Ep.3
“หวัดดี พ่อบุญส่ง” ผู้ใหญ่สิงห์ทักทายลูกหนี้ด้วยเสียงเข้มวางอำนาจ
“เอ่อ...หวัดดีครับผู้ใหญ่” นายบุญส่งยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าด้วยความกริ่งเกรง
“คงรู้แล้วใช่มั้ย ว่าวันนี้เป็นวันอะไร” สายตาคนพูดมองเลยไปจนถึงใบหน้าสวยหวานของดุจดาวเหยื่อสาวที่คนแก่ตัณหากลับอย่างเขาพอใจเป็นหนักหนา
แค่เมื่อสามวันก่อน เมื่อได้ฟังลูกน้องของเขาเล่าถึงความสวยงามและน่าฟัดของลูกสาวบ้านนี้ ก็ทำให้คนแก่อย่างผู้ใหญ่สิงห์ถึงกับต้องกลืนน้ำลายหลายต่อหลายครั้ง
ยิ่งพอมาเจอตัวจริงของดุจดาววันนี้ ตาแก่ตัณหากลับถึงกับจ้องมองหล่อนไม่วางตาเลยทีเดียว และสิ่งที่เขาอยากได้ในวันนี้คงไม่ใช่เงินแล้วล่ะ แต่น่าจะเป็นของสวยๆ งามๆ ตรงหน้านี้มากกว่า
นายบุญส่งกับนางรำภามองเห็นสายตาที่ผู้ใหญ่สิงห์มองลูกสาวของพวกตนอย่างกับจะกลืนกินแล้วก็ต้องเสียวใจวูบ รู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของดุจดาวขึ้นมาทันที
“นี่คงเป็นหนูน้ำลูกสาวของแม่รำภากับพ่อบุญส่งสินะ สวยดีนี่” สายตาหื่นจัดสำรวจมองหน้าตารูปร่างของสาวน้อยอย่างประเมิน และจินตนาการไปไกลถึงไหนๆ ก็เกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิด
แต่ที่แน่ๆ มันคงเป็นความคิดที่ร้ายกาจสำหรับสองสามีภรรยาที่ยืนหน้าซีดคู่นี้มากที่สุด
“ผู้ใหญ่สิงห์คะ ได้โปรดผ่อนผันหนี้ให้พวกเราอีกสักครั้งเถอะนะ ตอนนี้พวกเราไม่มีเงินจริงๆ” นางรำภาอ้อนวอนเจ้าหนี้อีกครั้ง
“พ่อครับ ผมว่าผ่อนผันให้กับป้ารำภาเขาเถอะครับ เพื่อเห็นแก่น้องน้ำคนสวย” แล้วสายตาหวานกรุ้มกริ่มก็จ้องมองไปยังใบหน้าหวานใสนั้นอีกครั้งอย่างพึงพอใจ และแอบคิดแผนการร้ายกาจเอาไว้ในใจด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ที่ทอประกายแพรวพราวออกมาจนดุจดาวรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว เมื่อสบสายตาหื่นกระหายนั่น
ผู้ใหญ่สิงห์หันมามองลูกชายแวบหนึ่ง แล้วก็รู้ในทันทีว่าลูกชายของตนเองต้องการอะไร และต้องการให้เขาจัดการกับเหยื่อสาวคนสวยนี่ยังไง พลันสายตาทรงอำนาจก็ตวัดมาทางลูกหนี้สองผัวเมียอีกครั้ง เมื่อคิดคำนวณได้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะต่อรองนี้มันคุ้มแสนคุ้ม ไม่มีทางขาดทุนแน่นอน
“ก็ได้ เพื่อเห็นแก่ลูกชายของฉัน ฉันจะให้เวลาแม่รำภาอีกสามวัน ให้หาเงินมาใช้หนี้ฉันทั้งต้นทั้งดอก รวมทั้งหมดสองแสนบาท ถ้าครบกำหนดสามวันเมื่อไหร่ แล้วไม่มีเงินมาใช้หนี้ หนูน้ำจะต้องแต่งงานกับเรืองเดชลูกชายของฉันทันที ตกลงตามนี้นะ”
“ผู้ใหญ่สิงห์!”
สองสามีภรรยาอุทานขึ้นมาพร้อมกันด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดลงมากกว่าเดิม ด้วยไม่คิดว่าเหตุการณ์มันจะกลับตาลปัตรแบบนี้ แต่ก็รู้สึกสังหรณ์ใจมาก่อนหน้านี้บ้างแล้วเหมือนกัน
เมื่อคล้อยหลังเจ้าหนี้ที่มาทวงเงิน นางรำภาก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น เพราะไม่คาดคิดว่าเรื่องทุกอย่างมันจะเลวร้ายถึงเพียงนี้ ทั้งที่ติดหนี้เขาไม่ถึงแสนแต่ทบต้นทบดอกแล้วปาไปสองแสนมันเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงจริงๆ ไม่คิดว่าผู้ใหญ่สิงห์จะเป็นคนหน้าเลือดขนาดนี้ ที่สำคัญการชำระหนี้ครั้งนี้ก็มีชีวิตของลูกสาวนางเป็นเดิมพันด้วยนี่สิมันน่าเศร้าใจเป็นที่สุด
“น้ำ แม่ขอโทษนะลูก แม่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ แม่ขอโทษจ้ะลูก”
“โธ่แม่คะ แม่อย่าโทษตัวเองสิคะ เราต้องโทษไอ้พวกเจ้าหนี้หน้าเลือดนั่นต่างหาก ที่มันคิดจะกลั่นแกล้งให้เราจนตรอก แม่อย่าร้องไห้เลยนะ เรามาช่วยกันคิดหาทางแก้ไขกันดีกว่าจ้ะ”
“พ่อก็ต้องขอโทษน้ำเหมือนกันนะลูก พ่อคิดว่าการลงทุนทำสวนส้มน่าจะได้กำไรบ้าง แต่ปีนี้มันโชคไม่ดีจริงๆ พ่อมันไม่ดีเอง และพ่อผิดเองที่เป็นต้นคิดไปยืมเงินผู้ใหญ่สิงห์เขา ทั้งๆ ที่แม่ของลูกก็เตือนพ่อแล้ว แต่พ่อไม่ฟังแม่เขาเอง”
“โธ่ พ่อจ๋า พ่อเลิกโทษตัวเองเถอะจ้ะมันเป็นเหตุสุดวิสัย เรายังพอมีเวลาอีกตั้งสองสามวันที่จะหาเงินไปใช้หนี้พวกมัน เดี๋ยวน้ำจะหาทางช่วยพ่อกับแม่เองนะจ้ะ”
ดุจดาวตั้งใจอย่างที่พูดจริงๆ ตั้งแต่ก่อนกลับมาบ้านแล้วที่หล่อนตั้งใจแน่วแน่ ว่าหลังจากที่ตนเองเรียนจบแล้ว หล่อนก็จะเริ่มต้นหางานดีๆ ทำ และได้ทำงานที่เธอใฝ่ฝันอยากจะทำด้วย นั่นคือการได้เป็นนางฟ้าบนเครื่องบิน
แต่ทว่าในวินาทีนี้หล่อนจะทำเช่นไรถึงจะหาเงินก้อนโตมาเพื่อใช้หนี้ให้พ่อกับแม่
“แล้วน้ำจะไปหาเงินที่ไหนตั้งสองแสนภายในเวลาอันรวดเร็วแบบนี้ล่ะลูก เราไม่มีญาติที่ไหนที่จะพึ่งพาได้เลยนะในตอนนี้”
นางรำภาบอกกล่าวบุตรสาวมากกว่าที่จะเป็นการถามออกไปตรงๆ ด้วยรู้ว่าดุจดาวเองก็เพิ่งเรียนจบมาและยังไม่มีงานทำ
“น้ำยังมีเพื่อนค่ะแม่ บางที...น้ำอาจขอยืมเงินจากพวกเขาได้” ประกายตาสดใสดูมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย แต่แล้วร่างบางก็นิ่งงันเพราะคิดได้ว่าเพื่อนสนิทของตัวเองแต่ละคนก็กู้ยืมเงินเรียนกันทั้งนั้น
สาวน้อยแอบถอนหายใจเบาๆ แต่ก็พยายามทำสีหน้าให้มีความหวังมากที่สุดเพื่อที่จะเป็นหลักให้พ่อกับแม่ถึงแม้ว่านาทีนี้ตัวเธอเองก็ยังหาทางออกไม่เจอ
“เข้าบ้าน อาบน้ำอาบท่า แล้วหาข้าวหาปลากินกันก่อนนะ เดี๋ยวเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันใหม่”
นายบุญส่งรีบพูดตัดบทพักเรื่องหนี้ไว้ชั่วคราว เพราะถ้ายังพูดเรื่องหนี้ต่อตอนนี้ก็คงยาว
“จ้าพ่อ”
สองแม่ลูกเดินตามหัวหน้าครอบครัวเข้าไปในบ้าน วันนี้นอกจากทุกคนจะเหนื่อยกายแล้ว ก็ยังต้องเหนื่อยใจอีกเป็นเท่าทวีคูณ
หลังจากที่ทุกคนทานข้าวกันเรียบร้อยแล้ว ดุจดาวก็ขอตัวแยกไปนอนในห้องนอนของตัวเองอีกห้อง
เพราะคืนนี้หล่อนมีเรื่องให้ต้องคิดมาก และไม่อยากแสดงสีหน้าที่หม่นหมองให้พ่อกับแม่เห็น ลำพังท่านทั้งสองก็ทุกข์ใจมากพอแล้ว ถ้าให้ต้องมาเห็นใบหน้าที่อมทุกข์ของเธอยิ่งจะไปกันใหญ่ พาลจะนอนไม่หลับกันพอดี
ร่างบอบบางที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง แหงนเงยขึ้นมองบนท้องฟ้า พระจันทร์ที่ลอยอยู่บนนั้นจะรู้หรือเปล่านะ ว่าตอนนี้เธอทุกข์ใจมากแค่ไหน สิ่งที่เธอตั้งใจไว้จะสำเร็จหรือเปล่า และสิ่งที่หล่อนกำลังคิดจะทำในตอนนี้มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วหรือ
โทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กถูกกำไว้ในมือเรียวเล็ก ส่วนมือบางอีกข้างก็ถือกระดาษแผ่นเล็กๆ ไว้ในมือ มันคือนามบัตรของใครคนหนึ่ง พลันสมองของหญิงสาวก็นึกไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่อาทิตย์นี้ ภาพทุกอย่างยังคงชัดเจน
“อุ๊ย!” ร่างบางเซจนเกือบล้ม เมื่อถูกร่างสูงตระหง่านของใครบางคนเดินมาชน ดีที่วงแขนแข็งแรงนั้นเกี่ยวร่างของเธอไว้ได้ทันก่อนที่สาวน้อยจะหงายหลังล้มลงไม่เป็นท่า
“เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมรีบไปหน่อย คุณไม่เป็นอะไรนะ” เสียงทุ้มไพเราะหูเอ่ยออกมาอย่างสำนึกผิด
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวยิ้มบางๆ แต่ก็ต้องตะลึงมองใบหน้าที่อยู่ใกล้เธอแค่คืบ แววตาของเขาเหมือนมีกระแสไฟฟ้าหลายพันโวลต์วิ่งเข้าสู่ร่าง ร่างกายมันร้อนวูบวาบยังไงพิกล พาลทำให้แก้มนวลสองข้างร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่
ชายหนุ่มเองก็ตะลึงมองใบหน้าหวานละมุนที่แดงระเรื่อน่ามองนั้นนานหลายวินาทีเช่นกัน ก่อนที่ร่างของทั้งสองจะรีบผละออกจากกัน ท่ามกลางสายตาของคนที่หันมามองกันเป็นตาเดียว
เมื่อร่างสูงใหญ่เดินออกไป พลันสายตาคู่สวยก็ก้มลงไปเห็นโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งตกอยู่ที่พื้น ดุจดาวก้มลงเก็บขึ้นมาดูก็พอจะรู้ว่ามือถือเครื่องนี้ราคาแพงลิบทีเดียวล่ะ และมันคงเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากของเขา แต่กว่าจะหันไปมองชายนิรนามคนนั้นอีกครั้งเขาก็หายไปแล้ว และหล่อนจะตามเอามือถือไปคืนเขาที่ไหนล่ะ
