ตอนที่2 : เสนองาน
เอวาออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อมาทำงานที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน พอตกเย็นเธอก็มุ่งหน้าไปรับใบปลิวมาแจกผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวถนนคนเดิม ส่วนในวันหยุดที่ทุกคนได้พักคือวันที่เธอกับน้องๆ ช่วยกันทำของที่ระลึกไปวางขายตามสถานที่ต่างๆ
"เดือนหน้าต้องจ่ายค่าเทอมของยองมี ซารัง ยองแอ แล้วก็ยูจู" เอวาคำนวณค่าเทอมน้องๆ ทั้งห้าคนที่ยังอยู่ชั้นประถม ส่วนอีกห้าคนเพิ่งขึ้นมัธยม
"เดี๋ยวต้องหาค่าเทอมเผื่ออีกห้าคนที่เหลือด้วย" หญิงสาวเดินไปคำนวณเงินไปพลางเหมือนที่ทำประจำ ทุกวันนี้ในหัวของเธอมีแค่เรื่องงานกับครอบครัวเท่านั้น
"อ้าว! เอวาทำไมมาเร็วจัง" เสียงเพื่อนร่วมงานเอ่ยทักคนที่กำลังเดินคิดเรื่อยเปื่อยคนเดียวให้ได้สติ เอวาหยุดชะงักเท้าหันมองตามเสียงเรียกถึงได้รู้ว่าถึงที่ทำงานของตนเองแล้ว
"เธอก็มาเร็วเหมือนกันนะโซมี" เอวาทักทายเพื่อนร่วมงานกลับแล้วเดินไปเตรียมตัวเข้าทำงาน เธอไม่เคยเกี่ยงงานต่อให้งานหนักเบาแค่ไหนเธอก็สู้ตายขอแค่ได้เงิน
ตลอดทั้งทั้งวันตั้งแต่เช้าถึงเย็นเอวาทำงานอย่างเต็มที่คุ้มกับเงินเดือนที่ได้รับ เมื่อถึงเวลาเลิกงานเธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปแจกใบปลิวของร้านอาหารต่อเพื่อเป็นงานเสริม
"ทำงานไม่ได้พักผ่อนเลยนะเอวา"
"งานฉันไม่ได้หนักหนาเสียหน่อย ไปก่อนนะ" โบกมือลาเพื่อนก่อนจะรีบวิ่งไปยังร้านอาหารเพื่อรับใบปลิวมาแจก ถ้าเธอไปช้าคนอื่นๆ จะชิงตัดหน้าไปเสียก่อน
"นี่เธอ" เอวาที่กำลังแจกใบปลิวอยู่รีบหันไปตามเสียงเรียกและแรงสะกิดจากอีกคน
"คะ?" คนตัวเล็กทำหน้ามึนงงพร้อมกับส่งใบปลิวให้ตามความเคยชิน
"สนใจทำงานสบายๆ ได้เงินเยอะไหม" คำชวนของอีกฝ่ายทำให้เอวาก้าวถอยหลัง
"ไม่ค่ะ" หญิงสาวปฏิเสธทันควันเพราะเธอไม่ได้รู้จักคนตรงหน้า
"อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจสิจ๊ะ พอดีฉันเป็นเอเจนซีจัดหาคนงานไปทำงานที่อิตาลี เงินเดือนดี สวัสดิการก็ดี" พอได้ยินคำว่าเงินดีเอวาจึงตัดสินใจหยุดฟัง
"งานอะไรคะ? ผิดกฎหมายหรือเปล่า" เธอไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมายจึงรีบถามก่อนให้แน่ใจ
"ไม่ผิดกฎหมายแน่นอน เป็นบริษัทผลิตอาหารแปรรูป" หญิงตรงหน้าเอ่ยพร้อมกับยื่นนามบัตรของบริษัทให้กับเธอ เอวารับมาแต่ชื่อบริษัทเป็นภาษาอิตาลีเธอจึงอ่านไม่ออก
"แต่ว่าฉันไม่มีหนังสือเดินทางนะคะ"
"เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาเลยจ้ะ ทางบริษัทจะจัดให้เพียงแค่ตอบตกลง ไม่ต้องเสียค่าอะไรเลยนะ บริษัทจัดการให้หมดทุกอย่างเลย" เอวาเริ่มคล้อยตามคำบอกเล่าของอีกคน งานที่ได้เงินมากพอจะทำให้น้องๆ สบายมันไม่ได้มีเยอะ แต่ใจเธอก็กลัวจะโดนหลอกไปเป็นแรงงานต่างด้าวเหมือนที่เคยดูในข่าว
"ฉันขอตัดสินใจก่อนนะคะแล้วจะติดต่อไป" เอวาเก็บนามบัตรเข้ากระเป๋า
"ได้จ้ะแต่พี่อยากจะบอกว่าโอกาสดีๆ ไม่ได้มีมาบ่อยๆ นะ บริษัทเปิดรับพนักงานต่างชาติแค่ปีละครั้งเท่านั้นนะลองคิดดูให้ดีนะจ๊ะ" หญิงตรงหน้ากระซิบข้างหูเธอเบาๆ ราวกับกลัวใครจะได้ยินเหมือนว่าเธอคือผู้โชคดีที่ได้งานนี้
"แล้วถ้าฉันตกลงเดินทางวันไหนคะ"
"เดือนหน้าจ้ะ จะมีรถมารับไปสนามบินพร้อมกับคนอื่นๆ"
"มีคนทำงานนี้เยอะเหรอคะ" เอวาตาโตไม่คิดว่าจะมีคนสนใจงานนี้เหมือนกับเธอ
"แหม! งานดีเงินดีแบบนี้ใครไม่สนบ้างล่ะคะ"
"เงินดีที่ว่าได้เท่าไหร่คะ" เธอต้องรู้จำนวนเงินก่อนที่จะตัดสินใจเพราะถ้ามันไม่คุ้มเธอจะไม่เสี่ยง
"ค่าเงินยูโรมาตีเป็นเงินวอนก็น่าจะหลักๆ สิบล้านได้จ้ะ"
"สะ..สิบล้าน! สิบล้านวอนต่อเดือนเลยเหรอคะ" เอวาตาค้างตกใจกับจำนวนเงินที่ได้ยิน เท่ากับว่าเธอทำงานแค่ไม่กี่เดือนก็ได้เงินมากกว่าที่เธอทำงานตลอดทั้งปี
"ใช้จ้ะ ไม่มีสัญญาผูกมัดถ้าพอใจกับเงินแล้วก็กลับบ้านได้เลย"
"จะ..จริงเหรอคะ" คนที่กำลังต้องการเงินพอมีคนมาเสนอรายได้ที่ไม่คาดคิดมีใครบ้างที่ไม่สนใจ
"จริงสิ บริษัทเราเป็นบริษัทใหญ่นะไม่โกหกเล่นๆ หรอกจ้ะ" หญิงตรงหน้าแต่งตัวภูมิฐานน่าเชื่อถือทำให้เอวาหลงเชื่อปักใจไปเสียสนิท
"แต่ว่า..ฉันต้องดูแลน้องๆ ค่ะ" เอวานึกถึงน้องๆ ที่บ้าน
"ทำงานแค่ไม่กี่เดือนครอบครัวเธอก็สบายแล้วนะ จะส่งเงินกลับบ้านเมื่อไหร่ก็ได้ ทุกคนเขาก็ทำแบบนี้" เอวาชั่งใจไม่รู้ว่าควรตัดสินใจอย่างไร งานที่เสนอมาก็น่าสนใจแต่เธอก็ยังมีน้องๆ ที่ต้องดูแล
"ฉันขอไปตัดสินใจก่อนนะคะ"
"ได้สิจ๊ะ อย่าช้านะเพราะถ้าโควตาเต็มจะปิดรับทันทีเลย" ยิ่งได้ยินคำพูดแบบนี้ก็ยิ่งคิดหนัก เธอไม่อยากเสียโอกาสนี้ไป แต่ถ้าไปเธอจะใช้ชีวิตที่ต่างแดนตัวคนเดียวได้หรือ
ตลอดทางกลับบ้านเอวาได้แต่คิดตีกันวุ่นวายในหัว เธอจะบอกกับแม่อย่างไรเรื่องงานนี้ ท่านจะคิดอย่างไรกับการตัดสินใจของเธอ
"พี่เอวากลับมาแล้ว" เสียงน้องสาวตัวน้อยตะโกนเรียกพร้อมกับวิ่งมากอดเอวเธอ
"ยองแอวิ่งหน้าตั้งมาแบบนั้นเดี๋ยวก็ล้มหรอก" เอวาดุน้องสาวที่วิ่งไม่ระวัง
"ไม่ล้มหรอก ยองแอเก่ง"
"จ้าๆ ถ้าล้มขึ้นมาอย่าร้องไห้เห็นนะ" เอวาบีบจมูกน้องด้วยความมันเขี้ยวก่อนจะจูงมือน้องสาวเข้าบ้าน
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางเลือดกันแม้แต่คนเดียว แต่เพราะมีชะตากรรมเหมือนกันจึงทำให้ทุกคนมอบความสุขและความอบอุ่นเติมเต็มซึ่งกัน
"แม่คะ..หนูขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมคะ" เมื่อเด็กๆ เข้าห้องนอนเอวาตัดสินใจคุยกับแม่บุญธรรมของตนเอง
"มีอะไรหรือเปล่าเอวา สีหน้าลูกดูเครียดๆ ตั้งแต่เมื่อเย็นแล้วนะ" แม่ที่แสนใจดีคอยสังเกตลูกๆ อยู่เสมอเอ่ยถามลูกสาวคนโตด้วยความเป็นห่วง
"วันนี้มีคนมาเสนองานที่น่าสนใจให้หนูค่ะ เงินเดือนดีมากเลยค่ะ ทำไม่กี่เดือนก็เท่ากับที่หนูทำทั้งปีแล้วค่ะ"
"งานที่หนูว่ามันคืองานอะไรเอวา" คนเป็นแม่อดเป็นห่วงไม่ได้ ถึงปีนี้เอวาจะอายุยี่สิบสามแล้วแต่ไม่ค่อยจะทันคน
"งานของบริษัทอาหารแปรรูปค่ะแม่"
"งานก็ดูไม่ได้มีอะไรมากทำไมได้เงินเยอะจังล่ะ"
"เป็นบริษัทที่อิตาลีค่ะ สกุลเงินคิดเป็นยูโรพอตีเป็นเงินวอนก็เลยเยอะค่ะ" เอวาไม่ปิดบังข้อมูลที่ได้รับกับผู้เป็นแม่
"อิตาลีเลยเหรอลูก มันไกลไปหรือเปล่าอีกอย่างแม่เป็นห่วงลูกนะเอวา" ถึงจะไม่ใช่ลูกที่คลอดออกมาแต่เธอก็เลี้ยงดูเอวาตั้งแต่เด็กทำให้ผูกพันยิ่งกว่าสายเลือดเดียวกัน
"หนูอยากลองดูค่ะแม่ หนูอยากให้แม่กับน้องๆ สบาย"
"อย่าทำอะไรเกินตัวนะลูก ถ้าหนูเหนื่อยเดี๋ยวแม่ช่วยหาเงินอีกแรง"
"ไม่ค่ะแม่ สุขภาพแม่ไม่ค่อยแข็งแรงทำงานหนักไม่ได้นะคะ" แม่ของเธอเป็นโรคหัวใจที่รอการผ่าตัดและนี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เอวาต้องการหาเงินให้ได้เยอะๆ
"แต่แม่ไม่อยากให้ลูกต้องเหนื่อยคนเดียว" เธอรู้สึกเหมือนเป็นตัวถ่วงของลูก เอวาไม่ยอมเรียนมหาวิทยาลัยหลังจากรู้ว่าเธอป่วยและตัดสินใจทำงานส่งน้องๆ ด้วยตนเองโดยไม่บ่นเหนื่อยแม้แต่คำเดียว
"หนูไม่เหนื่อยค่ะแม่ ให้หนูไปนะคะ หนูสัญญาค่ะว่าจะดูแลตัวเองให้ดี" เอวาขออนุญาตผู้เป็นแม่หลังจากตัดสินใจแล้วว่าเธอจะลองไปดูสักครั้ง
"ถ้าลูกมุ่งมั่นแบบนั้นแม่ก็ไม่ห้ามหรอกนะ แต่แม่เป็นห่วงลูกนะเอวา" มือเริ่มเหี่ยวย่นลูบกรอบหน้าลูกสาวอย่างอ่อนโยน
"หนูจะไม่ทำให้แม่ต้องห่วงค่ะ จะติดต่อมาหาบ่อยๆ ค่ะ" เอวาให้คำมั่น เธอจะตั้งใจทำงานเก็บเงินส่งให้แม่กับน้องๆ ที่มีเธอเป็นเสาหลักครอบครัว ทุกวันนี้แค่เงินจากสวัสดิการที่ได้รับมันไม่พอที่จะดำเนินชีวิตให้สบายได้ เธออยากให้น้องๆ ได้กิน ได้เที่ยว ได้ทำในสิ่งที่รักโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเหมือนที่เธอเคยเป็น
"ฉันตกลงค่ะ" เสียงหวานเอ่ยกับคนในโทรศัพท์ทันทีที่ตัดสินใจและได้คุยกับผู้เป็นแม่เรียบร้อย
"ค่ะ พรุ่งนี้เจอกันที่นัดพบนะคะ" เอวาตอบกลับอย่างไม่รีรอเอเจนซีนัดเจอเธอเพื่อคุยเรื่องเอกสารการเดินทางในวันพรุ่งนี้ เพราะอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเธอต้องเตรียมตัวเดินทางไปอิตาลี
