บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8 เสียงของความเงียบ

หนึ่งปรารถนา

ตอนที่ ๘

เสียงของความเงียบ

หลังจากหนึ่งปรารถนาเดินหายเข้าไปในสวนข้างห้องสมุด โปรดปรานยังนั่งอยู่หลังพวงมาลัยอยู่อีกพักหนึ่ง

ไม่ใช่เพราะเขามีเวลาว่างมากมาย...

แต่เพราะบางอย่างในตัวเขาที่แม้จะเป็นหมอผู้เคยรักษาคนไข้มากมายกลับไม่สามารถวินิจฉัยความรู้สึกของตัวเองได้ชัดเจน

เขาไม่ได้หลงรักหนึ่งปรารถนา

ไม่เลย...มันยังไม่ใช่แบบนั้น

แต่เขาก็แค่ไม่อยากเห็นเธอเดินฝ่าสายฝนคนเดียว

ไม่อยากให้เธอใช้ความเงียบเป็นเกราะกำบังจากโลกทั้งใบ

และไม่อยากให้เธอรู้สึกว่า “ไม่มีใครเลย”

เมื่อมองย้อนกลับไป เขาเริ่มรู้สึกแปลกใจตัวเอง

ตั้งแต่เมื่อไรที่คนหมอที่ใช้ชีวิตตามตาราง รู้จักแต่แผนการและเวลาผ่าตัด กลับเอาใจใส่กับเรื่องเล็กน้อยอย่างร่มลายดอกไม้ และเก้าอี้ใต้ต้นปีบ?

เขาส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะหยิบกาแฟขึ้นจิบ และออกรถมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลอย่างเงียบ ๆ

เสียงเครื่องมือแพทย์ กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ และไฟสีขาวสว่างจัดในห้องผ่าตัด

ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม

แต่สมาธิของเขากลับต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติในการประคับประคองให้มั่น

เขาผ่าตัดได้อย่างแม่นยำเช่นเคย

มือไม่สั่น เสียงไม่สั่น ความมั่นคงทางวิชาชีพยังอยู่ครบ

...แต่ในใจ กลับมีภาพของหญิงสาวในเสื้อกันฝนสีฟ้าลอยผ่านทุกครั้งที่เขาหยุดพักสายตา

หลายวันผ่านไป

โปรดปรานไม่ได้ติดต่อหนึ่งปรารถนาอีกเลย

เขารู้ว่าเธอยังไม่พร้อมทำความรู้จักเขา และเขาก็ไม่อยากเร่งเร้าอะไร หรือทำอะไรให้เธอตกใจ

แต่ความเงียบนั้น...กลับทำให้เขาเริ่มอยากรู้จักเธอในมุมอื่น

วันหนึ่ง เขาแอบเดินเข้าไปในห้องสมุดประชาชนที่ว่า

ใส่ชุดลำลองธรรมดา ใส่หมวกแก๊ปเล็กน้อยเพื่อไม่ให้คนจำได้ง่าย

ห้องสมุดไม่ใหญ่ แต่จัดเป็นระเบียบ สะอาดและเงียบสงบ

มีกลิ่นกระดาษเก่าผสมกับกลิ่นไม้ขัดเงาแบบที่หายากในเมืองใหญ่ และเป็นเอกลักษณ์ที่ห้องสมัดควรจะมี

เขาไม่ได้หวังจะเจอเธอทันที

แต่น่าแปลก...เพียงเดินผ่านแผนกหนังสือวรรณกรรมไทย เขาก็เห็นเธอนั่งอยู่ตรงมุมเดิม

เก้าอี้ไม้ใต้ต้นปีบ ใกล้หน้าต่างที่มองออกไปเห็นสวน

หนึ่งปรารถนานั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ

กระดาษโน้ตสีเหลืองวางเรียงไว้ข้างตัว พร้อมดินสอแท่งเล็กที่ปลายด้านหนึ่งหักออก

ไม่มีใครอยู่ใกล้เธอ

และเธอก็ไม่ได้มองรอบข้างเลยแม้แต่น้อย

ราวกับว่าโลกทั้งใบ...หยุดอยู่ที่บรรทัดตรงหน้าเธอ

โปรดปรานไม่ได้เดินเข้าไปทัก

เขาแค่ยืนอยู่ห่าง ๆ แล้วเดินไปเลือกหนังสือใกล้ ๆ เลือกโต๊ะที่สามารถมองหญิงสาวได้ถนัดตาและนั่งแอบดูอยู่เงียบ ๆ

แต่แค่นั้น...เขาก็รู้ว่า เธอไม่ใช่แค่ “น่าสนใจ”

เธอคือ “พื้นที่สงบ” ที่เขาไม่เคยมี

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน

หนึ่งปรารถนาออกจากห้องสมุดพร้อมตะกร้าเดิม และร่มลายดอกไม้

เธอเดินผ่านสวนเล็ก ๆ ข้างทาง โดยไม่รู้เลยว่า มีใครบางคนกำลังเดินตามห่าง ๆ

ไม่ใช่การสะกดรอยอย่างไม่เหมาะสม

แต่เป็นเพียงความอยากรู้ว่าเธอใช้ชีวิตแบบไหนในแต่ละวัน

เธอแวะร้านขายดอกไม้ริมถนน

เลือกดอกมะลิหนึ่งพวง แล้วจ่ายเงินพร้อมยิ้มเล็ก ๆ

โปรดปรานเห็นรอยยิ้มแบบนั้นอีกครั้งรอยยิ้มที่ไม่ได้มอบให้ใครง่าย ๆ

เขาเดินตามเธอจนถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ไม่แพ้บ้านของคุณย่าเขาที่เธอพักอยู่กับคุณยาย

หลังจากเธอเข้าบ้านไปแล้ว

เขายืนอยู่นิ่ง ๆ ตรงหน้ารั้วอยู่อีกครู่หนึ่ง

ก่อนจะเดินกลับออกมาเงียบ ๆ

หลังเคสผ่าตัดบ่าย โปรดปรานนั่งอยู่ในห้องพักแพทย์คนเดียว

เขาเปิดโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดพิมพ์ข้อความอย่างลังเล

สวัสดีครับน้องหนึ่ง พี่แค่...อยากรู้ว่าน้องหนึ่งกลับถึงบ้านปลอดภัยมั้ยเมื่อวานนี้

นิ้วของเขาค้างอยู่บนปุ่มส่งอยู่หลายนาที

ก่อนจะถอนหายใจ และปิดจอไป

เขายังไม่กดส่ง... หนึ่งปรารถนาไม่ได้ให้เบอร์โทรศัพท์กับเขา แต่มีใครบางคนต่างหากที่สรรหามาให้เขาอย่างยินดี และแน่นอนว่าเขารับไว้อย่างยินดีเช่นกัน โปรดปรานมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะปิดมันลงเช่นครั้งก่อน

ไม่ใช่เพราะเขาขี้ขลาด แต่เพราะเขารู้ว่า ความห่วงใยนั้นไม่ควรถูกยัดเยียด

และความรู้สึกใด ๆ ที่ไม่ถูกขอ...ก็ไม่ควรถูกเสนอให้ก่อนเวลาอันควร

เย็นวันศุกร์

โปรดปราณกลับบ้านเร็วผิดปกติ วันนี้เขาเลือกที่จะมาหาคุณหญิงอิศริยาภรณ์ย่าของเขา ซึ่งปกติเขาก็จะมาหาย่าของเขาอาทิตย์ละครั้งหากไม่มีเคสผ่าตัดด่วนหรือมีนัดกับใคร เขาเดินเข้าครัว ทำอาหารง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

ตอนอยู่มหาวิทยาลัย เขาเคยชอบทำอาหารแต่พอเป็นหมอ เวลาสำหรับตัวเองแทบไม่มี นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาได้ยืนหั่นผักในชุดลำลองขณะเขากำลังต้มซุป กลิ่นหอมของซุปทำให้เขาเหม่อลอยอดคิดไม่ได้ว่าหนึ่งปรารถนาจะชอบกินซุปแบบไหนกันนะ

"ตาโปรด อะไรเข้าสิงล่ะ เสือร้ายถึงได้เข้าครัวมาต้มซุปได้" เสียงสัพยอกของคุณหญิงอิศริยาภรณ์ทำให้โปรดปรานหลุดจากภวังค์ หันมาทำหน้างอให้กับหญิงชราแทน

"คุณย่าก็พูดเกินไปนะครับ เสือร้ายอะไรกัน ผมเนี่ยนะ เป็นแมวน่าจะเหมาะกว่าอีก"

"น่าอย่างแกเนี่ยนะเป็นแมว ถ้าเป็นแมวเป้าก็พอจะเข้าทีอยู่ไม่น้อย แล้วนั่นทำอะไรอยู่ล่ะ" หญิงชราแสร้งชะโงกหน้ามองหม้อต้มซุป คนรับใช้ไปบอกเธอว่าหลายชายตัวดีเธอมา เธอไม่ได้แปลกใจอะไรนัก แต่พอคนรับใช้รายงานต่อว่า โปรดปรานมาแล้วก็พาตัวเองเข้าครัวเนี่ยสิ ทำเอาเธอต้องรีบลุกออกจากห้องเพื่อมาดูให้เห็นกับตาว่าจริงอย่างที่คนรับใช้รายงานเธอหรือเปล่า

"ซุปกระดูกหมูครับ ทำงานมาเหนื่อยๆอยากทานอะไรร้อนๆเสียหน่อย"

"แล้วทำไมไม่ให้คนในบ้านทำให้ล่ะ มาทำเองให้ตัวเหม็นทำไม" หญิงชรามองหน้าโปรดปรานอย่างไม่เข้าใจ คนรับใช้เธอก็ตั้งมากมาย ทำกับข้าวสักสิบอย่างยังไม่ลำบากเลย หากไม่ถูกปาก เขาก็น่าจะสั่งอาหารจากภัตตาคารก็ได้ ทำไมต้องลำบากทำเองด้วย

"เหม็นที่ไหนกันละครับย่า กลิ่นออกหอมขนาดนี้"

"แล้วทำเยอะขนาดนี้ จะเอาไปให้ใครกันล่ะ ดูท่าจะกินได้ทั้งตำบลเลยกระมัง"

"..."

"ยังไงเรา ทำเยอะขนาดนี้ คงไม่ได้ทำกินคนเดียว หรือกินกับย่าแค่สองคนหรอกกระมัง" หญิงชราอดไม่ได้ที่จะถามย้ำอีกครั้ง

"ก็เอาให้คุณย่าไปฝากคุณยายนพมาศไงครับ วันนี้เราไปกินข้าวบ้านนั้นดีไหมครับ" โปรดปรานเสนอ

"ยัยนพมาศชวนเหรอ?"

"เปล่าครับ ไม่ได้ชวน แต่ผมเสนอตัว" โปรดปรานตอบอย่างหน้าตาเฉย ทำไมต้องรอให้ชวน ในเมื่อเขาอยากกินข้าวกับหนึ่งปรารถนา หากเขาชวนเธอ แน่นอนว่าเธอจะปฏิเสธเขาทันที ดังนั้นในเมื่อชวนไม่ได้ ก็เสนอตัวไปกินข้าวที่บ้านเธอแทนเลยล่ะกัน

"ร้ายจริงๆนะ" คุณหญิงอิศริยาภรณ์ยิ้มอย่างชอบใจ

หลังจากที่ไปกินข้าวบ้านนพมาศแล้ว ทุกอย่างในคืนนั้นราบรื่นด้วยดี หญิงชราสองคนคุยกันอย่างถูกคอ ทั้งๆที่ก็คุยกันอยู่แทบทุกวันอยู่แล้ว ผิดกับหนุ่มสาวที่ต่างพากันนั่งกินเงียบๆ โปรดปรานแอบชำเลืองมองหนึ่งปรารถนาอยู่บ่อยครั้ง และบางครั้งก็บังเอิญได้สบตากัน ก่อนที่หญิงสาวจะเบือนสายตาหนี

คืนนั้นโปรดปรานนอนหลับอย่างสงบ ไม่มีเสียงของเครื่องมือแพทย์ในหัว ไม่มีความเครียดจากเคสหนักมีเพียงความคิดถึงบางคน ที่ยังไม่แน่ใจว่าเธอคือใครในชีวิตเขา แต่เขารู้ว่า...เธอไม่ใช่ “ใครก็ได้” แต่เธอคนที่เขาพร้อมจะทุ่มเทให้อย่างไม่ลังเลสักนิด ขอเพียงเธอเปิดโอกาสให้เขาเท่านั้น ขอแค่นั้น เขาก็พร้อมจะทำทุกอย่างให้เธอทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel