หนึ่งในดวงใจคือเธอ ตอนที่ 1 บทนำ
หนึ่งในดวงใจคือเธอ
ตอนที่ 1
บทนำ
“หัวใจร่ำมันร้อง ว่าเหนื่อยเหลือหลาย เจ้านายเจ้าขา มีแต่เธอสม่ำเสมอ ถึงซ้ำเดิมหัวใจไม่เคยว่า คอยอยู่เคียงข้างกันเสมอ และเป็นเธอคนเดิมเสมอทุกเวลา.....”
เสียงเพลงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นมาทำให้คิ้วเรียวขมวดทั้งๆที่ดวงตายังคงปิดอยู่ ส่วนมือบางควานหาโทรศัพท์ไปทั่วโต๊ะตัวเล็กที่อยู่ข้างหัวเตียง ใจนึกด่าคนที่โทรมารบกวนเวลานอนของตัวเอง ดวงตาเรียวค่อยๆลืมขึ้นมาพลางอ่านชื่อที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าจอสมาร์ทโฟนและกดรับสายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“มีอะไรหญิงลี โทรมาทำไมตอนนี้” ครองขวัญเอ่ยถามหลังจากกดรับสายแล้ว วราลีหรือหญิงลีเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียน “ขอเตือนว่าถ้าเรื่องที่จะพูดมันเป็นเรื่องไร้สาระแกโดนด่าแน่” ครองขวัญพูดดักคอออกมาทันทีทำเอาคนที่อยู่ปลายสายกลืนน้ำลายเบาๆ เป็นที่รู้กันดีทั้งบริษัทและวงการมัคคุเทศก์ว่าครองขวัญปากร้าย แต่เธอก็ไม่เคยหาเรื่องใครก่อน แถมยังมีน้ำใจมากด้วย ทว่าหากใครทำให้ไม่พอใจแล้วล่ะก็ต้องเจอกับคำด่ายาวๆที่เรียกได้ว่าด่าจนคนฟังเป็นลมได้
“ไม่ไร้สาระหรอกแก คือมีเรื่องให้ช่วยหน่อย” เสียงคนที่อยู่ปลายเอ่ยเบาๆ
“เรื่องอะไร”
“แกตั้งใจจะไปพักที่กรีซแล้วเลยไปอิตาลีใช่ไหม”
“ใช่ ไหน ๆ ก็จับฉลากได้รางวัลตั๋วเครื่องบินพร้อมพ็อคเก๊ตมันนี่จากทางบริษัทแล้วฉันต้องใช้สิยะถามได้”
“แกจะไปคืนนี้ใช่ไหม”
“ใช่ มีอะไร”
“คือว่าอีกไม่กี่วันนี้ฉันต้องพาลูกทัวร์ไปที่นั่นพอดี แล้วแบบว่าวันที่สามของทัวร์ฉันแบบว่ามีนัดทานข้าวกลางวันกับเอ่อ..” ครองขวัญกรอกตาเมื่อพอจะรู้ว่าเรื่องอะไร
“ มีนัดกับพ่อยอดขมองอิ่มเจ้าของร้านอาหารไทยที่นั่นนามว่าคุณภูผาพอดีว่างั้น”
“แหมแกนี่รู้ทันตลอดเลย ฉันรู้ว่าวันที่สามแกจะมาอิตาลี”
“และแกก็อยากให้ฉันช่วยไปดูแลลูกทัวร์ให้”
“ใช่แล้ว ขอร้องนะขวัญ ดูเหมือนว่าเขามีเรื่องสำคัญอยากจะพูดกับฉันด้วย นะ ขอแค่วันเดียว”
“วันที่สามมีโปรแกรมไปที่ไหนบ้าง”
“วันนั้นจะพาไปดูพวกรูปปั้นรูปวาดที่พิพิธภัณฑ์ แกโม้ได้อยู่แล้ว แกรู้เรื่องพวกเทพเจ้าของพวกกรีกพวกโรมันดี และไม่ต้องห่วงเพราะเรามีคุณราฟาเอลเป็นไกด์ท้องถิ่นคอยช่วยแกอีกที แกรู้จักเขาดี ถือว่าทำเพื่อเพื่อนหน่อยถ้าคุณภูเขาเกิดขอฉันแต่งงานขึ้นมาแกจะได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวไง” ครองขวัญกรอกตาอีกครั้ง
“แล้วฉันจะได้พักไหม”
“เห็นใจฉันเถอะนะ แค่วันเดียวเอง ฉันรู้ว่าแกลาพักร้อนตั้ง 10 วัน ไปอยู่กรีซ 3 วัน อิตาลีอีก 5 ที่เหลือกลับมาพักที่ไทยต่อ ขอร้อง เอางี้นะ ทิปฉันให้แกหมดเลย” วราลีเอาเงินเข้าล่อเพราะรู้ว่าเพื่อนนั้นเป็นพวกเกลือเรียกพี่
“ฉันไม่ได้เห็นแก่เงินขนาดนั้นว่าแต่ กรุ๊ปแกมีกี่คน”
“เป็นกรุ๊ปไม่ใหญ่มาก มีแค่ 10 คน” ไกด์สาวนิ่งคิดเล็กน้อย
“รู้ไหมว่าทำแบบนี้มันไม่ดี การเปลี่ยนตัวแบบนี้มันเสียมารยาท เจ้านายเราไม่ชอบแกก็รู้” ครองขวัญเตือน
“ฉันรู้ แต่ขอแค่วันเดียวจริงๆ ครั้งแรกและครั้งเดียว ฉันจะไม่ทำอีก อีกอย่างนะ ฉันขอท่านเจ้าของบริษัทเอาไว้แล้วด้วย พี่เขายอมถ้าแกยอม”
“เออก็ได้” ครองขวัญตอบออกมาในที่สุด
“ดีใจจังขอบใจมากนะแก”
“ไม่ต้องขอบใจ ฉันทำเพราะทิปแค่นี้ใช่ไหม”
“ใช่ว่าแต่เราจะเจอกันที่ไหนดี”
“เจอกันที่โรมเลยก็แล้วกัน”
“ถ้าอย่างนั้นเจอกันที่โรงแรมนะ โรงแรมประจำของบริษัทเรานั่นแหละ” ครองขวัญถอนหายใจ ดูเหมือนว่าวันพักผ่อนของเธอจะหายไปหนึ่งวัน แต่ถึงจะเสียโอกาสที่จะพักผ่อนไป เธอก็จะได้เงินค่าทิปมาแทนถือว่าหายกัน ไกด์สาวเดินมาหยุดที่ระเบียงห้องชุดที่ไม่กว้างนักของตัวเองและมองท้องฟ้าคิดถึงอดีตที่ผ่านมาเงียบๆ
เธอเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่เติบโตมาในชุมชนแออัด มีเพียงย่าเท่านั้นที่ดูแลกันและกันมาตลอด ย่าเสียเมื่อเธอเรียนมัธยมปลายทิ้งสมบัติไว้ให้เล็กน้อย พอเป็นทุนในการศึกษาเล่าเรียนได้บ้างแต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้จบจนถึงระดับปริญญา เลยทำให้ต้องทำทุกอย่างเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวมาตั้งแต่ตอนนั้น และยังดีที่มีห้องเล็กๆให้ซุกหัวนอน การที่ต้องอยู่ในชุมชนแออัดทำให้เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือพึ่งพาตัวเอง รวมทั้งหาทางเอาตัวรอดจากเรื่องต่างๆมาได้ แต่ถึงแม้จะมีโชคร้ายเข้ามาในชีวิต ทว่ามันก็ยังมีโชคดีเข้ามาด้วยคือมีเพื่อนที่ดี วราลีคือเพื่อนคนนั้น เธอกับวราลีต่างกันทุกอย่างรวมถึงอุปนิสัยใจคอแต่มันไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการคบหากันแต่อย่างใด และเพราะวราลีนี่แหละทำให้เธอได้งานเป็นไกด์นำเที่ยวเพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทของพี่ชายแท้ๆของวราลี การที่ผู้หญิงตัวคนเดียวไร้ญาติขาดมิตรต่อสู้มาจนมีคอนโดมือสองที่ยังผ่อนไม่หมดเป็นของตัวเองหนึ่งห้อง รถยนต์มือสองอีกหนึ่งคันกับเงินในบัญชีอีกนิดหน่อยมันก็น่าภูมิใจอยู่หรอกถ้าย่ายังอยู่ก็คงปลื้มไม่น้อยเหมือนกัน
กรุงเอเธนส์ หรือ อะเธเน คือเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศกรีซ ใช้ชื่อตามเทพีอาเธน่า มีประวัติมายาวนานเป็น 1,000 ปีก่อนคริสตกาล ปัจจุบันเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของโลกและเป็นเมืองที่ครองขวัญอยากมาเดินเที่ยวเล่นชิวๆเป็นที่สุดเพราะ ถือว่าเป็นศูนย์รวมของเหล่ามรดกทางวัฒนธรรมยุคคลาสสิก อนุสาวรีย์โบราณ และงานศิลปะที่มีชื่อเสียงและยังคงหลงเหลือมาจนถึงตอนนี้อยู่เป็นจำนวนมาก หญิงสาวชาวไทยเดินปะปนไปกับผู้คนของที่นี่ วันนี้ทั้งวันเธอได้เข้าไปเที่ยวชมสถานที่สำคัญๆของเมืองตั้งแต่เช้ายันค่ำซึ่งก็คือ อะโครโพลิสแห่งเอเธนส์ ซึ่งมีวิหารสามแห่ง คือ วิหารพาร์เทนอน(Parthenon) วิหารอิเรกเทียม (Erechtheum) และมีโรงละครอีกสองแห่งคือ โรงละครเฮโรเดส อัตติกัส (Theatre of Atticus) และโรงละครไดโอนีซัส (Theatre of Dionysus)
ดวงตาเรียวเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือเมื่อเห็นว่าตอนนี้มันเย็นมากแล้วเลยคิดว่านอกจากหาของกินเธอจะหาหนังสือสักเล่มมาอ่านก่อนที่จะกลับโรงแรมด้วย
หญิงสาวก็มาหยุดยืนดูหนังสือที่แผงขายหนังสือเล็กๆที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่พัก แต่การเลือกหาหนังสือที่ถูกใจต้องหยุดลงเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือนั้นดังขึ้นมาเสียก่อน
“ว่าไงคุณหญิงลี โทรมาทำไมเจ้าคะ”
“โทรมาถามว่าวันนี้เที่ยวไปกี่ที่และโทรมาย้ำว่าอย่าลืมเรื่องที่สัญญากันไว้นะคะคุณครองขวัญ” ปลายเสียงประชดกลับบ้างทำเอาคนฟังยิ้มอ่อน
“วันนี้ ก็เที่ยวไอ้ที่เป็นจุดสนใจของเอเธนส์เหมือนที่เคยพาลูกทัวร์มานั่นแหละ ฉันชอบที่นี่เดินไม่เบื่อ ตอนนี้กำลังเดินเล่นในเมืองกะว่าจะเดินต่ออีกสักพักใหญ่ๆค่อยกลับโรงแรม แล้วก็พรุ่งนี้จะเข้าพิพิธภัณฑ์ จากนั้นจะรีบตรงไปโรม” วราลียิ้มเมื่อเพื่อนไม่ลืม
“คิดว่าแกจะลืมเสียอีก”
“ฉันไม่ลืมหรอกน่า มีเงินค่าทิปมาล่อด้วยแล้วยิ่งไม่ลืมเข้าไปใหญ่เลย”
“อย่าเที่ยวเพลินจนลืมหาอะไรรองท้องนะยะ” ครองขวัญยิ้มและจ่ายเงินให้กับเจ้าของแผงหนังสือก่อนที่จะเดินต่อ แต่แล้วด้วยความที่คุยโทรศัพท์ไปมองหนังสือในมือไปทำให้เธอไม่ทันได้มองทางเลยเดินไปชนอะไรบางอย่างเข้า
“โอ๊ย” เสียงร้องของเพื่อนทำให้วราลีตกใจแต่ยังไม่วางสายเพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาวเอ่ยคำขอโทษเป็นภาษาอังกฤษและเงยหน้าขึ้นมองสบตาผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่เพิ่งชนไป ทันใดนั้นก็เหมือนกับว่าโลกทั้งโลกหยุดนิ่ง ผู้ชายคนนี้รูปร่างสูงใหญ่ สง่างาม รูปร่างเรียกได้ว่านายแบบยังอาย ใบหน้าก็หล่อเหลาชนิดที่เรียกได้ว่าถ้าให้พูดตามแบบของเธอคือหล่อจนต้องร้องขอชีวิต หล่อวัวตายความล้ม หล่อเหมือนรูปปั้น ตาของเขาสีฟ้าผมของเขาสีทองหยักศกนิดๆ นี่มันเทพบุตรกรีกชัดๆ
“ระวังหน่อย เรื่องนี้มันจะไม่เกิดขึ้นถ้าระวังมากกว่านี้ เป็นผู้หญิงถ้าไม่สวยเหมือนอโฟรไดท์ก็ไม่ควรซุ่มซ่าม เพราะมันจะยิ่งทำให้ไม่น่ามอง” เสียงของเขาดุและห้วน ส่วนแววตาก็มีแต่รอยตำหนิแถมยังมองเหยียดอีกต่างหาก พอเห็น อากับกิริยาแบบนี้ความหล่อที่เพิ่งชื่นชมในใจก็หายไปแทบจะทันที แถมพูดจบผู้ชายคนนั้นก็พึมพัมเป็นภาษากรีกก่อนเดินจากไปเลยด้วย
“โห มารยาทดีมากพ่อคุณ นั่นใช้ปากพูดหรือเป็นลมที่ปล่อยออกมาจากก้นวะ” หญิงสาวพูดไล่หลังเป็นภาษาไทยเพราะคิดคำด่าภาษาอังกฤษไม่ออกนอกจากคำว่าฟัค
“เกิดอะไรขึ้นขวัญ” เสียงจากปลายสายเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เดินชนคนเข้า”
“หล่อไหมคนที่แกชน”
“คุณหญิงลีเจ้าคะ ไม่คิดจะถามเหรอว่าเพื่อนเป็นอะไรไหม” ครองขวัญถามกลับ
“ก็เท่าที่ได้ยินเสียงดูเหมือนว่าแกจะไม่เป็นอะไร ว่าไงหล่อไหม”
“ก็หล่อ หุ่นเหมือนคริส เฮมส์เวิร์ธ ส่วนหน้าตาก็หล่อเหมือนรูปนั้นเทพเจ้าอะไรนั่น ตาสีฟ้าผมหยักศกสีทอง แต่ดูท่านิสัยจะไม่ดี”
“แกไปรู้นิสัยเขาได้ไง”
“ฟังเสียง ดูแววตาก็รู้แล้วว่าไม่น่าคบ ถึงหน้าตาจะหล่อแค่ไหนแต่ถ้านิสัยห่วยๆก็ไม่ไหวนะรับไม่ได้ ” วราลีหัวเราะ
“แกยังไม่รู้จักเขาเลยแกก็ไปว่าเขาแบบนั้นแล้ว ที่เขาแสดงกิริยาไม่ดีอาจจะเป็นเพราะกำลังหงุดหงิดก็ได้นะ”
“หงุดหงิดแค่ไหนก็ควรเก็บอารมณ์ไว้บ้างไม่ใช่เหวี่ยงกับทุกคน ฉันอาจจะด่าเก่งแต่ฉันไม่เคยด่าแบบสุ่มสี่สุ่มห้านะ” ครองขวัญให้เหตุผล
“ พอแล้ว ฉันว่าแกควรพักหรือหาหนังสือดีๆอ่านเพื่อที่จะได้ไม่หงุดหงิดนะ”
“เออ เจอกันพรุ่งนี้”
“ว่าแต่แกจะมาถึงที่นี่กี่โมงเหรอ” วราลีถามต่อ
“เอาเป็นว่าเจอกันตอนค่ำๆที่โรงแรมเลยก็แล้วกัน” หลังจากนัดหมายกันจบครองขวัญก็กดตัดสายและเดินเล่นชมเมืองต่ออีกพักใหญ่ถึงเข้าที่พัก
ตำนานเก่าแก่โบราณเล่าขานกันเกี่ยวกับเทพแห่งสงครามว่า แอรีสเดินทางไปไหนต่อไหนได้โดยรถศึกขนาดใหญ่และมีการเทียมม้าฝีเท้าจัดนับ 10 ตัว เทพเจ้าองค์นี้มีแสงเกราะและแสงศาตราวุธเป็นอาวุธคู่กาย อาวุธจะส่องแสงบาดตาผู้พบเห็น แถมเขายังมีบริวารคู่ใจที่คอยตามติดอยู่ 2 ตน ได้แก่ เดมอส ชื่อของผู้ติดตามตนนี้นั้นหมายความว่าความกลัว กับ โฟบอส ที่ชื่อแปลว่าน่าสยดสยองด้วย ว่ากันว่าเทพตนนี้มีความทักษะในการต่อสู้ที่เก่งมากแถมยังมีชุดเกราะวิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ มีพลังเหนือมนุษย์ ใช้เวทมนต์ได้ ไม่มีวันแก่ บางที่ก็บอกว่าเขายังมีความสามารถพิเศษทำให้ผู้ที่เขาคุยด้วยเกิดความโกรธจนไปต่อสู้กับผู้อื่นได้อีกต่างหาก มือบางปิดหนังสือที่อ่านลงและเอนตัวไปพิงหัวเตียงด้วยท่าทางที่ดูสบายๆ
นอกจากจะต้องจัดการเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าสำหรับการท่องเที่ยวแล้วยังจะต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเพราะถึงแม้จะเป็นไกด์ก็ต้องหมั่นอ่านทบทวนความรู้และยังต้องเปิดรับเรื่องใหม่ๆเสมอ เมื่ออ่านมานานก็เลยตัดสินใจว่าจะจบที่แอรีสเป็นองค์สุดท้ายก่อนที่จะหลับไปในที่สุด
