงจนจะเผาพริกเผาเกลือแช่งวันละสามเวลาเช้ากลางเย็นเลย
กลับสู่ปัจจุบัน
ยิ่งคิดยิ่งแค้นโว้ย นี่ขนาดไม่ได้เจอหน้าไม่ได้ยินเสียงที่มาพร้อมกับประโยคที่กวนประสาทฉันเกือบอาทิตย์หนึ่งเต็มๆ แล้วนะ แต่พอเรื่องวันนั้นมันกับเข้ามาในความคิดของฉันอีก ทุกครั้งก็อยากเอาเล็บข่วนใบหน้าขาวใสไร้สิวของไอ้พี่คิงให้มันเละ!สาสมกับความอับอายขายหน้าของฉัน
“น้ำผึ้ง!” เสียงที่ดังมาแต่ไกลพร้อมกับใบหน้าทะมึงทึงของไอ้เจ้าของเสียงที่เรียกฉัน ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้เลยว่าเสียงเจ้ากรรมนายเวรมันมาเรียกถึงที่เลย
“หยุด!จะหนีไปไหนวะ” ฉันที่กำลังจะทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินหนีเขา แต่กับโดนดึงแขนเอาไว้ เฮ้อทำไมฉันต้องเกิดมาขาสั้นด้วยจะหนีก็ไม่ทัน
“มีธุระอะไร” ฉันแกะมือเขาออกจากแขน แสร้งทำท่ารังเกียจเหมือนเขาเป็นตัวเชื้อโรค
“ทำท่ารังเกียจกันขนาดนี้หมายความว่าไง” ไอ้พี่คิงขมวดคิ้วอย่างเอาเรื่องฉัน หึคิดว่าฉันจะกลัวเหรอไม่มีวัน
“ก็หมายความว่าฉันไม่อยากจะคุยกับนายไงไอ้พี่คิง” ฉันก็คิดว่าตัวเองแสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจเขายิ่งกว่าเชื้อโรคอีกนะ ยังจะไม่รู้ตัวอีกไอ้ง้าวเอ้ย
“เป็นอะไรงอนเหรอ” อยู่ๆ ไอ้พี่คิงก็พูดเสียงเบาจนแทบจะจับใจความประโยคที่เขาพูดออกมาไม่ได้
“ใครเขาจะงอนนายไอ้พี่คิง อย่าสำคัญตัวเองผิดไปหน่อยเลย” ฉันเบ้ปากใส่เขา แล้วเดินหนีเขาคนยิ่งไม่อยากจะเจอหน้าอยู่จะมาหาเรื่องอะไรฉันอีกวะ อยู่ใครอยู่มันไม่ต้องยุ่งเกี่ยวเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่ายไม่ดีกว่าเหรอ
“ก็น้ำผึ้งไงครับ…ที่งอนพี่คิง” ท้ายประโยคแทบจะไม่ได้ยิน หะเขาไม่สบายหรือเปล่าวะอยู่ๆ ก็มาพูดคงพูดครับกับฉันเนี้ยนะ หันกลับไปมองหน้าไอ้พี่คิงที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงนิ่งๆ แต่แสร้งมองไปทางอื่นเมื่อฉันจ้องหน้าเขาจนลูกตาจะหลุดออกจากเบ้าเพราะความอึ้ง ใครมันจะไม่อึ้งอยู่ๆ ก็มาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่าขนลุก อี๋แค่คิดก็สยองขึ้นสมอง
“มะไม่ได้งอน ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้งอน จะให้พูดซ้ำๆ ทำไมนักหนาหะ” ฉันตะโกนขึ้นเสียงดังไม่ได้กลบเกลื่อนอะไรทั้งนั้นแต่เพื่อเรียกสติตัวเองล้วนๆ
“ถ้าไม่ได้โกรธ ก็ไปคอนโดฉัน” ไอ้บ้านี่อยู่ๆ ก็จะมาชวนฉันไปคอนโดเขา ฉันเป็นผู้หญิงนะจะบ้าเหรออยู่ๆ ก็มาชวนผู้หญิงที่ไม่ใช่แฟนไปคอนโดนะหะไอ้พี่คิง
“จะบ้าเหรอ” พอฉันพูดจบไอ้พี่คิงทำหน้างงใส่ฉัน
“เอ้าก็เธอต้องไปทำความสะอาดเป็นการชดใช้ที่ทำกระดาษรายงานฉันเปียกจนพลาดเกรดเอไง จำไม่ได้เหรอวะ” อ้าวเฮ้ยฉันลืมไปซะสนิทเลยเพราะมัวแต่คิดแค้นเขาตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา
“เอ่อไปก็ได้ แค่นี้ทำเป็นมาทวงเชอะ” ฉันสะบัดหน้าใส่เขาอย่างโกรธๆ แล้วเดินนำหน้าเขา
“เดี๋ยวๆ น้ำผึ้ง นั้นจะไปไหนวะ” เขาตะโกนเรียกฉันเอาไว้ อ้าวไอ้หน้าเลือดไหนแกบอกมาเรียกฉันไปทำความสะอาดคอนโดให้ ก็กำลังจะไปคอนโดแกไง
“ไอ้พี่คิงจะเรียกอะไรนักหนากับชื่อฉันเนี้ย ‘น้ำผึ้งๆ’ เรียกอยู่นั่นแหละขอประทานโทษนะคะกลัวลืมชื่อฉันรึไงหะ” ฉันหันกลับไปเถียงกับเอาอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เปล่าไม่ได้กลัวลืม แต่จะบอกว่ารถฉันจอดอยู่ทางนู้น น้ำผึ้งเธอกำลังเดินไปผิดทาง” เขาพูดเหมือนคนกำลังจะหลุดหัวเราะออกมา ในขนาดที่น้ำผึ้งกำลังจะวีนใส่เขา รู้สึกเหมือนแก้วแตก แต่ไม่มีแก้วให้แตกหรอกตรงนี้ มีแต่หน้าแกไงน้ำผึ้งที่แตกเพราะความมั่นใจเดินนำหน้าไอ้หน้าเลือดจนโดนมันตอกหน้ากลับแบบหงายเงิบไปเลยไงแก
ฉันเงียบไม่ตอบอะไรเขา ทำหน้าบึ้งใส่ด้วยความโกรธที่เอามาปิดบังความอายที่หน้าแตกของตัวเอง
“ป่ะไปกัน รถจอดอยู่ทางนู้น” ไอ้พี่คิงมันจี้จุดให้ฉันอายแล้วยิ้มอย่างล้อเลียน เขายังมีหน้ามาฉุดแขนให้ฉันเดินตามเขาไปอีก
