บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9 คนที่นั่งอยู่ข้างกัน

หนึ่งปรารถนา

ตอนที่ ๙

คนที่นั่งอยู่ข้างกัน

วันพระแรมแปดค่ำ

อากาศเช้าวันเสาร์สดชื่นกว่าทุกวัน ฝนไม่ตก ฟ้าครามเปิด และแดดอ่อนอย่างน่าแปลกใจ

หนึ่งปรารถนาใส่ชุดผ้าฝ้ายสีครีมธรรมดา ๆ ผูกผมรวบเรียบง่าย ตะกร้าผ้าใบเดิมวางอยู่ข้างตัว ในนั้นมีข้าวกล่อง ฝรั่งหั่น และขนมถ้วยฝีมือคุณยาย

วันนี้เธอจะไปวัดใกล้บ้านเพื่อทำบุญตักบาตรประจำเดือน และตั้งใจว่าจะนั่งสมาธิในศาลานั่งธรรมสักครู่ก่อนกลับ

ขณะที่เธอกำลังรอรถสองแถวใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้าน รถยนต์สีเงินคันหนึ่งก็ค่อย ๆ เลี้ยวเข้ามาจอดช้า ๆ

กระจกถูกเลื่อนลง เธอจำรถคันนี้ได้ดี และรู้ว่าใครเป็นคนขับมัน เธอจึงไม่ตกใจมากนักที่เก็นรถจอดเทียบฟุตบาท

“น้องหนึ่งจะไปวัดเหรอครับ?”

เสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้น พร้อมรอยยิ้มเจือแสงแดด

หนึ่งปรารถนาหันไปสบตาเขา ดวงตาเธอมีแววประหลาดใจเล็กน้อย

“พี่หมอโปรด...รู้ได้ยังไงคะ?” เธอจำไม่ได้ว่าตัวเองเปลี่ยนสรรพนามเรียกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอรู้ตัวก็ติดปากไปเสียแล้ว และดูท่าโปรดปรานเองก็ชอบใจกับการที่เธอเรียกเขาว่าพี่แทนคำว่าคุณ

“เห็นตะกร้าแล้วเดาเอาน่ะครับ”เขาหัวเราะเบา ๆ

“แล้วก็...คุณยายของน้องหนึึ่งเดินออกมาบอกพี่เมื่อครู่ ว่าน้องหนึ่งชอบไปวัดทุกวันพระ”

เธอเบือนหน้าหน่อย ๆ เหมือนจะเขิน ก่อนพูดเรียบ ๆ

“แล้วพี่หมอโปรดล่ะคะ ปกติเข้าวัดบ้างมั้ย?”

“เมื่อก่อน...ไม่เลยครับ” โปรดปรานสารภาพตรง ๆ

“แต่ช่วงหลังเริ่มไปบ้าง ไปนั่งเงียบ ๆ ไม่ได้ทำพิธีอะไรมาก แค่...อยากหาที่ที่ไม่มีเสียงโทรศัพท์ กับไม่มีคนไข้เรียกหา”

“วัดใกล้บ้านเราเงียบมากค่ะ มีแต่พระชรา กับแมวสีส้มตัวหนึ่งชื่อมะลิ”เธอยิ้มบาง ๆ ก่อนเอ่ยเสียงเบา

“พี่หมอโปรดจะไปด้วยกันมั้ยคะ?”

โปรดปรานชะงักนิดหนึ่ง คำชวนของเธอเรียบง่าย ไม่มีน้ำเสียงเชื้อเชิญมากมาย แต่ในน้ำเสียงนั้นกลับมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้ว่า...

เธอเริ่ม “เปิดประตู” ให้เขาเข้าไปนั่งตรงขอบระเบียงใจแล้ว

“ไปครับ ไปรถพี่นะครับเดี๋ยวพี่ขับให้เอง”

วัดเล็ก ๆ ในซอยต้นไม้แน่น

เป็นวัดที่ไม่มีแม้กระทั่งที่จอดรถเป็นเรื่องเป็นราว แต่โปรดปรานก็หาที่จอดชิดกำแพงได้ในที่สุด

เขาช่วยเธอถือตะกร้า โดยไม่ได้ถามว่าเธอต้องการให้ช่วยไหมและเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ

เงียบ...แต่นั่นคือ “คำตกลงโดยไม่ต้องพูด”

พระชราสามรูปเดินออกมารับบาตร

เด็กวัดคนหนึ่งยิ้มทักเธอเหมือนคุ้นเคย และมองโปรดปรานด้วยสายตาแปลกใจ

หนึ่งปรารถนาแนะนำเขาสั้น ๆ

“นี่คุณหมอที่ช่วยหนึ่งวันก่อนค่ะ”

โปรดปรานยกมือไหว้พระ และก้มศีรษะกับเด็กวัดคนนั้น

เขารู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่โลกใบเล็กของใครบางคน

โลกที่ไม่หรูหรา ไม่มีเสียงแตรรถ ไม่มีกาแฟราคาแพง

แต่กลับมี “ความสงบ” ที่เขาไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน

พระรูปสุดท้ายรับของจากตะกร้าไปด้วยความเมตตา ท่านกล่าวอนุโมทนาเสียงนุ่ม สายตาอ่อนโยนหันมาทางโปรดปราน

“โยมพาเพื่อนมาใหม่เหรอจ๊ะ หน้าตาดูยังไม่คุ้นเลย”

โปรดปรานยิ้มเก้อ ๆ “ครับ เพิ่งเคยมาครั้งแรก”

“ก็ยินดีต้อนรับนะ วัดเงียบ ๆ แค่นี้เอง ไม่มีอะไร แต่ถ้ามาเรื่อย ๆ ใจก็จะค่อย ๆ สงบลงเอง”

คำพูดของพระชราทำให้โปรดปรานนิ่งคิด เขาก้มศีรษะรับคำ แล้วหันมามองหนึ่งปรารถนา เธอไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้มบาง ๆ แต่ในรอยยิ้มนั้นมีความอ่อนโยนแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

หลังจากใส่บาตรเสร็จ ทั้งคู่เดินไปยังศาลานั่งธรรมริมสระน้ำเล็ก ๆ ที่มีใบบัวลอยกระจาย เงาไม้สะท้อนลงบนผิวน้ำเป็นริ้วระลอก ลมเช้าโชยมาบางเบา

“ที่นี่เงียบจริง ๆ” เขาเอ่ยขึ้น ขณะมองรอบตัว ไม่มีเสียงพูดคุยจอแจ มีเพียงเสียงนกร้องกับลมหวิว

“หนึ่งชอบมานั่งสมาธิตรงนี้ค่ะ ตอนเช้า ๆ แบบนี้มันเหมือนโลกยังไม่เริ่มต้น” เธอวางตะกร้าแล้วหยิบผ้าปูเล็ก ๆ จากในตะกร้ามาปูบนพื้นไม้ ศาลาไม่มีเก้าอี้ มีแค่เสื่อเก่า ๆ กับพัดลมเพดานที่ไม่ได้เปิดใช้

โปรดปรานนั่งลงข้าง ๆ เธออย่างระมัดระวัง เขาไม่รู้จะทำตัวยังไงดีเวลานั่งสมาธิ จึงได้แต่นั่งเงียบ ๆ สังเกตเธออยู่เงียบ ๆ จากหางตา

หนึ่งปรารถนา หลับตาลง มือวางซ้อนกันบนหน้าตักอย่างสงบ ดวงหน้าเธอเรียบเฉย แต่มีบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังมองรูปวาดที่มีชีวิต

“เวลานี้...เธอดูเหมือนเป็นคนละคนกับวันที่ฉันเจอเธอครั้งแรกเลยนะ” เขาคิดในใจเงียบ ๆ

ภาพหญิงสาวที่เขาเคยด่าทอเขากลางถนน วันที่หงุดหงิด ใจร้อน...ค่อย ๆ เลือนหายไปทีละน้อย กลายเป็นคนที่สงบ นิ่ง และมีระยะห่างที่ชัดเจน

และยิ่งเขามอง ก็ยิ่งรู้ว่า...เธอกำลังมี “บางอย่าง” ที่เขาอยากรู้ อยากเข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

ผ่านไปสักพัก เธอลืมตาช้า ๆ แล้วหันมายิ้มน้อย ๆ

“พี่หมอโปรดไม่หลับตาลงบ้างล่ะคะ?”

“กลัวหลับ” เขาตอบทันที “พี่นอนไม่พอมาหลายคืน”

“การหลับในวัด ไม่ใช่เรื่องผิดหรอกค่ะ บางที...ร่างกายก็ต้องการพัก”

เธอพูดเหมือนปลอบ เขาอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้

“แล้วน้องหนึ่งล่ะ คาดหวังอะไรจากการนั่งสมาธิ?” เขาถามขึ้นอย่างแผ่วเบา

เธอเงียบไปนิดหนึ่ง ก่อนตอบเสียงเรียบ

“ความชัดเจนมั้งคะ...ในวันที่มันยังไม่ชัดเจน หนึ่งรู้สึกว่ามันเหมือนมีหมอกบาง ๆ คลุมชีวิตอยู่ตลอดเวลา บางวันหนูก็คิดว่าตัวเองเดินผิดทาง บางวันก็ไม่แน่ใจว่าควรพูดอะไรหรือควรเงียบ...”

เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะเงยขึ้นสบตาเขา

“หนึ่งไม่ได้เป็นคนดีหรอกนะคะ บางทีอาจจะพูดแรง หรือปากร้ายเกินไปบ้าง”

โปรดปราณฟังเงียบ ๆ เขาไม่ได้พูดแทรก

“แต่ที่แน่ ๆ คือหนึ่งพยายามอยู่ตลอด ว่าจะไม่ทำให้ใจตัวเองมันเหนื่อยเกินไป ไม่โกรธใครนาน ไม่ถือสาอะไรถ้าไม่จำเป็น...”

“ฟังดูเหมือนคนที่ใจแข็งนะครับ”

“เปล่าค่ะ หนึ่งเป็นคนที่...กลัวตัวเองเวลาอ่อนแอต่างหาก”

เขายิ้มบาง ๆ แล้วถามกลับ

“แล้ววันนี้...ใจยังอ่อนแออยู่ไหม?”

เธอหันมามองเขานิ่ง ๆ ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ

“ไม่เท่าเมื่อวานค่ะ”

คำตอบของเธอ ทำให้เขานิ่งไปชั่วขณะ รู้สึกว่าในทุกคำพูดของเธอ...มีอะไรบางอย่างที่สะท้อนใจเขากลับมาเหมือนกระจก

หลังจากนั้น ทั้งสองนั่งเงียบ ๆ ด้วยกันอีกครู่หนึ่ง

เสียงแมวร้องเบา ๆ ดังแทรกเข้ามา ก่อนที่เจ้าแมวสีส้มตัวหนึ่งจะเดินเชิดหน้าเข้ามาหา ทั้งสองคนหันไปมองพร้อมกัน

“นั่นแหละค่ะ มะลิ” หนึ่งปรารถนาเรียกชื่อมันเบา ๆ ก่อนจะล้วงหมูปิ้งจากในตะกร้าแล้วยื่นให้แมว มะลิดมแล้วสะบัดหน้า

“กินแต่ปลาทูค่ะ” เธอหัวเราะเบา ๆ “เลือกกินกว่าแมวบ้านทั่วไปอีก”

โปรดปรานโน้มตัวลงลูบหัวแมว “มันเชื่องนะ”

“เฉพาะกับคนที่มาบ่อยค่ะ” เธอหันไปมองเขานิ่ง ๆ “ถ้ามาบ่อย ๆ มันจะยอมให้อุ้มเอง”

เขาหันมาสบตาเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงรอยขบขัน

“น้องหนึ่งกำลังพูดถึงแมว หรือพูดเปรียบกับหนึ่งกันแน่?”

เธอยิ้ม ไม่ตอบ แต่แววตาคู่นั้น...คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด

ช่วงสาย ทั้งสองเดินกลับมายังรถ โปรดปรานเปิดประตูให้เธอเหมือนเป็นเรื่องปกติ

“วันนี้...ขอบคุณนะครับที่ชวน”

“หนึ่งไม่ได้ชวนนี่คะ แค่ถามว่า ‘จะไปมั้ย’ เท่านั้นเอง”

เขาหัวเราะ “ถ้างั้น...พี่ขอชวนน้องหนึ่งบ้างได้ไหม?”

“ชวนไปไหนคะ?”

“วันพระหน้า...พี่ขอเป็นคนมารับน้องหนึ่งเอง”

หนึ่งปรารถนาไม่ตอบทันที เธอมองเขาเงียบ ๆ สักพัก ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ

“ถ้าพี่หมอโปรดไม่ลืมนะคะ”

“ไม่มีทางลืมครับ” เขาตอบทันที ดวงตาหมอหนุ่มในวันนี้ไม่ได้มีเพียงความอ่อนล้าเหมือนวันก่อน ๆ แต่เริ่มมีบางอย่างเปล่งประกายออกมาจากข้างใน

บางอย่างที่เรียกว่า ความตั้งใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel