ตอนที่ 7 ความแค้นช่างหอมหวาน[1]
จวงหวั่นอี้นั่งรออย่างใจเย็นอยู่หน้าห้องโถงที่เต็มไปด้วยหีบสมบัติ
ส่วนท่านเจ้าเมืองเองก็ได้แต่รู้สึกเวทนาสงสาร แต่ด้วยฐานะ จึงไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้มากเท่าไหร่นัก
"เจ้าทำเช่นนี้ เกรงว่าต่อไปคงจะอยู่ในตระกูลสามีลำบากยิ่งขึ้น เพราะการฟ้องหย่าสามีหาใช่เรื่องง่ายดายอย่างการทวงสินเดิมไม่ อีกอย่างหนึ่งหญิงสาวตัวคนเดียวอย่างเจ้าหากเกิดการหย่าร้างจะยิ่งลำบาก"
"ข้าน้อยเข้าใจดีเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านเจ้าเมืองที่เตือน"
หวั่นอี้เอ่ยขอบคุณด้วยใบหน้าเศร้าสลด
"ถึงข้าจะไม่อาจบังคับตระกูลจวงด้วยตำแหน่งเจ้าเมืองได้ แต่จะกำชับพวกเขาให้ดูแลเจ้าในฐานะญาติผู้ใหญ่ก็แล้วกัน กลับไปจะได้ไม่ถูกรังแกอีก"
ร่างบอบบางลงไปนั่งคุกเข่า "หวั่นอี้ขอบคุณท่านเจ้าเมืองเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะไม่ลืมบุญคุณที่ท่านให้ความช่วยเหลือในวันนี้เลย"
"ลุกขึ้นเถิด อย่าได้ถือเป็นบุญคุณอะไรเลย ความจริงบิดาเจ้ากับข้าก็เคยพบปะสังสรรค์กัน เจ้าเองก็เปรียบเสมือนหลานสาวข้าคนหนึ่ง"
ทั้งสองพูดคุยกันได้พักใหญ่ จวงจิ้งเหยาก็กลับมาพร้อมกับสมบัติที่เหลือด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก แต่นั่นก็หาใช่เรื่องที่หวั่นอี้จะสนใจ
เด็กสาวตรวจนับจำนวนสิ่งของ รวมทั้งชุดที่ตัดจากผ้าพับของนางอย่างละเอียด "ยังขาดปิ่นผีเสื้อ กับผ้าไหมสีชมพูอ่อน ที่จวงเย่าหลีสวมใส่นะเจ้าคะท่านพี่"
"นี่เจ้า!" จวงจิ้งเหยาโกรธจนเกือบจะลืมตัวก่นด่าภรรยา หากว่าไม่เห็นสายตาของท่านเจ้าเมือง ป่านนี้คงจะลงไม้ลงมือไปแล้ว
"หวั่นอี้! ตระกูลจวงของข้ารวมทั้งข้าแสดงความจริงใจถึงเพียงนี้แล้ว เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก ก็แค่ปิ่นอันเดียวกับผ้าหนึ่งพับ เจ้าก็ถือเสียว่าเป็นของขวัญให้น้องสามีไม่ได้หรือ"
"แล้วนางเคยเห็นข้าเป็นพี่สะใภ้บ้างหรือไม่ ตรงไหนที่เรียกว่าความจริงใจ ตระกูลจวงของท่านไม่สมควรจะยึดเอาสมบัติของข้าไปใช้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือ ที่ทวงคืนทั้งหมด มันก็สมบัติของข้า ข้ายังไม่ได้ทวงเงินเดือนส่วนที่ตระกูลจวงสมควรต้องจ่ายให้ภรรยาเอกเลยสักคำ"
"นี่เจ้ายังคิดจะ!"
ฝ่ามือใต้แขนเสื้อของจวงจิ้งเหยากำแน่น โกรธจนตัวสั่น จ้องมองภรรยาด้วยสายตาแข็งกร้าว
"ที่นางพูดมาก็ไม่มีตรงไหนไม่ถูกต้อง นั่นยังไม่นับที่ตระกูลจวงกล้าขัดคำสั่งของข้า จวงจิ้งเหยา เจ้าจะว่าอย่างไรกับเรื่องนี้"
เจ้าเมืองฝูตงหรี่ตามองคุณชายใหญ่ตระกูลจวงด้วยสายตากดดัน นี่ขนาดอยู่ต่อหน้าเจ้าเมือง คนผู้นี้ยังเป็นเช่นนี้ ไม่รู้ว่าหากปล่อยเด็กสาวกลับไปจะถูกรังแกขนาดไหน
"เอ่อ ขะ..ข้าน้อยจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ"
จวงจิ้งเหยาต้องกลับไปที่จวนอีกครั้งด้วยความทั้งเหนื่อยทั้งโกรธ ผิดกับหวั่นอี้ที่รับมื้อเย็นด้วยอาหารเลิศรสจากเหลาชื่อดังที่สั่งมานั่งทานกับท่านเจ้าเมืองรออย่างสบายใจ
"เจ้าจะทำอย่างไรกับสินเดิมมากมายเหล่านี้"
"ข้าน้อยจะขายทุกอย่างเปลี่ยนเป็นทองคำกับตั๋วแลกเงิน ฝากเอาไว้ที่ร้านฝากเงินหลวงเจ้าค่ะ
"อืม นั่นถือว่าปลอดภัยที่สุด นี่ก็ใกล้จะค่ำแล้ว หากจวงจิ้งเหยามาถึง คงต้องรีบพาเจ้ากลับจวนเป็นแน่ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ข้าไม่อาจจะห้ามปรามได้ เมื่อเป็นศัตรูกัน เจ้ากลับไปอยู่ที่นั่น ต้องระวังตัวให้ดี"
"ขอบคุณท่านเจ้าเมืองที่เป็นห่วงเจ้าค่ะ"
ไม่นานคุณชายใหญ่ตระกูลจวงก็กลับมาพร้อมสมบัติที่เหลือ
เป็นอย่างที่ท่านเจ้าเมืองกล่าว สิ่งแรกที่จวงจิ้งเหยาทำ คือพาภรรยากลับจวนให้เร็วที่สุด
เตรียมพร้อมถึงขั้นขนรถม้าหลายคันมาขนหีบสมบัติกลับจวนให้นาง แต่ก็ต้องผิดหวังอย่างรุนแรง เพราะจวงหวั่นอี้นอกจากจะไม่นำสมบัติกลับไปด้วยแล้ว ยังฝากให้ท่านเจ้าเมืองเอาไปเปลี่ยนเป็นทองคำและตั๋วแลกเงิน ฝากเอาไว้ในร้านฝากเงินหลวงอีกต่างหาก
เมื่อสองสามีภรรยาก้าวผ่านประตูศาลออกมา ใบหน้าของจวงจิ้งเหยาก็เปลี่ยนเป็นถมึงทึงทันที
"หากรู้ว่าเจ้าจะสตรีเช่นนี้! ข้าคงไม่มีทางแต่งเจ้าเข้ามาในตระกูลให้เสื่อมเสียหรอก!"
"ควรเป็นข้าที่สมควรพูดประโยคนั้นมากกว่ากระมัง"
หวั่นอี้ยกยิ้มมุมปาก ดวงตาคู่งามมองสบตาคมอย่างไม่เกรงกลัว ผิดกับสตรีอ่อนแอขี้ขลาดที่อยู่ต่อหน้าเจ้าเมืองฝูตงเมื่อครู่ราวกับเป็นคนละคน
จวงจิ้งเหยาโกรธภรรยาจนตัวสั่น แต่ไม่อาจทำอะไรได้ ทำได้แต่ก้าวขึ้นรถม้าแล้วสั่งให้คนบังคับรถเคลื่อนรถออกไปโดยไม่คิดรอ
ฮึ! มุมปากของหวั่นอี้ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน มองตามหลังรถม้าสามีด้วยความสะใจ ก่อนจะสาวเท้าไปยังรถม้าคันถัดไปพร้อมอินฉี
