หนี้ใจมาเฟียไร้รัก

94.0K · จบแล้ว
เพลินฝัน
54
บท
31.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

จากหนี้บุญคุณกลายเปลี่ยนเป็นหนี้หัวใจที่ใช้คืนอย่างไรก็ไม่มีวันหมด ทำให้เธอต้องอยู่ในสถานะที่ไร้ตัวตน ดวงอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้าคือสัญญาณของการหมดวันและหมดเวลาของเธอด้วย หญิงสาวทอดสายตามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดสลับกับประตูที่รอให้ใครบางคนเปิดเข้ามา "คุณแมทธิว.." เสียงหวานเรียกชื่อของชายที่เธอมอบใจให้เขาจนหมด ใบหน้าสวยเผยรอยยิ้มกว้างเมื่อได้เห็นเขา "เก็บของเสร็จแล้วใช่ไหม" ชายหนุ่มเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ใบหน้าหล่อคมไม่แสดงอารมณ์แต่อย่างใด "เก็บแล้วค่ะ" เอวาพยักหน้าน้อยๆ พลางมองกระเป๋าเสื้อผ้าที่อยู่มุมห้อง "พรุ่งนี้ฉันจะให้คนไปส่งที่สนามบิน" สิ่งที่เธอหวังคือการให้เขายื้อเธอเอาไว้ แต่จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเขาเป็นคนเอ่ยปากให้เธอไปเองและมันเป็นสิ่งที่เธอขอร้องเขา "ค่ะ" คนตัวเล็กเงยหน้าส่งยิ้มให้เขาอย่างมีความหวังอันน้อยนิด พรุ่งนี้เธอต้องไปจากเขาแล้วจริงๆ "ฉันคงไม่ได้ไปส่งเธอ" แมทธิวเอ่ยพร้อมกับเสหน้ามองทางอื่น "ไม่เป็นไรค่ะ" เอวายังคงส่งยิ้มให้เขาราวกับเธอไม่ได้เสียใจที่ต้องไปจากเขา แต่ที่จริงแล้วเธอแค่พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ "เธอรู้ใช่ไหมที่ฉันต้องทำแบบนี้เพราะอะไร" "รู้ค่ะ ฉันเข้าใจคุณนะคะ" เพราะเธอไม่ใช่คนที่ถูกเลือก ฐานะที่ต่างกันไม่มีวันเข้ากันได้

ดราม่ามาเฟียเศรษฐีโรแมนติก18+

ตอนที่1 : ผู้หญิงอาภัพ

[ประเทศเกาหลี]

มาเฟียหนุ่มได้มาเยือนในประเทศที่ไม่เคยคิดว่าจะได้มาเหยียบ แมทธิวถอดแว่นตาสีดำพลางสอดส่องมองไปยังรอบๆ ที่มีผู้คนเดินกันพลุกพล่าน

"รับใบปลิวด้วยนะคะ" หญิงสาวเอ่ยด้วยภาษาที่เขาไม่คุ้นเคย ชายหนุ่มก้มมองคนตัวเล็กที่สูงเพียงแค่แผงอกด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

"อ้าว! ไม่ใช่คนเกาหลีเหรอ" เสียงหวานบ่นอุบอิบเบาๆ เธอมัวแต่ก้มหน้าแจกใบปลิวจนไม่ได้มองว่าคนตรงหน้าเป็นชาวต่างชาติ

"เดี๋ยว!" มือหนารั้งแขนเธอไว้ก่อนที่เธอจะเดินไป เขารู้สึกติดใจกับใบหน้าสวยๆ ดวงตาใสซื่อราวกับกระรอกตัวน้อยของคนตรงหน้าเสียจริง

"คะ?" หญิงสาวเกาหลีตัวเล็กเพียงแค่อกขานรับตอบด้วยภาษาอังกฤษที่เคยร่ำเรียนมา แมทธิวก้มมองเธอแล้วเพ่งพิจารณาคนตัวเล็กอย่างไม่วางตา

"มาเป็นผู้หญิงของฉันไหมคนสวย" คำถามของเขาทำให้เธอยืนอึ้งตะลึงงัน หญิงสาวรีบผลักตัวออกจากเขาเมื่อได้สติ

"เป็นบ้าหรือไงคะ คิดว่าเป็นคนต่างชาติแล้วจะมาคุกคามกันได้หรือไง ไอ้โรคจิต!" เธอสบถด่าเป็นภาษาอังกฤษแล้วรีบวิ่งหนีเข้าไปในฝูงชนจำนวนมาก แมทธิวมัวแต่ยืนอึ้งไม่คิดว่าจะถูกผู้หญิงด่าว่า 'ไอ้โรคจิต'

คนตัวเล็กรีบวิ่งหนีชายร่างยักษ์ที่จู่ๆ ก็ให้เธอไปเป็นผู้หญิงของเขา ถึงเธอจะเคยโดนดูถูกอยู่บ่อยครั้งแต่ผู้ชายตัวโตคนนี้น่ากลัวกว่าคนที่เธอเจอเป็นไหนๆ

"ทำตัวอย่างกับมาเฟีย" เสียงหวานบ่นอุบอิบเบาๆ เธอสังเกตเห็นการแต่งตัวของเขาถึงจะดูธรรมดาแต่ท่าทางและใบหน้าของเขาเหมือนพวกมาเฟียไม่มีผิดเพี้ยน

"พี่เอวา! แจกหมดหรือยังได้กลับบ้านกัน" เสียงตะโกนเรียกของอีกคนทำให้หญิงสาวร่างเล็กหันกลับไปมอง

"อืม ใกล้หมดแล้วยูจูพาน้องๆ กลับไปก่อนเลยเดี๋ยวพี่ตามไป" หญิงสาวที่ถูกเรียกชื่อขานรับน้องๆ ที่มีชะตากรรมเดียวกับเธอ

"แล้วพี่เอวาล่ะ"

"เดี๋ยวจะแจกให้หมดแล้วไปรับมาเพิ่มน่ะ" เอวาตอบน้องๆ กลับไป เธอมีน้องๆ สิบคนแต่ละคนล้วนมากจากคนละที่ และทุกคนเป็นกำพร้าที่อยู่ภายใต้การดูแลของคนใจดีที่พวกเธอเรียกว่าแม่

"งั้นพวกเราไปช่วย" เสียงสดใสของน้องๆ สามคนไม่ยอมกลับบ้านร้องขอตามพี่สาวไปทำงาน

"ไม่ได้ๆ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนกันไม่ใช่เหรอรีบกลับบ้านไปทำการบ้านก่อนเลย" เอวาดันหลังเด็กสาวทั้งสามคนให้รีบกลับบ้าน

"ก็ได้ พี่เอวาก็รีบกลับบ้านนะ" เด็กหญิงทั้งสามคนโบกมือให้พี่สาวคนโตประจำบ้านที่คอยช่วยแม่หาเงินส่งน้องๆ ในบ้านเรียนหนังสือ

ชื่อของเธอคือเอวา คิม เธออายุมากสุดในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า เอวาไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ ไม่เคยนึกสงสัยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหน ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับพวกท่านอีกเลย

"รับใบปลิวหน่อยนะคะ" หญิงสาวยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขยันขันแข็ง เพราะเธอมีหลายชีวิตที่ต้องพึ่งเธอ

ขาเรียวก้าวฉับๆ พร้อมกับสองมือหิ้วของพะรุงพะรังเดินเข้าบ้านหลังเล็กที่เปรียบเสมือนที่ซุกหัวนอนของเหล่าเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครต้องการ

"แม่จ๋าพี่เอวากลับมาแล้ว" เสียงเด็กเล็กตะโกนหาคนที่พวกเธอเรียกว่าแม่ ท่านคือคนที่เก็บพวกเธอมาเลี้ยง แม้ตัวเองจะไม่ได้มีทุนทรัพย์มากแต่ก็ไม่เคยใช้พวกเธอในการหาเงิน

"เสียงดังเชียวยองแอ" เสียงผู้เป็นแม่แสนใจดีที่อุปถัมภ์เลี้ยงดูทุกคนในบ้านที่มีชะตากรรมเดียวกันเอ่ยถามเด็กหญิงตัวน้อยที่ตะโกนลั่นเสียงดัง

"พี่เอวากลับมาแล้วค่ะแม่" ยองแอเด็กหญิงวัยเพียงเจ็ดขวบที่โดนครอบครัวทิ้งไว้ข้างถังขยะ โชคดีที่เอวากับแม่ไปเจอจึงเก็บมาดูแล

"แม่เห็นแล้วยองแอ" ยองแอเป็นเด็กที่ค่อนข้างซุกซนและเสียงดังทำให้โดนผู้เป็นแม่เอ็ดอยู่บ่อยครั้งแต่เด็กน้อยก็ไม่มีท่าทีว่าจะฟังเลยสักนิด

"ทำไมวันนี้กลับช้าคะ"

"พี่แวะซื้อคอร์นด็อกร้านประจำมาให้เอาไปแบ่งพวกพี่ๆ เขานะยองแอ..อย่ากินคนเดียวล่ะ" เอวาส่งของในมือให้เด็กน้อยที่ติดเธอแจ

"เหนื่อยไหมลูก" ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกสาวคนโตที่รับมาเลี้ยงเป็นคนแรก

"ไม่ค่ะ" หญิงสาวตอบเสียงดังฟังชัด เธอทำงานแค่นี้ยังไม่เหนื่อยเท่าแม่ที่คอยเลี้ยงดูพวกเธอทุกคน

"ถ้าแม่มีเงินมากกว่านี้ลูกคงได้เรียนต่อ" คนที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าแต่ไม่มีเงินมากพอจะดูแลทุกคนได้ดีก้มหน้ารู้สึกผิด

"หนูไม่ได้อยากเรียนต่อสักหน่อยค่ะ ทำงานแบบนี้สนุกดีออกค่ะแม่" เอวากุมมือผู้เป็นแม่ขึ้นมา เธอไม่อยากให้ท่านน้อยเนื้อต่ำใจ แค่เธอได้มีครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้ก็ดีใจมากแล้ว

"ขอบใจนะเอวา แม่จะช่วยหาเงินอีกทางนะ"

"แม่เหนื่อยมามากแล้วค่ะ ให้เอวาได้ตอบแทนบุญคุณแม่บ้างนะคะ" ถ้าไม่มีคนตรงหน้าเธอคงได้กลายเป็นคนไร้บ้าน ไม่มีครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้

บ้านหลังนี้มีเด็กกำพร้าทั้งหมดสิบชีวิตถ้ารวมเธอกับแม่อุปถัมภ์ด้วยก็เป็นสิบสองคน ทุกคนล้วนแต่เป็นผู้หญิงทั้งนั้น บ้านของเธอไม่ได้รับบริจาคเหมือนมูลนิธิอื่นๆ เอวาจึงกลายเป็นเสาหลักในการหาเงินจุนเจือครอบครัว

"เด็กๆ กินอิ่มแล้วไปทำการบ้านให้เสร็จก่อนไปเล่นนะ" เอวาซึ่งเป็นพี่คนโตของบ้านออกคำสั่งกับน้องๆ อีกสิบคนที่กำลังนั่งกินของอร่อยที่เธอซื้อมา

"ค่ะ" เด็กทุกคนรับคำแล้วรีบกินของตัวเองให้หมดโดยไม่มีการแย่งกัน ทุกคนที่นี่อยู่กันแบบพี่น้องที่ผูกพันกันมาก เอวาได้แต่นั่งมองน้องๆ แล้วอดยิ้มไม่ได้

"พี่เอวาสอนการบ้านหน่อยค่ะ" เด็กหญิงวัยสิบขวบเดินถือสมุดการบ้านมาให้เอวาช่วยสอน

"ได้สิ มานั่งเลยเดี๋ยวพี่สอนทีละคน" เอวาเรียกน้องๆ ให้นั่งล้อมโต๊ะตัวใหญ่กลางบ้าน ก่อนจะค่อยๆ สอนการบ้านน้องๆ ทุกคนจนครบ หลังจากทุกคนเข้านอนกันหมดเอวาก็มานั่งอ่านหนังสือเรียนล่วงหน้าของน้องๆ เพื่อใช้สอนในครั้งต่อไป

"ขอบคุณค่ะแม่" เสียงหวานเอ่ยขอบคุณผู้เป็นแม่ที่ถือโคมไฟตั้งโต๊ะกับนมอุ่นๆ มาให้เธอ เอวาไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยเหมือนเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันเพราะเธอไม่มีเงินมากพอ เธอต้องหาเลี้ยงปากท้องน้องๆ อีกสิบคน

"อย่าหักโหมนะลูก"

"ค่ะแม่" เธออยากให้น้องได้เรียนในสิ่งที่ชอบ ทุกคนมีสิทธิ์เลือกทางของตนเอง ส่วนเธอถ้ามีโอกาสเลือกได้ก็คงเลือกที่จะทำงานอยู่ดี เพราะเป้าหมายในชีวิตของเธอคือการทำงานหาเงินให้ได้เยอะๆ

เอวาตั้งใจอ่านหนังสือของน้องๆ ทุกคนเพื่อทำความเข้าใจ โชคดีเด็กที่บ้านหลังนี้อายุไม่เกินสิบห้าปีเธอจึงยังคงสอนการบ้านได้ แต่ถ้าโตกว่านี้ความรู้ที่เธอมีคงไม่พอสอนน้องๆ เป็นแน่