บท
ตั้งค่า

Ep.2

“แม่ๆ!” เสียงใสๆ ร้องตะโกนขึ้น

“มีอะไรน้ำ เสียงดังเชียว” นางรำภารีบเดินเข้ามาหาบุตรสาว

“แม่ดูนี่สิ ทำไมส้มมันลูกเล็กจัง ไหนลองแกะกินดูซิ” แล้วมือเล็กก็รีบปลอกเปลือกและแกะกินเนื้อในทันที

“อื้อหือ ทำไมมันเปรี้ยวแบบนี้ล่ะแม่” ดวงตาคู่สวยหลิ่วตาเพราะความเปรี้ยวจี๊ดของผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่าหวานที่สุด

นางรำภาต้องถอนหายใจยาวก่อนที่จะเล่าเกี่ยวกับผลผลิตของส้มสายน้ำผึ้งปีนี้ให้ลูกสาวฟังด้วยใบหน้าที่หม่นลงเล็กน้อย

“ปีนี้ฝนตกชุก ทำให้น้ำท่วมขังหลายวัน ส่งผลให้ผลผลิตที่ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย พอปุ๋ยที่เราให้ถูกชะล้างออกไปก็ทำให้ส้มไม่ค่อยมีคุณภาพ ราคาก็ต่ำลงจนไม่ได้ทุนคืน ส้มที่เหลือก็ขายออกแทบไม่ได้ ที่พอขายได้บ้างก็ต้องคัดแล้วคัดอีก แล้วที่เห็นนี่ก็คงขายไม่ค่อยได้ราคาเท่าไหร่”

ดุจดาวยืนฟังแม่พูดด้วยความรู้สึกรันทดใจไม่น้อย สวนส้มแห่งนี้พ่อแม่ของเธออุตส่าห์ลงทุนลงแรงไปตั้งเท่าไหร่ แต่กลับได้รับผลตอบแทนที่ต่ำเหลือเกิน

“แล้วเราไม่คิดที่จะปลูกพืชอย่างอื่นเหรอแม่”

“คิดอยู่เหมือนกัน แต่เราจะเอาเงินที่ไหนมาเป็นทุนล่ะลูก”

นางอยากจะบอกเหลือเกินว่าตอนนี้ก็ยังเป็นหนี้เขาอยู่ เพราะเอาเงินมาใช้ก่อน เพราะนางกับสามีคิดว่าถ้าเก็บส้มขายได้หมดก็คงจะมีเงินไปผ่อนใช้เขาตามกำหนด นี่แม้กระทั่งดอกเบี้ยก็ยังจะไม่มีจ่ายเขา

ที่สำคัญนางกับสามีก็ผลัดเจ้าหนี้มาหลายเดือนแล้วด้วย แต่ก็กลัวว่าบุตรสาวจะไม่สบายใจ คนเป็นแม่เลยเลือกที่จะไม่พูดต่อ มืออวบอูมตบบ่าเล็กเบาๆ เหมือนไม่อยากให้คิดมาก

“ป๊ะ ไปดูพ่อทำอะไรตรงโน้นดีกว่าลูก”

ร่างบางเดินตามมารดาของตนไป ในใจก็ครุ่นคิดถึงสิ่งที่แม่ของเธอเพิ่งพูดจบลงเมื่อครู่ด้วยความกังวลใจ หญิงสาวคิดว่าแม่ของเธอยังคงมีเรื่องอื่นที่ยังไม่ได้บอกเธอแน่ แค่ดูตาก็พอจะเดาออกว่า มารดาของเธอยังมีเรื่องทุกข์ใจมากกว่านั้น

หลังจากกลับมาจากสวนส้ม สามพ่อแม่ลูกก็ต้องมาพบกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญมายืนรออยู่ที่หน้าบ้าน นายบุญส่งกับนางรำภาดูท่าทางตกใจไม่น้อย

สีหน้าของสองสามีภรรยาซีดเผือดเมื่อประสานสายตากับเจ้าหนี้ที่เคยผัดผ่อนหนี้เขามานานหลายเดือน ทั้งๆ ที่ยังไม่อยากบอกความจริงเรื่องหนี้สินให้ลูกสาวรู้วันนี้ แต่ว่าตอนนี้คงห้ามไม่ทันแล้ว

“ป้า ผู้ใหญ่สิงห์ให้มาทวงหนี้ ว่าไง...จะจ่ายหรือไม่จ่าย” สมุนของผู้ใหญ่สิงห์คนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่กำยำหน้าตาโหดเหี้ยมถามสองสามีภรรยาด้วยสีหน้าถมึงทึง

“คือว่า...ตอนนี้เรายังไม่มีเงินจ้ะ เอ่อ...ขอเวลาพวกเราอีกสักสามเดือนจะได้ไหมจ๊ะ” นางรำภากล่าวขอร้องด้วยน้ำเสียงวิงวอน

“ไม่ได้! ผู้ใหญ่สั่งมา” ชายฉกรรจ์อีกคนหนึ่งตะคอกเสียงเหี้ยม

“แต่ว่าตอนนี้พวกเรายังไม่มีเงินจริงๆ นะพ่อหนุ่ม” นายบุญส่งพยายามยืนยันตามที่ภรรยาของเขาพูดไปเมื่อสักครู่

“นี่มันอะไรกันคะ พ่อ...แม่ พวกเขามาทวงหนี้อะไรกันแล้วมันเท่าไหร่จ๊ะ”

ดุจดาวยืนฟังการสนทนาของทั้งสองฝ่ายก็รู้สึกตกใจไม่น้อย ยิ่งเห็นสีหน้าพ่อกับแม่ของเธอ ก็ยิ่งรู้สึกกังวลใจและหวาดหวั่นใจมากขึ้นเมื่อสองเสือร้ายเริ่มใช้สายตาแทะโลมเธออย่างจาบจ้วง

“นี่คงเป็นลูกสาวของป้าสินะ สวยไม่เบาเลยนะน้องสาว มาเป็นเมียพี่มั้ยน้องแล้วพี่จะช่วยขัดหนี้ให้ ฮ่าๆๆ” แล้วไอ้วายร้ายสองคนนั่นก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน

ร่างบางรีบหลบไปด้านหลังของมารดาทันที แล้วจ้องมองพวกมันอย่างกล้าๆ กลัวๆ หล่อนเกลียดนักไอ้พวกที่ปล่อยเงินกู้แล้วชอบมารีดไถกับชาวบ้านด้วยดอกเบี้ยที่สูงลิบ

ที่สำคัญ...พวกมันไม่มีความเห็นอกเห็นใจชาวบ้านจนๆ ที่ต้องตากแดดหน้าดำทำนาทำสวนหาเงินไปใช้พวกมันสักนิดเลย ไม่รู้ว่าจะขูดเลือดขูดเนื้อกันไปถึงไหน

เมื่อเห็นว่ามีสาวสวยที่จะสามารถนำไปขัดดอกให้กับผู้ใหญ่สิงห์ได้ ไอ้วายร้ายสองตัวนั่นก็มองหน้ากันอย่างครุ่นคิดนิดหนึ่ง ก่อนที่จะมองมาทางเหยื่อสาวที่ตกเป็นเป้าหมายใหม่ที่โดนใจกว่าด้วยนัยน์ตาเป็นมัน และพวกมันสองคนก็เชื่อว่าเจ้านายของพวกมันก็คงต้องชอบดอกเบี้ยแสนสวยนี้อย่างแน่นอน

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นอีกสามวัน ถ้ายังไม่มีเงินไปใช้หนี้ พวกเราจะให้ผู้ใหญ่สิงห์มาเจรจาด้วยตัวเอง” ลูกน้องผู้ใหญ่สิงห์คนหนึ่งกล่าว ก่อนที่พวกมันสองคนจะหันหลังเดินกลับไปที่รถกระบะและขับออกไปอย่างรวดเร็ว

อีกแค่สามวัน พวกมันจะมาทวงหนี้อย่างนั้นหรือ ดุจดาวเดินอ้อมไปอยู่ข้างหน้าพ่อกับแม่ นางรำภาจึงต้องจูงมือลูกสาวไปนั่งตรงแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้านด้วยท่าทางเหนื่อยใจเป็นที่สุด

ร่างบางมองหน้ามารดานิ่งเหมือนรอคอยสิ่งที่นางกำลังจะเล่าให้ฟัง เมื่อเห็นว่าสามีพยักหน้ารับรู้และเห็นด้วย นางจึงจำเป็นต้องเล่าเรื่องหนี้สินทั้งหมดที่ติดค้างผู้ใหญ่สิงห์ให้ลูกสาวฟังอย่างละเอียด

“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละจ้ะน้ำ”

นางรำภามองหน้าบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง นางจำสายตาของสองคนนั้นได้ พวกมันมองดุจดาวเหมือนกำลังคิดไม่ดีอะไรสักอย่าง และนางก็สังหรณ์ใจเหลือเกินว่าอีกสามวันข้างหน้าที่จะถึงนี้ ต้องมีเรื่องให้กังวลใจมากกว่านี้แน่

“ไม่เป็นไรจ้ะแม่ อีกสามวันน้ำจะลองเจรจากับเจ้าหนี้ของแม่ดู เผื่อว่าพวกมันจะเห็นใจพวกเราบ้าง นะจ๊ะแม่”

“โธ่น้ำ น้ำยังไม่รู้จักผู้ใหญ่สิงห์ ใครๆ ก็รู้ว่าเขาชอบสาวๆ สวยๆ ขนาดไหน แม่เป็นห่วงน้ำมากเหลือเกินลูก แม่จะทำยังไงดี”

แววตาที่แสนอ่อนโยนมองหน้าลูกสาวสุดที่รักด้วยความห่วงใยเหลือแสนและรู้สึกผิดที่ตนเองไม่น่าไปกู้หนี้ยืมสินเขามาลงทุนทำนาทำสวนเลย ไม่น่าเลยจริงๆ

ภายในเวลาแค่สามวัน ชาวสวนจนๆ อย่างพวกนางจะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ตั้งแปดเก้าหมื่น รวมดอกด้วยก็คงจะมากกว่าเกือบเท่าตัว เพราะค้างเขามาหลายงวดแล้ว และทางเดียวที่จะใช้หนี้ได้ก็คือ ต้องเอาที่สวนไปเข้าจำนองธนาคารหรือไม่ก็เอาบ้านไปจำนอง แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า โฉนดที่บ้านกับที่สวนได้เอาไปจำนองผู้ใหญ่สิงห์ไว้ทั้งหมด เพราะความซื่อเกินไปไม่ทันได้คิดหน้าคิดหลัง

สีหน้าที่เป็นกังวลของพ่อกับแม่ไม่อาจหลุดพ้นจากการสังเกตของดุจดาวไปได้ โดยเฉพาะแววตาท่าทางที่อมทุกข์ของผู้เป็นแม่ที่ไม่อาจจะปกปิดลูกสาวได้ ก็ทำให้ดุจดาวต้องพยายามเค้นหาความจริงทุกอย่างจากปากของมารดา และก็ได้รู้ว่าปัญหาคราวนี้หนักหนาสาหัสจริงๆ แทบจะมองไม่เห็นทางออกเลย

ดุจดาวพยายามโทรขอความช่วยเหลือผู้เป็นอาสาวที่หล่อนเคยไปอาศัยอยู่ด้วยช่วงที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นคำปฏิเสธที่ไร้เยื่อใย นี่ขนาดญาติกันแท้ๆ ยังพึ่งพาอาศัยกันไม่ได้ แล้วพวกเธอยังจะสามารถพึ่งพาใครได้อีก เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ก็คงต้องรอเวลาในการเจรจากับเจ้าหนี้อีกครั้งเพื่อขอผ่อนผัน แต่มันคงเป็นไปได้ยากเหลือเกิน

เมื่อครบกำหนดสามวันหลังเลิกงานตอนเย็น ทั้งผู้ใหญ่สิงห์ทั้งลูกชายและลูกสมุนของพวกมันก็มากันพร้อมหน้า เหมือนได้กะเวลาเอาไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้วอย่างแม่นยำ

ดังนั้นสามแม่ลูกจึงไม่แปลกใจเลยที่เห็นเจ้าหนี้ใจหินมานั่งรอยืนรออยู่ที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน พอเจ้าของบ้านมาถึง พวกมันก็พากันลุกเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย ออกไปทางขมขู่กันทางสายตาเสียด้วยซ้ำ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel