ตอนที่ 7 ความบังเอิญหรือโชคชะตา
หนึ่งปรารถนา
ตอนที่ ๗
ความบังเอิญ หรือโชคชะตา
เช้าวันจันทร์ของกรุงเทพมหานคร ไม่เคยอ่อนโยนกับใครเลย แต่ทุกอย่างดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ เป็นความเคยชิน
รถติดตั้งแต่ยังไม่พ้นแยกอโศก ฝนโปรยปรายแบบที่ไม่แรงพอจะทำให้เปียกโชก แต่ก็พอจะทำให้การขับรถกลายเป็นเรื่องลำบาก กระจกหน้ารถของโปรดปรานมีหยดน้ำเล็ก ๆ เกาะพราวปนกับละอองฝุ่นที่สะสมมาหลายวัน เขาปัดมันด้วยที่ปัดน้ำฝนเสียงเอื่อย ขณะขยับรถไปช้า ๆ ตามแถวที่ยาวเหยียด
เช้านี้เขามีเคสผ่าตัดตอนเก้าโมงครึ่งที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในซอยทองหล่อ ระหว่างที่มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัย ข้างหนึ่งถือกาแฟร้อนที่เพิ่งซื้อจากร้านเดิม โปรดปรานก็พยายามดึงสมาธิกลับมาอยู่กับวันข้างหน้า
จนกระทั่ง...
เขาเห็นเธอ
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในเสื้อกันฝนสีฟ้าอ่อนเดินเลียบฟุตบาทริมถนนใหญ่ ข้างตัวมีร่มลายดอกไม้สีจาง ๆ ในมือหนึ่ง และตะกร้าผ้าสีเดียวกันกับร่มในมืออีกข้าง
ไม่มีคำถามในใจของเขาเลยว่าคนนั้นคือใคร
หนึ่งปรารถนา
โปรดปรานชะลอรถโดยอัตโนมัติ แล้วเลี้ยวเข้าข้างทางโดยไม่ทันคิด
“น้องหนึ่ง!” เขาเปิดกระจกฝั่งข้างคนขับแล้วโผล่หน้าออกไปเรียก
หญิงสาวหยุดกึก เธอหันมามอง และในแววตานั้น...มีทั้งความแปลกใจ ความลังเล และร่องรอยของความไม่ไว้วางใจเจืออยู่เพียงบาง ๆ
“คุณ...หมอ?”
“เช้านี้ฝนตก รถติดแบบนี้ น้องหนึ่งจะไปไหนเหรอครับ?”
หนึ่งปรารถนาไม่ได้ตอบทันที เธอเพียงเลื่อนสายตาลงจากหน้าของเขาไปยังพวงมาลัย ก่อนจะตอบเสียงเรียบ
“ไปห้องสมุดประชาชนค่ะ”
“เดินไปเหรอ? รู้มั้ยว่านี่มันอันตรายนะ ถนนตรงนี้ไม่มีฟุตบาธต่อเนื่องด้วยซ้ำ”
“ค่ะ...แต่หนูไม่ได้ขับรถ และไม่อยากรบกวนคนขับรถของยายด้วย หนูอยากเดินเองบ้าง” หนึ่งปรารถนาตอบตามความจริง บ้านของเธอเดินออกไปไม่ไกลนักก็จะเห็นป้ายรถเมล์ เธอจึงเลือกที่จะไปเองมากกว่ารบกวนคนที่บ้าน
เขาเงียบไปชั่วครู่
“ขึ้นรถมั้ยครับ พี่จะไปทางนั้นพอดีเลย เดี๋ยวแวะส่งให้” โปรดปรานอาสา
“ไม่เป็นไรค่ะ หนู...ไม่อยากลำบากคุณหมออีกแล้ว” หนึ่งปรารถนาปฏิเสธทันที เธอรู้ว่าเขาเป็นหลานชายเพื่อนของนพมาศ แต่เธอถูกสอนว่าอย่าไว้ใจใครง่ายๆ แม้กระทั่งคนรู้จักก็ตาม
“ไม่ลำบากเลยครับ พี่เป็นคนทำให้น้องหนึ่งลำบากใจมาแล้วครั้งหนึ่ง พี่แค่อยากชดเชย…”
น้ำเสียงของเขานุ่มลง ราวกับพูดออกมาจากความตั้งใจจริง
หนึ่งปรารถนามองเข้าไปในดวงตาของเขา เห็นความเหนื่อยล้าและความจริงใจที่ไม่ได้ปรุงแต่งอย่างตอนแรก
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
โปรดปรานเลื่อนประตูฝั่งข้างคนขับเปิด เธอก้าวขึ้นไปนั่งช้า ๆ แล้ววางตะกร้าไว้บนตัก ปิดร่มและพับเก็บเงียบ ๆ
ในรถเงียบอยู่ครู่ใหญ่ ไม่มีใครพูดอะไร ราวกับต่างฝ่ายต่างไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นบทสนทนายังไงดี
จนกระทั่ง...
“น้องหนึ่ง...ไปห้องสมุดประชาชนแถวไหนครับ?”
“สุขุมวิท ซอย 31 ค่ะ”
“อ๋อ ที่อยู่ติดกับสวนเล็ก ๆ ใช่มั้ยครับ?”
“ใช่ค่ะ หนูชอบตรงนั้น มีเก้าอี้ใต้ต้นปีบ ร่มดี แล้วกลิ่นดอกไม้ก็หอม”
“ผมเคยไปนั่งอ่านหนังสือตรงนั้นตอนเรียนแพทย์ ปีห้า” เขาหัวเราะเบา ๆ “แต่ตอนนั้นไม่ค่อยมีเวลาอ่าน เพราะง่วงตลอด”
หนึ่งปรารถนาอมยิ้มเงียบ ๆ แต่ไม่ตอบอะไร
โปรดปรานแอบมองเธอผ่านหางตา เขาเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ตรงมุมปากที่ไม่ได้ฝืน
ในหัวของเขาเริ่มมีคำถามลอยเข้ามา
เด็กคนนี้มาจากบ้านที่เย็นชาขนาดไหน...เธอถึงได้ดูตื่นตระหนกกับความอ่อนโยนเพียงเล็กน้อย?
เมื่อรถจอดหน้าทางเข้าห้องสมุด โปรดปรานหันมาหาเธอ “ถ้าไม่รบกวน...พี่ขอเบอร์โทรน้องหนึ่งได้มั้ยครับ?”
หนึ่งปรารถนาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ
“เพื่ออะไรคะ?”คำถามที่ทำเอาโปรดปราณวางสีหน้าไม่ถูก ปกติมีแต่คนเสนอให้ แต่หนึ่งปรารถนาเขาเอ่ยปากขอเองด้วยซ้ำ แต่หญิงสาวกลับตั้งคำถามว่า เพื่ออะไรอย่างนั้นเหรอ?
“ไม่รู้เหมือนกันครับ” เขาตอบตรง ๆ
“อาจจะแค่...อยากส่งข้อความขอโทษอีกครั้ง ไม่ก็แค่อาจจะแค่...อยากเป็นใครสักคนที่น้องหนึ่งไว้ใจได้จริง ๆ สักวันหนึ่ง”
เธอเงียบไปนาน จนโปรดปรานคิดว่าเธอคงจะปฏิเสธ
แต่แล้ว...
“คุณหมอไม่ต้องขอโทษหนึ่งตลอดหรอกค่ะ” เธอพูดขึ้นในที่สุด
“แค่คุณหมอไม่ทำแบบเดิมกับคนอื่นอีก หนึ่งก็พอใจแล้ว”
“...งั้นขอแค่ได้ถามว่าน้องหนึ่งกลับถึงบ้านปลอดภัยหรือเปล่า ก็ได้ครับ”
หญิงสาวนิ่งไปอีกครั้ง ก่อนจะพูดเบา ๆ
“คุณหมอ...ขอหนึ่งใช้เวลาอีกหน่อยได้มั้ยคะ? หนึ่งยังไม่สะดวกจริงๆค่ะ”
ประโยคนั้นตรงและอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด
โปรดปรานพยักหน้า
“ได้ครับ ไม่ต้องรีบเลย”
หนึ่งปรารถนาเปิดประตูรถลงไป ฝนหยุดตกแล้ว แต่พื้นยังเปียก เธอหันกลับมายิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในเขตสวนข้างห้องสมุด
โปรดปรานนั่งมองร่างเล็ก ๆ ของเธอเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ
ความเงียบนี้…แปลกประหลาดกว่าครั้งไหน ๆ
ไม่ใช่ความอึดอัด แต่มันเหมือนกับว่าเป็นความรู้สึกที่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก โปรดปรานไม่ได้โกรธที่ถูกหนึ่งปรารถนาปฏิเสธ แต่ก็ยังอดแปลกใจตัวเองไม่ได้ ที่ยืนยันว่าจะรอให้เธอพร้อม พร้อมที่จะให้โอกาสเขา และพร้อมที่จะเปิดใจให้เขาด้วยการเรียนรู้…ที่จะ “มองเห็น” กันและกัน
