บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 คำเตือนจากชายหนุ่มแปลกหน้า

ตอนที่ 2

คำเตือนจากชายหนุ่มแปลกหน้า

กลิ่นกาแฟเอสเปรสโซ่หอมฟุ้งไปทั่วคอฟฟี่ช็อฟ กลิ่นหอมอ่อนๆของมันทำให้ครองขวัญที่เพิ่งจะก้าวเข้ามาด้านในหยุดและสูดหายใจเอากลิ่นนั้นเข้าปอด เธอชอบกลิ่นของกาแฟ กลิ่นนี้ช่วยสร้างความผ่อนคลายและช่วยสร้างความสดชื่นให้ได้แบบไม่น่าเชื่อ แต่เธอไม่พิศวาสรสชาติของมันนัก ภาพของหญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยเฉี่ยวที่ยืนหลับตาและทำสีหน้าเคลิ้มตรงหน้าทางเข้าคอฟฟี่ช็อป ทำให้วราลียิ้มเธอเดินตรงเข้าไปหาเพื่อนรักและโผเข้าไปกอดคอเมื่ออยู่ในระยะที่ใกล้ชิด ครองขวัญกอดตอบและดันตัวออกห่างเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแกล้งกอดนานจนเกินไป วราลียิ้มเมื่อเห็นว่าเพื่อนรู้ทัน

“พรุ่งนี้ จะต้องพาลูกทัวร์ไปที่พิพิธภัณฑ์ Palazzo Altemps จากนั้นก็พาไปต่อที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย Macro on Via Nizza ต่อแล้วก็แวะรับประทานอาหารต่อที่ร้านอาหารซึ่งอยู่ไม่ไกล คุณราฟาเอลคนดีคนเดิมจะมาช่วยอธิบายเรื่องเกี่ยวกับพวกรูปปั้นต่างๆด้วย” ครองขวัญพยักหน้ารับรู้ผู้ช่วยคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของวีรสุพี่ชายของวราลีเจ้าของบริษัททัวร์ที่เธอทำอยู่ ราฟาเอลเป็นหนุ่มใหญ่ใจดีและเป็นกันเองมากเขาพูดได้หลายภาษารวมทั้งภาษาไทยด้วยเธอเคยร่วมงานกับเขาหลายครั้ง และทุกครั้งมันราบรื่นเสมอ

“อือ”

“แค่นี้เองเหรอ”

“อ้าวแล้วแกจะให้ฉันพูดอะไรล่ะ ก็รับรู้แล้วไง ว่าแต่แกจะไปเมื่อไหร่”

“พรุ่งนี้เช้าเลย คุณภูเขาบอกว่าจะพาฉันไปพบพ่อแม่แบบเป็นทางการ พบทั้งครอบครัว” ยังไม่ทันที่วราลีจะพูดจบดีหนุ่มไทยรูปร่างสันทัดหน้าตาคมคายก็เดินตรงมาทางเธอทั้งคู่ ใบหน้าของเขาผู้นั้นมีรอยยิ้มปรากฎอยู่เป็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจเหมือนเช่นแววตา

“แหมตายยากจริงๆนะคุณภูเรากำลังนินทาคุณอยู่เลย” ครองขวัญยกมือไหว้และกล่าวทักทายแบบเป็นกันเอง ภูผายิ้มไม่ถือสา

“ตั้งใจมาเร็ว อยากมาขอบคุณที่ขวัญยอมมาช่วยหญิงลี”

“ไม่ต้องขอบใจหรอกค่ะ ช่วยเพื่อนแล้วได้ค่าตอบแทนแบบนี้ยินดี”

“นังงก” วราลีได้โอกาสต่อว่าเพื่อน ภูผายิ้มก่อนที่จะส่งบางอย่างให้กับครองขวัญ

“อะไรคะ”

“ของขวัญสำหรับคนใจดีที่ช่วยเราครับ มันคือสร้อยข้อมือเส้นเล็กๆแล้วมีสัญลักษณ์นัยน์ตาปีศาจอยู่ด้วยเอาไว้คุ้มครองให้ขวัญพ้นจากสิ่งชั่วร้าย” ภูผาอธิบาย

“ที่รักคะ สิ่งชั่วร้ายทำอะไรเพื่อนฉันไม่ได้หรอกนะ แม่นี่ร้ายกว่าเยอะ มีพวกเครื่องรางช่วยป้องกันการถูกรุมทำร้ายเพราะความปากเสียไหม น่าจะเหมาะมากกว่า”

“หญิงลี พูดมากไปแล้วนะหล่อน จะว่าไปก็ดีนะ ฉันใส่เลยแล้วกัน ใส่แล้วก็ขออธิฐานให้ไม่มีอะไรทำร้ายฉันได้ไม่ว่าจะเป็นคำสาปหรือคำแช่ง ขอให้ไม่มีใครสาปฉันได้” หญิงสาวถามทำกาขอพรจากเครื่องรางที่เพิ่งได้มาและใส่สร้อยข้อมือทันทีที่ขอเสร็จ

“สาธุ” วราลีกล่าวตามมาทันที

“เครื่องรางจ๋าปกป้องเพื่อนฉันด้วยนะ ปากแบบนี้คงมีคนด่าและพยายามแช่งแน่ๆดังนั้นขอร้องว่าช่วยคุ้มครองเพื่อนฉันอย่าให้คำสาปคำด่าอะไรทำร้ายเพื่อนที่แสนดีแต่ปากเสียคนนี้เลยนะ” ภูผาหัวเราะเมื่อได้ยินคนรักพูดจบ ส่วนครองขวัญถือโอกาสสาธุและใช้มือเขกไปที่หน้าผากของเพื่อนเบาๆแบบหยอกล้อมากกว่าที่จะจริงจัง

การทำงานแทนเพื่อนเริ่มขึ้น ในส่วนของการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ไม่ได้ลำบากอะไรมากเพราะมีหนุ่มใหญ่ใจดีผู้เป็นเจ้าของถิ่นแบบราฟาเอลช่วยอธิบาย เขารอบรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกเทพเจ้ามากเรียกได้ว่าเป็นเซียนเทพเจ้ากรีก โรมันเลยก็ว่าได้ จนกระทั่งมาถึงรูปสลักรูปหนึ่งเป็นภาพของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผมหยักสกนั่งเปลือยอกวางมือบนเข่าข้างหนึ่ง ขาอีกข้างมีเด็กเกาะและข้างกายมีโล่ตั้งอยู่ด้วย บอกได้ชัดว่าเราคือมาร์สหรือแอรีสเทพเจ้าผู้ที่ถือว่าเป็นบรรพบุรุษของชาวโรม ราฟาเอลอธิบายเรื่องราวของเทพองค์นี้ให้กับบรรดาลูกทัวร์ฟังโดยครองขวัญนั้นช่วยอีกแรง

“ชาวกรีกเรียกเทพองค์นี้ว่าแอรีสหรืออาเรส แต่ชาวโรมันเรียกเขาว่ามาร์ส เป็นเทพแห่งสงครามไม่ต่างกับ เทพี อาเธน่า แต่อาเธน่านั้นจะได้รับการยกย่องมากกว่า เพราะเป็นเทพีที่ใช้สมองในการวางแผนสู้รบ และเทพีองค์นี้ได้รับการบูชาในฐานะที่เป็นเทพีแห่งสติปัญญาไปด้วย ส่วน แอรีสหรือมาร์สเป็นเทพที่นิยมใช้ความรุนแรงมากกว่าการใช้สติปัญญา กวีกรีกโบราณคนสำคัญที่ชื่อว่า โฮเมอร์ เคยเขียนถึงเทพองค์นี้ว่าว่า เป็นเทพที่โหดร้ายและหยาบช้ามากองค์หนึ่งเลยทีเดียว ถึงจะดูแย่ในปกรณัมของกรีกมากแค่ไหน แต่เขาเป็นที่นับถือมากในโรมันค่ะ” ครองขวัญอธิบายให้ลูกทัวร์ฟัง

หลังจากที่พาเที่ยวพิพิธภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว ไกด์จำเป็นของวันนี้ก็พาลูกทัวร์ออกมานั่งรับประทานอาหารกลางวันกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเป็นภัตตาคารขนาดกลางที่มีความเป็นส่วนตัวพอสมควรและเป็นร้านที่ทางบริษัทของเธอใช้บริการบ่อยจนสนิทกันดังนั้นเวลาที่มีทัวร์มาลงทางร้านจะจัดมุมเล็กๆในสวนที่เป็นส่วนตัวไม่ต้องไปปะปนกับลูกค้าท่านอื่นให้ทุกครั้ง

การสนทนาเกี่ยวกับเรื่องเทพเจ้าเกิดขึ้นมาอีกครั้งในกลุ่มต่างฝ่ายต่างชื่นชมในความงามและรูปร่างหน้าตารวมทั้งชื่นชอบเรื่องราวของเทพเจ้ากันยกใหญ่ ลูกทัวร์สาวๆสองสามคนกรี๊ดเทพเจ้าแห่งสงครามมากเป็นพิเศษด้วย แต่ทว่าเมื่อถามความเห็นของครองขวัญแล้วหญิงสาวกลับไม่สนเทพองค์นั้นเลยแม้แต่น้อย

“แต่เขาหล่อมากนะคุณไกด์” ลูกทัวร์คนหนึ่งออกความเห็น

“ใช่หล่อมาก ลุคเป็นเพลย์บอยแบบนี้มีเสน่ห์ดึงดูดผู้หญิงมากและฉันชอบมากเลย ถ้าเราเอาชนะใจเขาได้นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ หรือคุณไม่คิดแบบนั้น” ลูกทัวร์อีกคนซึ่งเป็นหญิงสาวที่แต่งหน้าจัดและกำลังควงแขนแฟนหนุ่มอยู่เอ่ยถาม ราฟาเอลยิ้มเพราะรู้จักครองขวัญพอสมควรเลยพอจะรู้คำตอบของเธออยู่บ้าง

“อยากรู้คำตอบของฉันจริงๆหรือว่าถามเล่นๆคะ”

“บอกมาสิคะ ฉันอยากรู้ว่าคุณคิดอย่างไร”

“ฉันไม่ชอบเทพเจ้าองค์นี้ค่ะ เพราะฉันเคยอ่านบทกวีที่โฮเมอร์เขียนไว้และอ่านเรื่องราวของเขาในหนังสือหลายๆเล่ม เขาไม่สมควรเป็นเทพเจ้าด้วยซ้ำ จะว่าไปผู้ชายที่มีเสน่ห์ดึงดูดผู้หญิงไม่จำเป็นที่จะต้องทำตัวแย่ๆ กักขฬะ เสเพล เป็นชู้กับเมียชาวบ้าน มั่วกับผู้หญิงไปเรื่อย คอยหาเรื่องทำสงคราม กระหายเลือด บ้าอำนาจแบบที่เทพเจ้าองค์นี้เป็นเลยสักนิด ในความคิดของดิฉันผู้ชายที่อ่อนโยน สุภาพ ให้เกียรติผู้หญิงต่างหากที่มีเสน่ห์ ถ้าจะให้เป็นเทพเจ้าก็คงเป็น อพอลโล่มั้งคะ”

“แหม ผู้ชายแบบนั้นดูจืดชืดไร้สีสัน”

“เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับรสนิยมค่ะ ฉันมองว่าพวกที่ทำตัวแบบแอรีสค่อนข้างจะเป็นพวกขี้อิจฉา และโรคจิตอ่อนๆ เหมือนพวกเด็กที่ชอบเรียกร้องความสนใจ คงจะเป็นเพราะพ่ออย่างซุสไม่ค่อยปลื้มเลยอยากให้พ่อเห็นความสำคัญจึงพยายามหาเรื่องมาให้พ่อปวดหัวเล่น พูดก็พูดนะคะ พ่อกับลูกเหมือนกันเรื่องมั่วผู้หญิง แต่ลูกแย่กว่าหน่อยตรงที่ชอบลักลอบเป็นชู้กับเมียของน้องชายและไม่มีชายาเป็นตัวเป็นเป็นตน แต่อย่างว่าจะมีผู้หญิงดีๆที่ไหนอยากได้เทพเจ้าฉาวและคาวโลกีย์แบบนั้นมาเป็นคู่ คงไม่มีหญิงสาวหรือเทพีอยากนั่งบัลลังก์คู่กับเขาหรอกค่ะ”

“แหมตอบเสียยาวเชียว แต่ฉันชอบฟังเวลาคุณพูดนะ”

“มันเป็นความเห็นในส่วนของฉันนะคะ ฉันก็ไม่ได้ว่าถ้าใครจะชอบเทพเจ้าองค์นี้ แต่สำหรับฉัน ฉันมองว่าเขาไม่น่าสนใจ และสมควรที่จะอยู่ห่างๆ ฉันชอบเทพเจ้าแห่งนรกอย่างเฮดีสหรือฮาเดสมากกว่าด้วยซ้ำ ถึงจะเย็นชาแต่ทว่าเขาค่อนข้างที่จะเป็นบุรุษที่ดี ไม่แย่ขนาดเทพองค์อื่น และฉันชอบที่เขาไม่ค่อยมายุ่งบนยอดเขาโอลิมปัสเท่าไหร่นัก”

“ทำไมคะ” ลูกทัวร์ถามต่อเพราะอยากรู้คำตอบของไกด์สาวอยู่มาก

“ฉันคิดว่าบนยอดเขามีแต่พวกเทพจิตป่วยๆอยู่ทั้งนั้น จะมีดีๆอยู่ก็แค่ เทพอาเธน่าแต่อาเธน่าก็เสียเรื่องไปสาป เมดูซ่า เทพผู้ชายที่ดีหน่อยก็คงจะเป็นเทพอพลอโล่ ส่วนครอบครัวซุสกับเฮร่าหรือฮีร่าน่าจะบ้ากันยกบ้าน” คำตอบของเธอทำให้บุรุษร่างสูงใหญ่ที่กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่อีกฝั่งหนึ่งถึงกับสะดุ้ง ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ใกล้ แต่ด้วยความที่สามารถได้ยินการสนทนาระยะไกลได้มันเลยเข้าหูพอดี รู้สึกอยากอยากเข้าไปฟรีคิกใส่แม่คนปากดีนั่นเหลือเกินแต่ก็ได้แค่คิดเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายสมควรจะทำกับผู้หญิง สิ่งที่ทำได้คือนั่งทนฟังทั้งๆที่เจ็บใจ อยากรู้เหมือนกันว่าเธอคนนั้นจะพูดอะไรต่อ

“แหม ถ้าผมเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามคงสำลักไวน์แน่ถ้าได้ยินที่คุณพูด” ราฟาเอลล้อ

“ก็เขาไม่น่าอยู่ใกล้เลยนี่คะ ประวัติความเป็นมาและเรื่องคาวๆเยอะมากที่สุดในบรรดาเทพเลยมั้ง”

“เอาหล่ะ เลิกสนใจเรื่องของบรรดาเทพสักพักจะดีกว่า ผมมีข่าวดีมาบอกว่าวันพรุ่งนี้ทางโรงแรมที่เราพักกันนั้นมีการจัดงานปาร์ตี้หน้ากาก เป็นงานเลี้ยงขอบคุณแขกที่มาพักรวมทั้งฉลองครบ 120 ปีของโรงแรมด้วย และเนื่องจากโรงแรมนี้เป็นโรงแรมในเครือของครอบครัวผมดังนั้นผมเลยต้องการจะเชิญทุกคนไปร่วมงานครับ” บรรดาลูกทัวร์ต่างพากันตื่นเต้นเมื่อฟังจบ

“แล้วเราจะเตรียมตัวทันหรือคะ ทั้งเสื้อผ้าทั้งหน้ากาก” ลูกทัวร์คนหนึ่งเอ่ยถาม

“ ไม่ต้องห่วงครับเนื่องจากเราเชิญชวนแขกที่มาพักในช่วงนี้ทั้งโรงแรมและคิดว่าหลายท่านคงไม่ได้เตรียมชุดกันมาทางเราเลยจัดการให้ พอกลับไปถึงโรงแรมในตอนค่ำๆ ผมจะให้พนักงานทางโรงแรมพาพวกคุณไปเลือกชุดที่ทางเราจัดเอาไว้ครับ”

“ดีจังไม่คิดเลยว่าพวกเราจะได้ไปงานปาร์ตี้หน้ากากด้วย”

“เป็นงานไม่ใหญ่มากครับ และมันเป็นเรื่องบังเอิญพอดีที่พวกคุณมาเที่ยวในช่วงนี้ ส่วนทางเราเองก็ยินดีมาก และบางทีงานนี้อาจจะทำให้สาวๆที่ยังโสดในกรุ๊ปทัวร์นี้เจอเนื้อคู่ได้นะ คุณก็เหมือนกันครับขวัญ บางทีอาจจะเจอชายหนุ่มในฝันก็ได้” ราฟาเอลนักธุรกิจหนุ่มใหญ่หันมาแซวครองขวัญที่ตอนนี้นั่งกินอาหารแบบไม่สนอะไรอยู่เงียบ ทำเอาไกด์สาวแทบสำลัก

“จะดีเหรอคะ พอถอดหน้ากากออกมาเขาจะหนีเอาได้” เสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อได้ยินในสิ่งที่เธอพูด

“อย่าเลือกมากสิ” ราฟาเอลยังคงล้อเลียนต่อ ซึ่งฝ่ายโดนล้อก็ได้นั่งยิ้ม

ครองขวัญมองเงาสะท้อนตัวเองผ่านกระจกเงาเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องน้ำ ประมาณ 10 นาทีเธอจะต้องพาลูกทัวร์ไปยังพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยต่อ เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วไกด์สาวก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยท่าทางที่มั่นใจ แต่แล้วก็ต้องร้องออกมาเมื่อถูกใครบางคนชนจนเธอแทบกระเด็น และเมื่อได้เห็นคนที่ชนชัดๆ ก็ทำเอาแปลกใจเพราะเธอเคยเจอผู้ชายคนนี้มาแล้วเมื่อวันก่อนที่กรีซ เขาคนนั้นมองเธอนิ่ง สายตาดูเหยียดเหมือนที่เคยเห็นในครั้งแรกที่เจอกัน แถมยังไม่ทีท่าทีจะขอโทษด้วย

“คุณอีกแล้วเหรอ ทำไมโลกมันกลมแบบนี้นะ” ไกด์สาวคนเก่งบ่นออกมาเป็นภาษาไทย อีกฝ่ายนั้นไม่ตอบโต้ถึงแม้จะฟังออกว่าเธอพูดอะไรออกมา

“เมื่อสักครู่ผมได้ยินคุณพูดถึงแอรีสไม่ดีนัก การพูดแบบนั้นอาจจะทำให้เทพเจ้าไม่พอใจ และเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรจะทำมันซ้ำเพราะเทพเจ้าเขาอาจจะไม่ใจดีให้อภัยเหมือนที่ผ่านมา” ครองขวัญเม้มปากเล็กน้อยก่อนที่จะโต้ตอบ

“คุณชนฉันจังๆนอกจากไม่คิดจะขอโทษแล้วยังจะมาพูดเรื่องเทพเจ้าบ้าบอกับฉันอีกเหรอ เสียมารยาทที่สุด ฉันไม่สนหรอกว่าเทพเจ้าอะไรนั่นจะพอใจหรือไม่พอใจเพราะฉันพูดเรื่องจริงและสำหรับฉันเรื่องพวกนี้มันไร้สาระ เทพเจ้าถือกำเนิดมาเพราะว่ามนุษย์ต้องการที่พึ่งทางใจและไม่มีจริง อย่าเชื่อตำนานหรือเรื่องเล่าอะไรมากนักเลย และที่คุณมาว่าฉันได้ก็คงเพราะแอบฟังล่ะสิ นี่ไม่ใช่เสียมารยาทธรรมดานะ มันมากกว่าขั้นกว่า มันคือการเสียมารยาทขั้นสุด ให้ตายสิ หน้าตาก็ดีแต่ทำตัวแบบนี้มันทำให้คุณไร้เสน่ห์ คิดว่าตัวเองเป็นเทพเหรอ” บุรุษร่างสูงใหญ่เม้มปากแน่นเมื่อถูกผู้หญิงที่ตัวสูงแค่อกปากดีใส่

“ผมไม่ได้แอบฟัง”

“ไม่แอบฟังจะได้ยินได้ไง ที่ๆฉันนั่งมันอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวถ้าไม่ใช่พวกชอบสอดคงไม่รู้หรอก”

“ผมมาเตือนเพราะเห็นว่าคุณพูดไม่ดีและถ้าคุณไม่อยากให้เทพเจ้าโกรธคุณควรขอโทษเขาซะ ขอโทษกับรูปปั้นหรือรูปสลักของเขาที่ไหนก็ได้ เขาน่าจะให้อภัยความปากเสียของคุณ” ครองขวัญไหวไหล่กวนๆ

“จะให้ฉันไปขอโทษเทพเจ้าที่ไม่มีตัวตน ไปพูดกับรูปปั้นรูปสลักนี่นะ บ้าหรือไงคุณ คุณนี่เพี้ยนนะ ก่อนออกมาจากบ้านนี่ไม่ได้ทานยาแก้โรคประสาทมาใช่ไหม”

“ให้ตายสิ ผมไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไหนปากไวแบบคุณเลย”

“ฉันก็ไม่เคยเจอผู้ชายที่มารยาทเสียเท่าคุณเหมือนกันสรุปจะไม่ขอโทษที่เดินชนใช่ไหม”

“ผมไม่ได้เดินชนคุณ”

“หมายความว่าตั้งใจชนอย่างนั้นเหรอ”

“ใช่” ครองขวัญมองสบตาคมแบบเอาเรื่อง แต่แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเมื่อประเมินว่าถ้าเกิดมีเรื่องกันตัวต่อตัวเธอคงสู้ผู้ชายตัวใหญ่ๆแบบนี้ไม่ไหว ดังนั้นไกด์สาวจึงใช้ความเร็วเอาเท้าตัวเองกระทืบไปที่เท้าของเขาแรงๆจากนั้นก็ฉวยโอกาสวิ่งหนีไปโดยที่ไม่รอดูผลงาน ถ้าเธอหันมาจะรู้ว่าเขาคนนั้นไม่ได้สะท้านสะเทือนกับสิ่งที่เธอทำลงไปเลยแม้แต่น้อย

“ผู้หญิงบ้า ให้ตายสิ ผู้หญิงทั้งโลกมีมากกว่ากองทัพมด ทำไมต้องเจอแม่ผู้หญิงปากร้ายนิสัยเสียคนนี้ด้วย นางมนุษย์ตัวน้อยนี่ไม่รู้เสียแล้วว่ากำลังพูดอยู่กับใคร ครั้งนี้จะยกโทษให้แต่อย่าให้ได้ยินอีกนะว่าลบลู่ไม่อย่างนั้นเจอดีแน่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel