บท
ตั้งค่า

Ep.4

เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็มีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เครื่องที่ดุจดาวเก็บได้ หญิงสาวมองหน้าจอมือถือครู่หนึ่งก็กดรับสาย

“สวัสดีค่ะ”

“เอ่อ ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณเก็บมือถือของผมได้ใช่มั้ยครับ” เสียงที่เพิ่งคุ้นเคยถามกลับมาอย่างสุภาพ

“ใช่ค่ะ ดิฉันตั้งใจจะเอาไปคืนคุณ แต่ไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน”

“ขอบคุณมากนะครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปเอาเอง ว่าแต่คุณอยู่ที่ไหนครับตอนนี้”

“ฉันนั่งรอคุณอยู่ที่ๆ คุณชนฉันเมื่อครู่นี้แหละค่ะ ตรงที่นั่งพักแถวๆ นั้น”

“โอเคครับ อีกสิบนาที ผมจะรีบไปหาคุณ”

“ค่ะ”

สิบนาทีผ่านไปก็ปรากฏร่างสูงใหญ่โดดเด่นของสุภาพบุรุษหนุ่มรูปงามยืนอยู่ตรงหน้าผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังนั่งก้มหน้ามองโทรศัพท์เครื่องเล็กสีดำแวววาวที่อยู่ในมือตัวเองไปมาอย่างเพลิดเพลิน

แต่เมื่อรองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้มจัดที่ปรากฏอยู่บนพื้นโดยไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน แววตาที่ดูสงสัยก็ค่อยๆ ไล่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนมองเห็นใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาราวเทพบุตรนั้นได้อย่างชัดเจน แล้วหล่อนก็จำได้แม่นทีเดียว...เขานั่นเอง ร่างเล็กยืนขึ้นทันที แล้วยื่นมือถือส่งให้เจ้าของ

“นี่ค่ะ”

มือเรียวใหญ่ยื่นมารับมือถือของตนเองอย่างสุภาพ

“ขอบคุณมากครับ”

“เอ่อ...เดี๋ยวสิคุณ!”

ร่างเพรียวระหงตั้งท่าจะเดินหนีไป แต่ก็ถูกเสียงอันทรงพลังเรียกเอาไว้ สาวน้อยหยุดเดินกะทันหันแล้วหันมองกลับมาทางเดิม ก็เห็นเขาเดินเข้ามาหา

“นี่ครับ นามบัตรของผม ถ้าคุณมีเรื่องเดือดร้อนอะไร โทรหาผมได้ตลอดเวลา”

ดุจดาวมองผู้ชายตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปรับกระดาษแผ่นเล็กมาไว้ในมือ แต่ก็ไม่ค่อยกล้าสบตาเขามากนัก เพราะความประหม่าที่ถูกเขามองหน้าเธอตรงๆ

“ขอบคุณค่ะ”แต่มันไม่จบแค่นั้น มือหนายังล้วงกระเป๋าเงินของเขาออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วหยิบธนาบัตรแบงค์พันยื่นให้เธอหลายใบ ดุจดาวรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้น

“ผมให้เพื่อเป็นค่าตอบแทนที่คุณเก็บมือถือของผมได้ครับ”

“ฉันรับเงินของคุณไว้ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันต้องการแค่คำขอบคุณเท่านั้น และตอนนี้นามบัตรของคุณฉันก็ไม่อยากรับแล้วด้วย” สาวน้อยกล่าวอย่างแสนงอน เพราะรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้ากำลังดูถูกน้ำใจของเธอ

“เดี๋ยวสิครับคุณ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณรู้สึกไม่ดีนะครับ โอเค...ผมเข้าใจแล้ว นามบัตรของผมรับไปเถอะครับ ถ้าไม่รังเกียจกัน” เขายัดเยียดกระดาษแผ่นเล็กไว้ในอุ้งมือน้อยๆ ของเธออีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มที่หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธได้

“ฉันขอตัวนะคะ” ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะแดงเรื่อมากขึ้นกว่านี้ หญิงสาวต้องรีบเดินหนีไปเสียก่อน ก่อนที่เขาจะรู้ว่าสาวน้อยที่ยังไม่เคยมีรักอย่างเธอ ประหม่าและเขินอายมากแค่ไหนเมื่อถูกเขาจ้องมองด้วยสายตาคมซึ้งแบบนั้น

สายตาคู่สวยกวาดมองตัวอักษรที่แสดงชื่อและนามสกุลที่อยู่มุมขวามือเกือบล่างสุด พร้อมทั้งท่องหมายเลขโทรศัพท์ของเขาในใจ ก่อนที่จะทำอะไรลงไป ใบหน้าสวยหวานปนเศร้าก็แหงนมองดูพระจันทร์ที่ลอยเด่นส่องแสงสว่างไสวนั้นอีกครั้ง ในใจก็นึกภาวนาขอพรต่อจันทร์เจ้าขาด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวังและความฝัน

เสียงมือถือดังขึ้นมาในตอนดึกหลายครั้งกว่าเจ้าของร่างหนาที่นอนเหยียดยาวอยู่บนที่นอนหนานุ่มจะตื่นขึ้นมากดรับสายด้วยอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น เพราะวันนี้ชายหนุ่มรู้สึกเพลียมากจริงๆ เขาจึงต้องล้มตัวลงนอนพักผ่อนเร็วกว่าทุกคืนที่ผ่านมา

“ฮัลโหล สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะ เอ่อ...คุณอย่าเพิ่งวางสายนะคะ ฉัน...ฉันคือเอ่อ...คนที่เก็บมือถือของคุณได้น่ะค่ะ คือว่าฉัน...มีเอ่อ...มีเรื่องจำเป็นมาก ที่...ที่ต้องรบกวนคุณค่ะ กรุณาด้วย” เสียงปลายสายพูดละล่ำละลักตอบกลับมาคล้ายกับไม่มั่นใจนัก และคงกลัวว่าเขาจะวางสายก่อนที่หล่อนจะพูดจบ

เมื่อพอจำได้ว่าเป็นใครที่โทรมา พลประภัทรจึงต้องเงี่ยหูฟังเสียงเล็กๆ นั่นพูดจนจบก่อนที่จะถามกลับไป

“คุณต้องการให้ผมช่วยอะไรสาวน้อย พูดมาเลยครับ” ขณะที่กำลังตั้งใจฟัง พลันเขาก็นึกไปถึงใบหน้าแดงเรื่อที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเผลอจ้องมองอย่างเผลอไผล และเขายังจำมันได้ดีถึงความไร้เดียงสาที่ซ่อนอยู่ในตัวหญิงสาว

“ฉัน...ขอยืมเงินคุณสัก...เอ่อ...สักสองแสนได้ไหมคะ ฉัน...ต้องการด่วนมาก”

เสียงปลายสายเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะถามต่อ

“ด่วนมากแค่ไหน”

“ต้องได้ภายในวันมะรืนนี้ค่ะ”

“แต่ผมคิดว่าเงินตั้งสองแสนบาทมันน่าจะมากเกินกว่าสิ่งที่ผมติดค้างคุณนะ โทรศัพท์เครื่องนี้ราคาของมันยังไม่ถึงครึ่งแสนเลยนะคุณ”

“ให้ฉันไปทำงานใช้หนี้คุณได้มั้ยคะ ฉันเห็นในนามบัตรของคุณมีชื่อบริษัทอยู่ด้วย ฉันเพิ่งเรียนจบมายังไม่มีงานทำ ให้ฉันทำงานในตำแหน่งอะไรก็ได้ ฉันทำได้ทั้งนั้น”

“แล้วผมจะเชื่อได้ยังไง ว่าคุณจะไม่โกงผม” สำหรับนักธุรกิจอย่างเขาต้องไม่มีคำว่าขาดทุน น้ำใจเขามีให้หล่อนอยู่แล้ว แต่พลประภัทรเห็นว่าสิ่งที่หล่อนขอมันมากไปหน่อยเท่านั้นเอง

“ฉันจะส่งหลักฐานส่วนตัว อย่างเช่น...เอ่อ...สำเนาบัตรประชาชน และวุฒิการศึกษา ไปให้คุณก็ได้ ถ้าคุณไม่เชื่อใจ”

หลังจากคิดคำนวณดูแล้วชั่วครู่ผู้บริหารหนุ่มแห่งบริษัทนำเข้ารถยุโรปรายใหญ่ของไทยก็ตัดสินใจได้ รอยยิ้มที่ยากเกินจะคาดเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ก็ผุดพรายขึ้นบางๆ บนริมฝีปากหยักได้รูปนั้น

“ตกลง ผมจะลองเชื่อใจคุณดูสักครั้ง พรุ่งนี้ส่งเอกสารพร้อมกับหมายเลขบัญชีของคุณมาให้ผมตามเบอร์แฟกซ์ที่คุณเห็น เมื่อผมได้รับเอกสารของคุณครบแล้ว ผมถึงจะโอนเงินไปให้ และหลังจากที่คุณได้เงินแล้วหลังจากนั้นไม่เกินสามวัน คุณต้องมาทำงานใช้หนี้ผม”

“เอ่อ เดี๋ยวค่ะ งานอะไรเหรอคะ”

ชายหนุ่มรู้ว่าที่หญิงสาวถามเขาเพราะต้องการอยากรู้อะไร หล่อนคงกลัวสินะ...ว่าเขาจะให้หล่อนทำงานอย่างอื่นที่ไม่น่าไว้ใจที่ไม่ใช่งานออฟฟิศหรืองานรับจ้างทั่วไป

“ก็เป็นงานในบริษัทของผมนี่แหละครับ ผมไม่เอาคุณมาขายตัวหรอกน่า คิดกลัวไปได้” น้ำเสียงของเขาฟังดูน่าไว้ใจเสียที่ไหนล่ะ แต่สาวน้อยก็ไม่มีทางเลือก เมื่อเขาเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่เธอมีอยู่

“ตกลงค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะรีบส่งเอกสารไปให้คุณ และจะเดินทางไปทำงานใช้หนี้คุณ หลังจากที่ฉันเคลียร์ปัญหาและทำธุระทางบ้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

“โอเค ผมจะรอ”

หลังจากที่ได้พูดคุยกับสาวน้อยที่กำลังจะกลายมาเป็นลูกหนี้หรือว่าที่ลูกจ้างรายใหม่ พลประภัทรก็นอนคิดอะไรเพลินๆ ต่อไปอีกสักครู่

แปลกจริงๆ ทำไมใบหน้าอ่อนเยาว์ของสาวน้อยขี้อายคนนั้น ถึงได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่รู้ ภาพทุกอย่างในวันนั้นฉายชัดราวกับดูภาพยนตร์ซ้ำไปซ้ำมา ชายหนุ่มนอนตะแคงกอดหมอนข้างคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งผล็อยหลับไป

ดุจดาวตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวที่จะออกไปข้างนอกด้วยความรีบเร่ง เพราะวันนี้หล่อนต้องรีบเข้าไปทำธุระในตัวอำเภอ โดยยังที่ไม่ได้บอกกับพ่อแม่ว่าจะไปไหน จึงทำให้สองสามีภรรยาที่กำลังง่วนอยู่กับการทำงานบ้านของตนเองอยู่ต้องละจากงานชั่วครู่แล้วหันมามองลูกสาวของตนอย่างสงสัยว่าดุจดาวกำลังจะออกไปไหน

“น้ำ จะออกไปไหนเหรอลูก” นางรำภาอดไม่ได้ที่จะถามบุตรสาวออกไป

“น้ำจะออกไปหาเพื่อนในอำเภอจ้า บ่ายๆ ถึงจะกลับ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel